xs
xsm
sm
md
lg

เวียดปรับแผนนิวเคลียร์ หวังชิงที่ 2 แซงไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

<CENTER><STRONG><FONT color=#ff0000>ยังไม่ทราบว่าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เวียดนามจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร แต่ชาวเวียดนาม 85 ล้านคนกำลังจะได้ใช้ไฟฟ้าจากพลังงานนิวเคลียร์ก่อนคนอื่นในอนุภูมิภาคนี้</FONT></STRONG></CENTER>

เวียดนามพลัส - เวียดนามปรับแผนพัฒนาแห่งชาติ ตั้งเป้าสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เพิ่มอีกใน 20 ปีข้างหน้า โดยนายกรัฐมนตรีเวียดนาม นายเหวียน เติ๋น ยวุ๋ง (Nguyen Tan Dung) อนุมัติโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าจากพลังงานนิวเคลียร์ เพื่อให้พลังงานที่ผลิตได้มีสัดส่วน 15-20% จากปริมาณการผลิตพลังงานทั้งหมดของประเทศภายในปี 2593

การอนุมัติแผนดังกล่าวมีขึ้นหลังจากกฎหมายว่าด้วยพลังงานนิวเคลียร์ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2552 ที่ผ่านมา ซึ่งช่วยให้รัฐสามารถวางแผนการดำเนินงานเกี่ยวกับพลังงานนิวเคลียร์เป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมายได้

แผนพัฒนาพลังงานจากนิวเคลียร์ของประเทศมีจุดประสงค์เพื่อที่จะลดการสิ้นเปลืองทรัพยากรและงบประมาณจากปิโตรเลียม ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานที่มีราคาสูง นายต่าวันเฮือง (Ta Van Huong) ผู้อำนวยการสถาบันพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์เวียดนาม ชี้แจงในระหว่างการสัมมนาในประเด็นความร่วมมือด้านพลังงานนิวเคลียร์ระหว่างเวียดนามและญี่ปุ่น ที่กรุงฮานอย เมื่อวันที่ 16 ก.ย.
<CENTER><FONT color=#ff0000>รัฐบาลเวียดนามเดินหน้าสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เต็มที่ เพราะประชากรเพิ่มมากขึ้นและเศรษฐกิจก็โตเร็ว คาดว่าเมื่อโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จคงจะเรียงรายตามชายฝั่งเช่นเดียวกับใน</FONT></CENTER>
เวียดนามและญี่ปุ่นได้ร่วมมือกันในด้านพลังงานนิวเคลียร์มาตั้งแต่ปี 2540 โดยชาวเวียดนามมากกว่า 300 คน ได้ศึกษาต่อยังประเทศญี่ปุ่นในสาขานี้ และเช่นเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญจากญี่ปุ่นก็ได้เดินทางมาเวียดนาม เพื่อกระชับความร่วมมือระหว่างกันในสาขาเดียวกันนี้ด้วย นายยาฮางิ โทโมโยชิ จากกระทรวงเศรษฐกิจ พาณิชย์ และอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น กล่าว

ญี่ปุ่นมีประวัติการใช้พลังงานนิวเคลียร์ในประเทศมายาวนาน โดยโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งแรกเริ่มดำเนินการผลิตในเดือน มิ.ย.2539 ในปัจจุบันญี่ปุ่น มีเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์กว่า 53 เครื่อง ซึ่งมีกำลังการผลิต 47,935 เมกะวัตต์ และอีก 53 เครื่องกำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง โดยเครื่องปฏิกรณ์ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ติดชายฝั่งทะเลที่ง่ายต่อการเข้าถึงแหล่งน้ำเพื่อใช้ในการทำงานของเครื่องปฏิกรณ์และยังง่ายต่อการขนส่งอุปกรณ์ต่างๆ ด้วย
<CENTER><FONT color=#ff0000>นักเรียนกลุ่มหนึ่งกำลังมองดูแบบจำลองโรงงานพลังงานไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ออกแบบโดยบริษัท EDF ของฝรั่งเศส ในระหว่างงานนิทรรศกาลด้านพลังงานนิวเคลียร์ จัดขึ้นที่กรุงฮานอย</FONT></CENTER>
ภายใต้แผนพัฒนาประเทศฉบับเดิม เวียดนามต้องการที่จะสร้างโรงไฟฟ้าขึ้น 2 แห่ง ที่เมื่อรวมกำลังการผลิตเข้าด้วยกันแล้วสามารถผลิตไฟฟ้าได้ 8,000 เมกะวัตต์ คาดว่า จะสามารถดำเนินการผลิตได้ในช่วงปี 2563-2567 ส่วนแผนการดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าเพิ่มเติมในระหว่างปี 2567-2570 ได้ออกแบบให้แต่ละโรงมีเครื่องปฏิกรณ์ 4 เครื่อง ที่แต่ละเครื่องสามารถผลิตไฟฟ้าได้ 1,000 เมกะวัตต์ โดยใช้ยูเรเนียมเป็นเชื้อเพลิงในการผลิต และการไฟฟ้าเวียดนาม (EVN) จะเป็นผู้ดูแลควบคุมโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งแรกของประเทศที่ตั้งอยู่ใน จ.นิงห์ทวน (Ninh Tuan)

รัฐบาลตั้งงบในการดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าแต่ละแห่งไว้ที่ 6 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเงินทุนที่นำมาใช้ในการก่อสร้างนี้ยังคงเป็นประเด็นที่ต้องหารือกัน

การไฟฟ้าเวียดนามได้เชิญบริษัทที่เชี่ยวชาญด้านพลังงานนิวเคลียร์จากญี่ปุ่น ฝรั่งเศส เกาหลี รัสเซีย และ สหรัฐฯ เข้าเจรจาความเป็นไปได้ในการเข้ามาลงทุนในด้านนี้ที่เวียดนาม ทันทีที่เริ่มต้นโครงการ ต้องใช้เวลาประมาณ 6 ปี เพื่อก่อสร้างเครื่องปฏิกรณ์

เมื่อเข้าสู่ช่วงดำเนินการผลิตจะทำให้เวียดนามเป็นประเทศที่ 2 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่สร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ต่อจากประเทศฟิลิปปินส์ ในขณะที่ประเทศไทยยังคงอยู่ในช่วงของการศึกษาความเป็นไปได้ในการก่อสร้าง ซึ่งประชาชนก็ยังมีท่าทีไม่เห็นด้วยกับโครงการ ในขณะที่ชาวเวียดนามกว่า 99% สนับสนุนการสร้างโรงงานนิวเคลียร์

อย่างไรก็ตามสื่อของทางการรายงานเมื่อเร็วๆ นี้ว่า หน่วยงานที่รับผิดชอบได้เสนอให้รัฐบาลพิจารณาปรับลดขนาดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งแรกลง และเลื่อนเวลาก่อสรร้างออกไปจากแผนเดิมราว 10 ปี เพื่อเตรียมมาตรการด้าสนความปลอดภัยให้พร้อม ซึ่งเกี่ยวกันพันกับการผลิตเจ้าหน้าที่นับำพันๆ คน.
กำลังโหลดความคิดเห็น