xs
xsm
sm
md
lg

"3G" หมู่หรือจ่า? เวียดนามผวาทุนหายกำไรหด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

 <br><FONT color=#cc00cc>ถ้าหากทุกอย่างเป็นไปตามกำหนดการ บริการ โทรศัพท์ยุคที่ 3 หรือ 3G ข่ายแรกของประเทศจะเริ่มให้บริการในเดือน ก.ย.นี้ ท่ามกลางความเป็นกังวลของผู้ลงทุน ถึงแม้ว่าตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่ในเวียดนามจะใหญ่โตกว่าไทย ใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่จะมีลูกค้าสักกี่คนที่จำเป็นต้องใช้ 3G? </FONT></bR>

ผู้จัดการ360องศารายสัปดาห์-- ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ด้วยเทคโนโลยียุคที่ 3 หรือ 3G กำลังจ่ายเงินหลายพันล้านดอลลาร์สร้างเครือข่ายรองรับเทคโนโลยีใหม่ เพื่อให้เปิดบริการได้ในเดือน ต.ค.ศกนี้ ขณะที่คนวงในอุตสาหกรรมกล่าวว่า อัตราเสี่ยงต่อการขาดทุนนั้นมีสูงยิ่ง

ผู้ให้บริการทั้ง 4 รายที่ได้รับใบอนุญาตจากรัฐบาลในเดือน เม.ย.ที่ผ่านมากำลังทุ่มเงินมหาศาล เพื่อสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้าและนำระบบโทรคมนาคมไร้สายของประเทศเข้าสู่อีกยุคหนึ่ง

แต่ขณะเดียวกันก็เริ่มมีคำถามขึ้นมาว่า คุ้มหรือไม่คุ้ม ถึงแม้ว่าเวียดนามจะเป็นตลาดใหญ่มหึมาที่มีประชากร 87.6 ล้าน และ อาจจะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 100 ล้านในอีก 7-8 ปีข้างหน้าก็ตาม

เวียดเทล (Viettel) ของกองทัพประชาชนเวียดนาม วินาโฟน (VinaPhone) กับ โมบิโฟน (MobiPhone) ของรัฐวิสาหกิจไปรษณีย์และโทรคมนาคม กับอีกเจ้าหนึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่างฮานอยเทเลคอม (Hanoi Telecom) กับอีวีเอ็น (EVN) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้าเวียดนาม จะต้องลงทุนคิดรวมกันไม่น้อยกว่า 2,250 ล้านดอลลาร์ในการสร้างเครือข่ายโทรศัพท์ระบบก้าวหน้านี้ รวมทั้งการจัดซื้ออุปกรณ์ต่างๆ

คนในวงในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมกล่าวว่า มันเป็นการลงทุนที่ใหญ่โตมากทั้งนี้ยังไม่นับเงินประกันที่ 4 บริษัทมอบไว้กับรัฐบาลรวมกันอีก 454.68 ล้านดอลลาร์ เพื่อแสดงให้เห็นว่า มีกำลังทรัพย์มากพอที่จะให้บริการด้วยเทคโนโลยีใหม่นี้ได้

ผู้บริโภคกำลังจะได้รับประโยชน์อย่างมากมายจากโทรศัพท์เคลื่อนที่ยุคที่ 3G แต่สำหรับผู้ให้บริการ มันเป็นการลงทุนที่หนักอึ้งเอาการ และอาจจะไม่ได้คืนในระยะสั้นๆ หรือระยะปานกลาง

"ผมคิดว่าบรรดาผู้ที่ใช้โทรศัพท์อยู่ในขณะนี้ อาจจะมีเพียง 5% เท่านั้นที่จะสมัครใช้ระบบ 3G" คนวงในผู้หนึ่งให้ความเห็นผ่านเวียดนามเอ็กซ์เพรส (Vietnam Express) สำนักข่าวภาษาเวียดนามยอดนิยม

ตามตัวเลขอย่างเป็นทางการ ทั่วประเทศมีผู้ใช้โทรศัพท์มือถือรวมกันประมาณ 80 ล้านราย แต่มีการใช้งานกันจริงๆ จังเพียงประมาณครึ่งเดียว อีกครึ่งหนึ่งโผล่ๆ หายๆ ไม่คงเส้นคงวา ซึ่งเข้าใจกันว่าเป็นผลมาจากการที่คนเดียวมีหลายหมายเลขนั่นเอง

แน่นอนผู้ให้บริการทุกรายที่กำลังแย่งลูกค้ากันอุตลุดด้วยโปรโมชั่นค่าใช้บริการต่ำติดดินขณะนี้ วิตกกังวลเกี่ยวกับอนาคตอย่างที่สุด

