ASTVผู้จัดการออนไลน์-- รัฐสภากัมพูชาได้ลงมติผ่านร่างพระราชบัญญัติงบประมาณแผ่นดินประจำปี 2553 ในวันอังคาร (1 ธ.ค.) ที่ผ่านมา เป็นงบประมาณรายจ่ายเกือบ 2,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งในนั้นหลายแขนงได้รับงบประมาณเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งงบประมาณด้านกลาโหมที่พุ่งขึ้นกว่า 50% งบประมาณด้านการศึกษาและสาธารณสุขเพิ่มเกือบ 20% และ 11% ตามลำดับ
ตามรายงานบนเว็บไซต์วิทยุเสียงอเมริกาภาคภาษาเขมร งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2553 มีตัวเลขรวม 1,990 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากงบประมาณรายจ่ายปีปัจจุบันราว 100 ล้านดอลลาร์
"งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2553 กำลังจะบีบคั้นให้ประชาชนเสียภาษีหนักหน่วงยิ่งขึ้น เป็นการกดดันอันแสนหนักอึ้งทั้งคนรวยและคนจน ที่กำลังเดือดร้อนจากผลกระทบของวิกฤตเศรษฐกิจโลก" นายยิม สุวรรณ (Yim Sovann) โฆษกของพรรคสมรังสีกล่าว
งบรายจ่ายด้านกลาโหมกับความมั่นคงมีมูลค่ารวม 276 ล้านดอลลาร์ กระทรวงศึกษาธิการ 198 ล้าน กระทรวงสาธารณสุข 144 ล้านดอลลาร์ กระรวงเกษตร 20 ล้าน และกระทรวงทรัพยากรแหล่งน้ำได้รับงบประมาณ 8.8 ล้านดอลลาร์
นายแกม สุขะ (Kem Sokha) หัวหน้าพรรคสิทธิมนุษยชนซึ่งมี สส.เพียง 3 คนกล่าวว่า เช่นเดียวกันกับพรรคสมรังสี ซึ่งเป็นแกนนำพรรคฝ่ายค้าน พรรคสิทธิมนุษยชนไม่ยกมือสนับสนุน พรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2553 เนื่องจากมีการเพิ่มงบกลาโหมอย่างมากมาย ขณะที่งบประมาณด้านการศึกษาสาธารณสุข เพิ่มในอัตราส่วนที่เล็กน้อยมาก
รัฐบาลฮุนเซนกำลังจะต้องเผชิญกับแรงกดดันจากกลุ่มประเทศผู้บริจาค ซึ่งคัดค้านการเพิ่มงบประมาณด้านการทหารมาตลอด ในขณะที่รัฐบาลยังต้องพึ่งพาเงินบริจาคปีละเกือบ 1,000 ล้านดอลลาร์ในการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมและหลุดผ่อนความยกจนของประชาชน 14 ล้านคน
นายเขียว กัญฤทธิ์ รัฐมนตรีกระทรวงแถลงข่าวในฐานะโฆษกรัฐบาลกล่าวก่อนหน้านี้ว่า การเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหม.มีความจำเป็น เพื่อพัฒนาขีดความสามารถของทหาร ที่กำลังเผชิญหน้ากับทหารไทยทางชายแดนด้านปราสาทพระวิหาร
“พวกคุณจะให้เราเอาหนังสติ๊กไปรบกับไทยหรือยังไง?” นายเขียว เคยย้อนถามผู้สื่อข่าวที่รุมสัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ในเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา. ทั้งยกตัวอย่างให้เห็นว่าพักหลังนี้เครื่องบินไทยไม่กล้าบินล้ำน่าฟ้าอีก หลังจากได้ทราบว่ากัมพูชามีขีปนาวุธต่อสู้อากาศยาน.