xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวกรองเขมรลากไส้ “ทักเซน-ฮุนสิน” งุบงิบใต้โต๊ะน้ำมันอ่าวไทย โยงปราสาทพระวิหาร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

<bR><FONT color=#3366ff>ภาพเก่าเอามาเล่าใหม่ แสดงให้เห็นบรรยากาศการต้อนรับฉันท์ญาติสนิท โดยครอบครัวฮุนเซน นั่นคือเหตุการณ์วันที่ 10 พ.ย.2552 ซึ่ง เพื่อชั่ว..นิรันดร ของฮุนเซนเดินทางเข้ากัมพูชาครั้งแรกในฐานะที่ปรึกษาเศรษฐกิจของรัฐบาล สำนักข่าวของชาวเขมรโพ้นทะเลรายงานในวันนี้ สาวให้เห็นเบื้องหลังเบื้องลึกความสัมพันธ์ของสองฝ่ายบนพื้นฐานผลประโยชน์ที่มีมาตั้งแต่ต้นปี 2549 </FONT>


ASTVผู้จัดการออนไลน์ - นายกรัฐมนตรีกัมพูชาฮุนเซนกับอดีตนายกรัฐมนตรีไทย ซึ่งปัจจุบันคือ นักโทษชายทักษิณ ชินวัตร ได้บรรลุข้อตกลงในสัญญาลับ เพื่อร่วมกันแบ่งปันผลประโยชน์ส่วนตัวแบบ “ใต้โต๊ะ” เงินตอบแทนจากบรรดาบริษัทสำรวจน้ำมัน ในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างสองประเทศ และเรื่องนี้เชื่อมโยงถึงการตกลงกันในกรณีปราสาทพระวิหารที่กัมพูชานำไปขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียวอีกด้วย

สำนักข่าวออนไลน์ KI-Media ของชาวเขมรที่อาศัยทำกินในต่างแดน และสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารอย่างกว้างขวาง รายงานเรื่องนี้ในคอลัมน์ “ข่าวกรอง” (Intelligence) ประจำวันที่ 21 มี.ค.2553 ตีพิมพ์เผยแพร่ในวันจันทร์ (22 มี.ค.) นี้

นับเป็นครั้งแรกที่มีข้อมูลเช่นนี้จากสื่อของฝ่ายกัมพูชา หลังจากข้อสงสัยเช่นนี้เกิดขึ้นในฝั่งไทยมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว

สำนักข่าวแห่งนี้กล่าวว่า ฮุนเซนกับทักษิณ ตกลงกันเรื่องนี้ในต้นปี 2549 จะแบ่งปันผลประโยชน์จากเขตทับซ้อนในน่านน้ำ อย่างกว้างๆ ดังต่อไปนี้ :

- รายได้จากโซนที่อยู่ใกล้กับพูชาที่สุดจะแบ่งออกเป็นดังนี้ คือ กัมพูชาได้รับส่วนแบ่ง 70% และ ไทยได้รับ 30%
- รายได้จากโซนที่อยู่ใกล้กับไทยที่สุด ฝ่ายไทยได้ส่วนแบ่ง 70% และกัมพูชา 30%

อย่างไรก็ตาม ฮุนเซนกับทักษิณ ได้ตกลงกันจะทำให้ ประชาชนในทั้งสองประเทศเข้าใจไขว้เขว โดยจะ “รับรอง” ว่า บางโซนที่อยู่ใกล้กับไทยก็จะถือว่าอยู่ใกล้กัมพูชา และในทางกลับกันบางโซนที่อยู่ใกล้กัมพูชาก็จะถือว่าอยู่ใกล้ไทยด้วย

เมื่อเป็นเช่นนี้ ในกรณีของกัมพูชา แทนที่จะได้รับส่วนแบ่ง 70% ก็จะได้รับส่วนแบ่งจากที่บรรดาบริษัทน้ำมันจ่ายให้เพียง 30% เท่านั้น อีก 40% ที่เหลือจะแบ่งกันคนละครึ่งระหว่างฮุนเซนกับทักษิณ
<bR><FONT color=#3366ff>แผนที่จัดทำขึ้นใหม่ แสดงแปลงสำรวจน้ำมันทั้งบนบกและในน่านน้ำอ่าวไทยของกัมพูชา รวมทั้งน่านน้ำทับซ้อนในอ่าวไทยระหว่างไทยกับกัมพูชา สำนักข่าวของชาวเขมรโพ้นทะเลระบุว่า ที่นี่เคยมีคนสองคนตกลงจะแบ่งปันผลประโยชน์มหาศาลจากบริษัทสำรวจน้ำมัน เพื่อนำเข้ากระเป๋าตัวเอง โดยเชื่อมโยงไปถึงปราสาทพระวิหารที่ชายแดนสองประเทศอีกด้วย </FONT>
การแบ่งปันผลประโยชน์เช่นนี้จะใช้กับกรณีเขตน่านน้ำทับซ้อนที่อยู่ใกล้กับไทยด้วย ซึ่งจะทำให้บุคคลทั้งสองได้รับส่วนแบ่งคนละ 20% เช่นกัน KI-Media กล่าว

