ASTVผู้จัดการออนไลน์-- งานช้างประจำปี 2553 ถูกกำหนดขึ้นอีกครั้งหนึ่งในเดือนหน้า และ กำลังจะเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน ขณะที่ลาวหันมาส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์เป็นจุดขาย
ช้างเมืองหงสา แขวงไซยะบูลี อาจจะยังไม่เป็นที่รู้จักกันแพร่หลายในหมู่ประเทศเพื่อน แต่บริษัทท่องเที่ยวต่างๆ ขายแพ็คเกจทัวร์สำหรับงานนี้ในตลาดนานาชาติ โดยร่วมกับองค์การระหว่างประเทศ และ บริษัทท่องเที่ยวรายใหญ่ รวมทั้งเอ็กโซติสโม กับดีธแฮล์ม ซึ่งเข้าทำธุรกิจท่องเที่ยวในลาวมาก่อนใครๆ
องค์การบริหารการท่องเที่ยวลาวกับทางการแขวงไซยะบูลี ประกาศจัดงานแสดงช้างเมืองหงสา 2553 ระหว่างวันที่ 20-21 ก.พ. ปีนี้จะจัดเป็นงานวัฒนธรรม "แสดงถึงสายสัมพันธ์ระหว่างคนกับช้างเอเชียที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์" สำนักข่าวสารปะเทดลาวกล่าว
ปีนี้จะมีช้างเข้าร่วมราว 50 เชือก เชื่อว่าจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวลาวและชาวต่างชาติโดยเฉพาะอย่ายิ่งประเทศไทยเดินทางไปที่นั่นราว 82,000 คน เพิ่มขึ้นจากปีแล้วเล็กน้อย
ปัญหาสำคัญก็คือ งานช้างไม่สามารถที่จะจัดให้ใหญ่โตกว่านี้ได้ ที่นั่นเป็นเพียงระดับเมือง (อำเภอ) เล็กๆ ของแขวง การเดินทางจากนครเวียงจันทน์แม้จะไม่ถึงกับลำบากมากแต่ก็ใช้เวลา ส่วนใหญ่จึงเดินทางผ่านด่านชายแดนด้าน จ.น่าน ที่อยู่ใกล้กว่า หรือ นั่งเรือตามลำน้ำโขงจากเมืองห้วยทรายแขวงบ่อแก้ว
จากการแสดงของช้างธรรมดาๆ ปีนี้จะมีกิจกรรมของช้างมากยิ่งขึ้น รวมทั้ง ขบวนช้าง ช้างอาบน้ำ ช้างงาน ช้างในงานพิธีสำคัญต่างๆ ช้างลากซุง ช้างเพื่อการเดินป่าท่องเที่ยว งานประกวด "ช้างแห่งปี" การจัดแสดงสินค้า การแสดงคอนเสิร์ตของศิลปินลาว งานพลุและดอกไม้ไฟ ฯลฯ
งานช้างเมืองหงสาได้รับการสนับสนุนจากองค์การอนุรักษ์ช้างจากทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ Elefant Asia ซึ่งเป็นเรี่ยวแรงสำคัญ ช่วยองค์การบริหารกรท่องเที่ยวของลาว ส่งเสริมการขายในต่างแดน และ จัดเนื้อหาสาระให้นักท่องเที่ยวศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างสัตว์ยักษ์ชนิดนี้กับผู้คนในแถบเอเชีย ที่มีมาแต่โบราณกาล
ไกลออกไปจากเมืองหงสา หลายปีมานี้ทางการลาวได้เร่งปรับปรุงแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ขึ้นหลายแห่งในแขวงภาคเหนือ ตั้งแต่อุดมไซ หัวพัน หลวงพระบาง และเซียงขวาง ใต้ลงไปในนครเวียงจันทน์ แขวงบอลิคำไซ คำม่วน และสะหวันนะเขต
ตอนใต้สุดของประเทศกำลังมีการพัฒนาเขตท่องเที่ยว "มหานทีสี่พันดอน" กำลังจะมีการก่อสร้างสะพานข้ามดอนคอนขึ้นในเขตสีพันดอน แขวงจำปาสัก พร้อมกับโรงแรมหรูกับและกาสิโนหลายแห่ง รวมทั้งการสร้างสนามบินอีกแห่งหนึ่งในเมืองโขงด้วย
ถึงแม้ว่าการพนันกับการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์จะดูขัดกันอย่างสิ้นเชิง แต่เจ้าหน้าที่ลาวอธิบายว่า สิ่งนี้เป็นเพียงองค์ประกอบเล็กๆ เพื่อนำนักท่องเที่ยวระดับบนเข้าไปชมแหล่งท่องเที่ยวอันสวยงามเท่านั้น ซึ่งรวมทั้งปราสาทวัดพูซึ่งขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก และ น้ำตกหลี่ผีกับคอนพะเพ็ง อันลือเลื่องด้วย
ตามรายงานของสำนักข่าวทางการปีนี้ ลาวตั้งเป้าดึงดูดนักท่องเที่ยวเพียง 1.6 ล้านคน เป็นการเติบโตแบบค่อนเป็นค่อยไป ไม่สิ้นเปลืองทรัพยากรจนเกินเหตุ เป้าที่ไกลออกไปคือ 2.2 ล้านคนในปี 2558 เพิ่มเป็น 3 ล้านในปี 2563 ปีที่บริการและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องจะมีความพร้อมมากกว่าทุกวันนี้
ตัวเลขนี้ไม่ใช่น้อยเลย หากเทียบกับเจ้าของบ้านที่มีจำนวนเพียง 6 ล้าน
ตัวเลขดังกล่าวแสดงการเติบโตของอุตสาหกรรมในระดับที่สูงมาก หากมองย้อนกลับไปดูในช่วงหลายปีมานี้ ซึ่งการท่องเที่ยวของลาวขยายตัวเฉลี่ย 27.60% ต่อปีในช่วงปี 2543-2548 ขปล.กล่าว
ปัจจุบันลาวได้เปิดด่านสากลตามแนวชายแดนกับประเทศเพื่อนล้านรวม 15 แห่ง ในนั้น 13 แห่งสามารถออกวีซ่าแบบ "On Arrival" ให้กับนักท่องเที่ยวจากแดนไกลได้เลย.