ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ขณะที่ประชาชนกัมพูชา 12 ล้านคน ถูกครอบงำโดยข่าวโทรทัศน์ฟรีทีวีช่องต่างๆ ที่ทางการควบคุมอย่างใกล้ชิด และสื่อสิ่งพิมพ์ตกอยู่ใต้การครอบงำโดยรัฐ ขาดเสรีภาพในการเสนอข้อมูลข่าวความคิดเห็นอย่างรอบด้าน ชาวเขมรที่อาศัยทำกินในต่างแดน กลับมีอิสระมากกว่าในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร และระบายความคิดเห็นผ่านเว็บบล็อกข่าวต่างๆ
ชาวเขมรในต่างแดนส่วนใหญ่เกือบเป็นเอกฉันท์ คัดค้านการนำนักโทษชายทักษิณเข้าประเทศ สร้างศัตรูกับประเทศไทยโดยไม่จำเป็น แต่ก็ทราบดีว่า ฮุนเซนจะไม่ใส่ใจกับเสียงทักท้วงเหล่านี้
ตั้งแต่ความตึงเครียดในความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชา ส่อเค้าตั้งแต่ปลายเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา หลังจากนายกรัฐมนตรีฮุนเซน ประกาศจะให้นักโทษทักษิณเดินทางเข้าประเทศ “เขมรนอก” นับร้อยๆ คน ได้แสดงความคิดเห็นผ่านเว็บบล็อกยอดนิยมต่างๆ แม้ว่าคนเหล่านั้นจะต่อต้านนโยบายของไทยในความขัดแย้งที่ชายแดนด้านปราสาทพระวิหาร แต่ก็ไม่เห็นด้วยกับที่ฮุนเซนจะให้แหล่งพักพิงแก่นักโทษชายที่ประเทศไทยต้องการตัว
“อาชญากรทักษิณเป็นเพื่อนกับฮุนเซน แต่ไม่ใช่เพื่อนของชาวกัมพูชา จึงไม่สมควรเดินทางเข้าประเทศ” ชาวเขมรต่างแดนรายหนึ่ง กล่าว ในบล็อก Khmerization ภาคภาษาเขมร ซึ่งเป็นแหล่งแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารเหตุการณ์ภายในกัมพูชา
“ถ้าเทียบกับกรณี พระทิม สาคร เห็นได้ชัดเจนว่า ฮุนเซนรักนักโทษหนีคดีจากประเทศไทยมากกว่าชาวเขมรด้วยกันเอง” ชาวเขมรในสหรัฐฯ อีกคนหนึ่งกล่าว ซึ่งหมายถึงหลวงพี่สาคร (Tim Sakorn) ผู้นำสงฆ์ชาวขะแมร์กร็อม ในภาคใต้เวียดนาม ที่กลายเป็นกรณีอื้อฉาวในปี 2550 เมื่อทางการประเทศนั้นตามจับในข้อหาปลุกปั่นยุยง จึงหลบหนีเข้ากัมพูชา แต่ถูกรัฐบาลฮุนเซนจับตัวส่งกลับไปให้เวียดนามดำเนินคดี
ชาวเขมรอีกคนหนึ่งที่ชื่อ “กี่” (Ky) เขียนความเห็นยาว 2 หน้ากระดาษส่งไปให้สำนักข่าวออนไลน์ Everyday.com.kh ระบุว่า “การแต่งตั้งทักษิณ (เป็นที่ปรึกษา) โดยต้องทะเลาะกับอภิสิทธิ์ (นายกรัฐมนตรีไทย) นั้น เป็นเกมของผู้นำที่โง่เง่าแห่งกัมพูชา” และ “เป็นการโยนชาวเขมรเข้ากองไฟ”
เขมรต่างแดนรายหนึ่งซึ่งแนะนำตัวเองว่าเป็นนักวิชาการสอนหนังสือในสหรัฐฯ ได้กล่าวว่า รัฐบาลฮุนเซน ชอบใช้นโยบาย “พุ่งชน” แบบนี้มาตลอด คือ ไปตายเอาดาบหน้า แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปวันๆ ทำให้เรื่องเล็กๆ ที่ไม่สำคัญบานปลายออกไปเป็นเรื่องใหญ่ ยกตัวอย่างการต่อสู้กับพวกเขมรแดงด้วยกันในอดีต ซึ่งในที่สุดไม่สำเร็จต้องไปขอให้เวียดนามซึ่งเป็นไม้เบื่อไม้เมากับฝ่ายเขมรแดง ส่งกองทัพเข้าไปช่วยขับไล่กลุ่มของโปลโป้ต (Pol Pot) ฝ่ายตรงข้ามของฮุนเซน
และผลก็คือ “ตอนนี้ฮุนเซนต้องจ่ายทุกอย่างที่เวียดนามต้องการ รวมทั้งดินแดนที่ชายแดนตะวันออกด้วย” นักวิชาการรายนี้ กล่าว
“เมื่อตึงเครียดมากขึ้น ฮุนเซนก็จะเชื้อเชิญทหารเวียดนามเข้าไปตั้งในประเทศอีก เพราะสองฝ่ายมีสัญญามิตรภาพต่อกันจะช่วยเหลือกันในด้านความมั่นคงปลอดภัย”
“ฮุนเซนได้ตบหน้าอภิสิทธิ์ แต่เป็นการกระทำแบบตัวตลกที่ไม่ได้มีแผนการอื่นๆ รองรับ และกำลังจะทำให้กัมพูชาตกอยู่ใต้การครอบงำของเวียดนามต่อไปอีก ชาวเขมรจะต้องใช้สินค้าจากเวียดนาม แทนสินค้าไทยซึ่งคนส่วนใหญ่ไม่ปรารถนา” นักวิชาการคนเดียวกัน กล่าว
ชาวเขมรในต่างแดนอีกหลายคนตั้งเป็นข้อสังเกตว่า การนำทักษิณเข้าไปโฆษณาประชาสัมพันธ์อย่างอึกทึกครึกโครม ยังมีขึ้นขณะที่ความลับเกี่ยวกับการฮุบดินแดนโดยฝ่ายเวียดนามถูกเปิดโปงออกมา
“ฮุนเซนประสบความสำเร็จในการหลอกใช้นักโทษจากประเทศไทยเป็นเครื่องมือในการเบี่ยงเบนความสนใจของสาธารณชนไปจากการสูญเสียดินแดนทางด้านตะวันออก”
อย่างไรก็ตาม ในกรุงพนมเปญนั้นเป็นอีกบรรยากาศหนึ่ง สื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ พาดหัวข่าวอย่างราบเรียบ หลายฉบับชื่นชมความสามารถของนักโทษชายจากประเทศไทย และแสดงยินดีที่รัฐบาลฮุนเซน ตั้งใจที่จะพัฒนาเศรษฐกิจ ปรับปรุงชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ขจัดความยากจนให้หมดไป