นายกาวแหม่งเกือง (Cao Manh Cuong) ผู้บริหารฝ่ายการตลาดของโมบิโฟนกล่าวว่า ด้วยเงินลงทุนขนาดนั้น ผู้ให้บริการจะได้คืนก็ต่อเมื่อมีจำนวนผู้ใช้บริการมากพอ
 <br><FONT color=#cc00cc>โทรศัพท์มือถือแทรกตัวเข้าสู่ทุกหน่วยในสังคมเวียดนาม จำนวนผู้ใช้ทะลุ 80 ล้าน แต่นักวิเคราะห์กล่าวว่า ระบบ 3G เสี่ยงต่อการขาดทุน </FONT></bR>
มืออาชีพรายนี้ประมาณว่า เพื่อที่จะถึงจุดคุ้มทุนรายได้จากบริการ 3G จะต้องไม่ต่ำกว่า 200 ล้านดอลลาร์ต่อปี ตลอด 10 ปีข้างหน้า ซึ่งหมายความว่าข่ายโมบิโฟนจะต้องมีลูกค้าในระบบใหม่ 3 ล้านคนขึ้นไป
ซึ่งใครๆ ก็ยังเห็นเป็นเรื่องยากที่จะหาได้มากมายขนาดนั้น ขณะที่ระบบเดิมที่ใช้อยู่ก็นับว่าคุ้มค่าสุดๆ

"ยอดรวมของลูกค้าโทรศัพท์ 3G ในประเทศนี้สูงสุดไม่น่าจะเกิน 1 ล้าน คนทั่วไปใช้โทรศัพท์มือถือเพื่อส่งข้อความสั้นและเพื่อพูดคุยมากกว่าอย่างอื่น การดูหนังฟังเพลงจะใช้แบบออฟไลน์" นายบุ่ยหือว์ถวน (Bui Huu Thuan) ผู้อำนวยการบริษัทจำหน่ายเครื่องลูกข่ายรายใหญ่รายหนึ่งในกรุงฮานอยกล่าว

ระบบออฟไลน์ดังกล่าว หมายถึงฟังชั่นหรือลูกเล่นเกี่ยวกับการดูหนังฟังเพลง ที่โทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่เกือบจะทุกรุ่นมีให้เลือกใช้ได้อย่างจุใจ ไม่จำเป็นจะต้องใช้ออนไลน์ในระบบรอดแบนด์ของ 3G ที่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีกพะเรอเกวียนในแต่ละเดือน

ระบบคล้ายกันนี้ใช้ในเวียดนามมาตั้ง 5 ปีแล้ว โดยข่าย S-Fone ซึ่งให้บริการในระบบซีดีเอ็มเอ (Code Division Multiple Access) แต่ก็มีผู้ใช้บริการเพียงประมาณ 50,000 ราย คิดเป็นประมาณ 2% ของลูกค้าทั้งหมดซึ่งทำให้บริษัทนี้ลำบาก

นักวิเคราะห์กล่าวว่าสำหรับเวียดนามซึ่งแม้ว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวในระดับสูง แต่ในอีก 3 ปีข้างหน้า ข่าย 3G แห่งต่าง ก็คงจะให้บริการแค่การดูโทรทัศน์ การชมภาพยนตร์ออนไลน์ แล้วก็การส่งข้อความที่เป็นรูปภาพกับภาพเคลื่อนไหว

ยังอีกยาวไกลกว่าจะสามารถให้บริการที่ก้าวหน้าและสลับซับซ้อนกว่านั้นได้ ไม่ว่าจะเป็นการบูรณาการทั้งระบบเข้ากับอี-กัฟเวิร์นเมนต์ ระบบการศึกษา การธนาคารและการเงิน เร็วที่สุดก็น่าจะไม่ต่ำกว่า 5 ปีสำหรับพัฒนาไปจุดนั้น

วินาโฟนกับเวียดเทลกล่าวว่าผู้ให้บริการข่ายต่างๆ ในปัจจุบันจะให้ได้แค่ด้านบันเทิงเท่านั้น บริการระดับสูงที่สลับซับซ้อนกว่านั้นต้องลงทุนกันอีกขั้น และต้องใช้เทคโนโลยีระดับสูงขึ้นจากต่างประเทศ

ตามข้อมูลล่าสุดที่รายงานโดยหนังสือพิมพ์ไซ่ง่อนไทมส์ อุตสาหกรรมโทรคมนาคมในเวียดนามขยายตัวปีละ 30% ในช่วงหลายปีมานี้และคาดว่าในปี 2553 จะมีมูลค่ารวมประมาณ 7,000 ล้านดอลลาร์

ปัจจุบันมีผู้ให้บริการอยู่แล้ว 7 ข่าย แต่ถ้าหากบริษัทอินโดไชน่าเทเลเคอม (Indochina Telecom) กับบริษัทเวียดนามเทเลคอม (Vietnam Telecom) ได้รับใบอนุญาต คู่แข่งในตลาดก็จะเพิ่มขึ้นเป็น 9 ในเดือนข้างหน้า.
กำลังโหลดความคิดเห็น