ASTVผู้จัดการรายวัน--- รอกันมาข้ามปีในที่สุดทางการเวียดนามก็ได้ออกใบอนุญาตให้แก่ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่จำนวน 4 ราย เพื่อพัฒนาให้บริการ 3G หรือ โทรศัพท์เคลื่อนที่ "ยุคที่ 3" โดยมีอายุสัญญาใหม่ 15 ปี ส่วนอีก 2 รายที่เหลือไม่ได้รับใบอนุญาต
ผู้ให้บริการทั้งสี่รายคือ โมบิโฟน (MobiPhone) กับวินาโฟน (Vinaphone) โดยเจ้าของเดียวกันคือ รัฐวิสาหกิจไปรษณีย์และโทรคมนาคม เวียดเทล (Viettel) ของกองทัพประชาชน และ อีกข่ายหนึ่งเป็นการรวมกลุ่มกันระหว่างฮานอยเทเลคอมกับอีวีเอ็นเทเลคอม (EVN Telecom) ซึ่งรายหลังนี้เป็นของรัฐวิสาหกิจไฟฟ้าเวียดนาม
กระทรวงโทรคมนาคมและสารสนเทศเวียดนามกล่าวว่า ได้ใช้เกณฑ์สำคัญหลายประการในการออกใบอนุญาต คือ พิจารณาจากเครือข่ายที่ครอบคลุม จากระยะเวลาที่เสนอเกี่ยวกับการเริ่มให้บริการใหม่นี้ รวมทั้งค่าตอบแทนทางธุรกิจที่เสนอจ่ายให้แก่รัฐ และ ภายใต้เกณฑ์ต่างๆ เหล่านี้ข่ายเวียดเทล ได้รับคะแนนสูงสุด ตามด้วยวินาโฟนกับโมบิโฟนตามลำดับ
กระทรวงนี้กล่าวอีกว่า ผู้ได้รับใบอนุญาตทั้งสี่รายได้ให้คำมั่นแก่ทางการจะลงทุนรายละไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อพัฒนาระบบและขยายเครือข่ายภายใน 3 ปีแรกที่เปิดให้บริการ รวมทั้งยังจะต้องวางเงินค้ำประกันไว้กับกระทรวงฯ อีกจำนวนหนึ่งด้วย
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงโทรคมนาคมฯ กล่าวอีกว่า การพัฒนาระบบ 3G สอดคล้องกับการพัฒนาระบบโทรคมนาคมของทั่วโลกและเวียดนามก็เป็นหนึ่งในบรรดาสมาชิกองค์การกค้าโลก
ผู้ให้บริการทุกรายมีเวลาอีก 3 เดือนสำหรับดำเนินการตามขบวนการทางกฎหมายเกี่ยวกับการติดตั้งระบบ การจัดเก็บค่าบริการ วางเงินมัดจำและอื่นๆ ทั้งนี้เป็นรายงานของสื่อทางการเวียดนาม
ทางการยังได้กำหนดบทลงโทษสำหรับผู้ได้รับใบอนุญาตที่ไม่สามารถเปิดให้บริการได้ภายในเวลา 9 เดือน และยังไม่สามารถขยายเครือข่ายให้ครอบคลุมพื้นที่อยู่อาศัยได้ 10% ทั่วประเทศภายใน 24 เดือนข้างหน้า หนังสือพิมพ์ไซ่ง่อนไทมส์ฉบับภาษาอังกฤษที่ออกในนครโฮจิมินห์กล่าว
ตามตัวเลขอย่างเป็นทางการขณะนี้ข่ายโทรศัพท์ทั้ง 6 แห่งในประเทศ มีผู้ใช้โทรศัพท์รวมกันกว่า 70 ล้านคน โดยเวียดเทลเป็นอันดับ 1 มีจำนวนผู้ใช้ 26 ล้านคน เท่าๆกับโมบิเทล อันดับ 3 ได้แก่วินาโฟนซึ่งมีผู้ใช้บริการราว 20 ล้านคน
ประมาณสองในสามของประชากรเวียดนาม กว่า 86 ล้านคนเป็นผู้มีอายุต่ำกว่า 35 ปี ซึ่งผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าทำให้ความต้องการใช้ระบบสื่อสารที่มีความเร็วสูงเพิ่มมากขึ้นทุกปีๆ และระบบ 3G สามารถสนองความต้องการของประชาชากรวัยหนุ่มแน่นเหล่านี้ได้ เพราะสามารถส่งอีเมล์ เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ท ส่งจ้อมูลที่เป็นภาพเคลื่อนไหวได้ ฯลฯ
อุตสาหกรรมโทรคมนาคมในเวียดนามมีอัตราเติบโตเฉลี่ยปีละ 30% ในช่วงหลายปีมานี้ และ คาดว่ามูลค่ารวมจะเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 7,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2553 นี้ ท่ามกลางการแข่งขันอย่างสูง