**การเชื่อมโยงกันระหว่างข้อตกลงลับน้ำมันกับกรณีประสาทพระวิหาร**

เพื่อให้การปฏิบัติข้อตกลงลับ (ผลประโยชน์) น้ำมันเป็นไปอย่างราบรื่น ทักษิณได้ให้สัญญากับฮุนเซน จะให้รัฐบาลกัมพูชากระทำตามความพอใจกับปราสาทพระวิหาร รวมทั้งการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกกับองค์การยูเนสโก้ สำนักข่าวเดียวกันกล่าวในข่าวกรองอีกชิ้นหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลใหม่ของไทยที่ตั้งขึ้นหลังจากทักษิณตกจากอำนาจในปลายปี 2549 ได้ตัดสินใจที่จะไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงลับและเป็นการส่วนตัวระหว่างทักษิณกับฮุนเซน

เหตุการณ์ต่างๆ ที่ชายแดนเกิดขึ้นในปี 2551 เมื่อฮุนเซนพยายามปลุกกระแสชาตินิยมเขมรให้ลุกลามในช่วง 2-3 สัปดาห์ก่อนหน้าการเลือกตั้งกัมพูชาในเดือน ส.ค. ทำให้ทางการไทยตอบโต้ด้วยการปลุกกระแสชาตินิยมของตัวเองบ้าง KI-Media ระบุ

สำนักข่าวแห่งนี้รายงานในเดือน ม.ค.ที่ผ่านมาว่า นช.ทักษิณ ได้โอนสัญชาติเป็นพลเมืองกัมพูชาแล้ว ซึ่งทำให้บรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูงในกรุงพนมเปญรีบออกปฏิเสธพัลวัล
<bR><FONT color=#3366ff>แผนที่จัดทำขึ้นใหม่ แสดงเขตน่านน้ำทับซ้อนในอ่าวไทยระหว่างไทยกับกัมพูชา ที่เชื่อว่าเป็นแหล่งน้ำมันดิบและก๊าซมหาศาล ซึ่งสำนักข่าวของชาวกัมพูชาโพ้นทะเลระบุว่า เมื่อหลายปีก่อนมีคนสองคนคิดการใหญ่ ออกสารพัดอุบายเพื่อกินตามน้ำ แบ่งปันเงินที่บริษัทสำรวจน้ำมันต่างๆ จ่ายให้กับสองประเทศ แต่เข้ากระเป๋าตัวเอง ซึ่งนับเป็นเรื่องใหม่ </FONT>
กรณีดังกล่าวนับว่ามีเค้าความจริงอยู่บ้าง ในช่วงที่ นช.ทักษิณ เดินทางเข้ากัมพูชาครั้งแรกในเดือน พ.ย.2552 และมีการจับกุมวิศวกรบริษัทควบคุมการบินชาวไทยฐาน “จารกรรม” ล้วงความลับเที่ยวบินของทักษิณนั้นหนังสือพิมพ์ในกัมพูชาบางฉบับได้อ้างคำพูดของเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่ระบุว่า ทักษิณ เข้ากัมพูชาโดยใช้หนังสือเดินทางที่รัฐบาลกัมพูชาออกให้ ซึ่งถือเป็นพลเมืองกัมพูชาและจะทำให้วิศวกรไทยคนดังกล่าวต้องรับโทษอย่างหนัก

ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ รัฐบาลฮุนเซนเคยให้ฐานะพลเมืองกิตติมศักดิ์แก่บุคคลสำคัญจำนวนหนึ่ง รวมทั้งแองเจลินา โจลี ดารานักแสดงฮอลลีวูด ที่มีศักดิ์และสิทธิ์เท่าเทียมกับชาวเขมรที่อาศัยอยู่ในประเทศทุกประการ รวมทั้งถือหนังสือเดินทางของกัมพูชาอีกด้วย

เคยมีหลายกรณีที่ “ข่าวกรอง” ของ KI-Media กลายเป็นความจริง รวมทั้งกรณีนายเท่ง บุญมา นักธุรกิจใหญ่ที่ขัดแย้งผลประโยชน์กับผู้นำระดับสูงในรัฐบาลหายตัวไปอย่างลึกลับในช่วงปี 2550 สำนักข่าวแห่งนี้รายงานว่า นายบุญมา “โดนอุ้ม” โดยคนมีสี ก่อนจะเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจ

ทั้งหมดกลายเป็นความจริงในเวลาต่อมา
<bR><FONT color=#3366ff>นี่คือฉากใหญ่อีกฉากหนึ่งที่จัดขึ้นในวันที่ 11 พ.ย.2552 นายกฯ กัมพูชาฮุนเซนโผเข้า แบร์ฮัก เพื่อนชั่ว..นิรันดร แบบอีกฝ่ายหนึ่งตั้งตัวไม่ติด เนื่องจากเพิ่งจะพบกันเมื่อในตอนค่ำวันก่อน วันนี้สำนักข่าวของชาวเขมรในต่างแดน ให้ข้อมูลที่น่าระทึกใจเป็นอย่างยิ่ง โดยโยงใยให้เห็นผลประโยชน์ล้ำลึก อันเป็นแก่นกลางในความสัมพันธ์ของสองฝ่าย </FONT>
กำลังโหลดความคิดเห็น