ASTVผู้จัดการรายวัน-- แม้ว่าจะอยู่ในช่วงของภาวะเศรษฐกิจโลกที่ตกต่ำก็ตาม แต่ 9 เดือนแรกของปีนี้ รัฐบาลลาวได้อนุญาตให้มีการลงทุนในประเทศถึง 208 โครงการ ด้วยทุนจดทะเบียนรวมกัน 4,300 ล้านดอลลาร์ หรือเกือบ 4 เท่า เมื่อเทียบกับ 1,200 ล้านดอลลาร์ปีที่แล้ว
การลงทุนส่วนใหญ่ทุ่มเข้าสู่เหมืองแร่ การผลิตไฟฟ้าพลังน้ำ อุตสาหกรรมการปลูกพืชไร่ เช่น ยางพารา และอุตสาหกรรมเบา เช่น สิ่งทอและเสื้อผ้าส่งออกกับโรงงานประกอบชิ้นส่วนอีเล็กโทรนิกส์ ทั้งนี้เป็นรายงานของกระทรวงแผนการและการลงทุน
จนถึงปัจจุบันนักลงทุนจากเวียดนามได้พลิกขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ลงทุนมากที่สุดในลาว ด้วยเงินทุน 1,400 ดอลลาร์ ตามด้วยนักลงทุนจากจีน 932 ล้านดอลลาร์ นักลงทุนจาไทยหล่นไปเป็นอันดับที่ 3 มูลค่า 908 ล้านดอลลาร์ และ เกาหลีใต้อันดับ 4 รวม 774 ล้านดอลลาร์
นายหุมเพ็ง สุราลัย ผูัอำนวยการใหญ่กรมส่งเสริมการลงทุน กล่าวว่า เหตุผลหลักที่การลงทุนในปี 2552 เพิ่มขึ้นนี้เป็นเพราะนักลงทุนเล็งเห็นศักยภาพในการลงทุนของลาว ซึ่งพื้นที่อุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การปลูกพืช และ ยังมีแหล่งแร่ขนาดใหญ่ และมีลำน้ำหลายสายหรับผลิตไฟฟ้า
กฎหมายการลงทุนใหม่ที่ประกาศใช้ในเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา ได้กำหนดให้ เจ้าหน้าที่รัฐพิจารณาโครงการลงทุนดำเนินการแบบผ่านประตูเดียวเบ็ดเสร็จครบวงจร กฎหมายยังเปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติเป็นเจ้าของที่ดินในลาว หากมีการลงทุนในมูลค่ามากกว่า 300,000 ดอลลาร์ ในโครงการนั้นๆ