ที่ผ่านมาผู้ให้บริการในเวียดนามทุกค่ายต่างส่งเสริมการขายด้วยการลดค่าใช้บริการลงจนต่ำเกือบระดับเท่าทุน กลยุทธนี้ได้ทำให้เวียดเทล ที่เริ่มให้บริการเมื่อปี 2549 สามารถแซงหน้าเจ้าตลาดอย่างโมบิโฟนกับวินาโฟนได้
เมื่อต้นปีนี้เวียดเทลได้ขยายการให้บริการเข้าสู่ลาวโดยจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับนักลงทุนในท้องถิ่น ต่อมาได้ขยายเข้าสู่กัมพูชาอีกทางหนึ่ง ในโครงการลงทุนขนาดใหญ่กว่า ซึ่งรวมทั้งการวางข่ายเคเบิ้ลใยแก้วนำแสงครอบคลุมทั่วประเทศด้วย
ตามตัวเลขของกระทรวงวางแผนและการลงทุน ในสิ้นปี 2551 เวียดนามมีผู้ใช้โทรศัพท์ประเภทบอกรับเป็นสมาชิกจำนวน 75.5 ล้านคนในนั้น 81% หรือ กว่า 61 ล้านคนเป็นผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ แต่ตัวเลขที่ผู้ให้บริการรายต่างๆ ทยอยประกาศออกมานั้นสูงกว่าตัวเลขของทางการมาก
กลุ่มเวียดเทลผู้ให้บริการน้องใหม่ได้ทะยานขึ้นเป็นเครือข่ายระบบจีเอสเอ็มที่มีผู้ใช้บริการจำนวนมากอย่างรวดเร็ว โดยใช้นโยบายแข่งราคาส่งเสริมการขาย-การตลาดมาตลอด ซึ่งได้ทำให้ประชาชนทั่วไปสามารถใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้ แม้จะมีรายได้ไม่สูงก็ตาม
อย่างไรก็ตามเจ้าตลาดเก่าคือ โมบิเทลกับวินาโฟน ยังคงโต้แย้งการกล่าวอ้างของเวียดเทล ระบุว่าการมีผู้ใช้บริการมากกว่ายังไม่ใช่คำตอบทั้งหมดสำหรับการเป็นผู้ให้บริการชั้นนำ
โมบิโฟนกล่าวว่าจำนวนผู้ใช้บริการมิได้สะท้อน "ความสมบูรณ์" ของเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ สิ่งนี้ควรจะวัดกันด้วยความพึงพอใจของลูกค้าต่อบริการที่ได้รับ คุณภาพการให้บริการ รวมทั้งรายรับเฉลี่ยจากค่าบริการต่อคนและจำนวนเงินภาษีที่เสียให้แก่รัฐด้วย
ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมกล่าวว่า ตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่เวียดนามกำลังใกล้ถึงจุดอิ่มตัวเข้าไปทุกที แต่อีกจำนวนหนึ่งโต้แย้งว่า ต้องรอดูการตอบสนองของตลาดต่อบริการยุค 3G อีกครั้งหนึ่ง
แต่ที่แน่ๆ คือ ทุกฝ่ายยอมรับกันว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่เวียดนามได้พัฒนาไปพร้อมกับคุณภาพในการให้บริการ กับการแข่งขันที่ผู้ใช้บริการได้รับประโยชน์สูงสุด แต่ผู้ให้บริการทั้ง 6 รายกลับต้องลำบาก
ผู้บริหารของวินาโฟนกล่าวว่า บริษัทสามารถแข่งราคากับใครก็ได้ แต่ทุกอย่างก็จะเหมือนกันหมดกล่าวคือ ระหว่างที่มีโปรโมชั่นราคา ยอดขายก็จะพุ่งขึ้นแบบติดจรวด แต่จำนวนก็จะลดวูบลงทันที่เมื่อหมดโปรโมชั่น ผู้ใช้จำนวนมากเลิกใช้และหันไปหาบริการอื่น
ตามตัวเลขของกระทรวงโทรคมนาคมฯ สามเครือข่ายใหญ่ร่วมกันครองตลาดถึง 30% จำนวนผู้ใช้บริการโทรศัพท์ทุกประเภทเมื่อสิ้นปี ทำให้ประชากรทุก 100 คน ในนั้น 82 คนมีโทรศัพท์ใช้งานซึ่งเป็นตัวเลขที่สูง
แต่ตัวเลขของข่ายผู้ให้บริการที่ทยอยประกาศออกมาในปลายปีที่ผ่านมา จำนวนผู้ใช้โทรศัพท์มีรวมกันทั้งหมดกว่า 80 ล้านคน เป็นตัวเลขที่สูงมากเมื่อเทียบกับจำนวนประชากร.