xs
xsm
sm
md
lg

"สมเด็จฯ ดอกเตอร์" ยิ้มร่าปริญญา Ph.D.ใบที่ 12

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

<bR><FONT color=#FF0000>ใบที่ 12 แล้ว-- สมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเข้ารับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์สาขารัฐศาสตร์จาก ดร.คี-ซูลี (Ki-Su Lee) ประธานสภามหาวิทยาลัยเกาหลี (ซ้าย) เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. หรือ กว่าสองเดือนมาแล้ว แต่เพิ่งจะมีการเผยแพร่ภาพนี้บนเว็บไซต์หลายแห่งของชาวเขมรในต่างแดนสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา. </FONT></bR>

ASTV ผู้จัดการออนไลน์-- เพิ่งจะมีการเปิดเผยภาพการเข้ารับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ใบล่าสุดของสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโชฮุนเซน (Samdach Akkak Moha Sena Pdei Techo Hun Sen) บนเว็บไซต์หลายแห่งในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นภาพที่ผู้นำกัมพูชายิ้มแย้มยืนขนาบข้างด้วยผู้บริหารสูงสุดของมสถาบันการศึกษาชั้นนำแห่งหนึ่งในเกาหลี ขณะที่เว็บบล็อกของชาวเขมรในต่างแดนซึ่งเป็นฝ่ายต่อต้านรัฐบาลกรุงพนมเปญในทุกๆ เรื่อง กล่าวว่าน่าจะเป็นการนำออกเผยแพร่อย่างมีเจตนาโดยบุคคลผู้ใกล้ชิด

พิธีมอบปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์สาขาการเมือง (Politics) จัดขึ้นที่มหาวิทยาลัยเกาหลี (Korea University) ตั้งแต่เดือน มิ.ย. ระหว่างเดินทางเยือนประเทศนั้นอย่างเป็นทางการพร้อมสตรีหมายเลข 1 คือ ท่านผู้หญิงบุนรานี-ฮุนเซน (Lok Chumteav Bun Rany-Hun Sen) แต่ภาพนี้ยังไม่เคยมีการเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยหรือที่ใดๆ มาก่อน

นับเป็นปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ใบที่ 12 สำหรับผู้นำกัมพูชา และ อาจจะเป็นใบที่บุคคลผู้ใกล้ชิดต้องภาคภูมิใจมากที่สุด เนื่องจากได้รับมอบจากมหาวิทยาลัยเกาหลี ที่มีความเก่าแก่ มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมมากที่สุดของแห่งหนึ่งของประเทศนั้น

มหาวิทยาลัยเกาหลีเป็นเป็นสถาบันอุดมศึกษาของเอกชน แต่เป็นหนึ่งในสามมหาวิทยาลัยที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศ รองจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติกรุงโซล (Seoul National University) กับมหาวิทยาลัยยนไซ (Yonsei University) ทั้งนี้เป็นการจัดอันดับโดยสมาคมการศึกษาของประเทศ

มหาวิทยาลัยเกาหลีก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.1905 หรือกว่า 100 ปีมาแล้ว นับเป็นสถาบันอุดมศึกษาแห่งที่ 4 ของประเทศนี้ที่เคยมอบปริญญาดุษฎับัณฑิตกิติมศักดิ์ให้แก่สมเด็จฯ ฮุนเซน ตั้งแต่ปี 2544 เป็นต้น

ข้อมูลบนเว็บไซต์ระบุว่าปัจจุบันสถาบันดังกล่าว มีการเรียนการสอน 15 คณะวิชา มีบัณฑิตวิทยาลัย 1 แห่ง บัณฑิตวิทยาลัยด้านวิชาชีพอีก 3 แห่ง และ ยังมีบัณฑิตวิทยาลัยแขนงเชี่ยวชาญพิเศษ (Specialized Graduate School) อีก 10 แห่ง มีนักศึกษาระดับปริญญาตรี 19,454 คน ระดับปริญญาโทและสูงกว่ารวม 9,114 คน

ภาพที่เผยแพร่ทางเว็บไซต์ในวันเสาร์ (29 ส.ค.) ที่ผ่านมาไม่ได้มีคำบรรยายเลิศหรูอะไร นอกจากกล่าวถึงเหตุการณ์ที่สมเด็จฯ ฮุนเซนรับปริญญาดุษฎีบัณฑิตด้านปรัชญา (Philosophy Doctor) สาขาการเมือง จากอธิการบดีมหาวิทยาลัยดังกล่าว

อย่างไรก็ตามปริญญาดุษฎีบัณฑิตใบล่าสุด ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ชาวกัมพูชาที่อาศัยทำกินในต่างแดนจำนวนไม่น้อย บางคนเรียกว่า “ปริญญาจับฉ่าย” (Chap Chae Ph.D.) ซึ่งหมายถึงผัดเส้นหมี่ใส (Chap Chae หรือ Jab Chae) แบบเดียวกับวุ้นเส้น รวมกับผักหลายชนิด เป็นอาหารจานโปรดในเกาหลี

เส้นหมี่ “จับฉาย” ทำขึ้นจากแป้งมันเทศ ทำให้มีความเหนียวนุ่มดีกว่าวุ้นเส้นที่ทำจากแป้งถั่วขียว เว็บบล็อกของชาวเขมรในต่างแดนกล่าว
<br><FONT color=#ff0000>เป็นเพียงภาพเดียวของเหตุการณ์วันที่ 3 มิ.ย.2552 ที่เผยแพร่ผ่านเว็บไซต์มหาวิทยาลัยเกาหลี สมเด็จฯ ฮุนเซน รับ Ph.D. ใบล่าสุดจากประธานสภามหาวิทยาลัย ศ.ดร.คี-ซูลี (ซ้าย) สังเกตให้ดีๆ ในภาพจะเห็น ลุ๊กจุมเตียว นั่งตัวตรงแด่วให้กำลังใจอยู่เบื้องหลัง แม้จะถูกบังจนมิด </foNT></bR>
ฝ่ายที่ไม่ลงรอยกับรัฐบาลกล่าวอีกว่า ปริญญาดุษฎีบัณฑิตทั้งหลายไม่ได้ช่วยให้สมเด็จฯ ฮุนเซน มีคุณค่าขึ้นแม้แต่น้อย รัฐบาลชุดปัจจุบันยังคงปราบปรามกดขี่ประชาชน โดยใช้นโยบายหลอกลวง มอมเมามวลชนเพื่อให้ชนะการเลือกตั้ง

องค์การพัฒนาภาคเอกชนหลายแห่งกล่าวหาว่า รัฐบาลของสมเด็จฯ ฮุนเซนกำลังปราบปรามประชาชนคนยากคนจนอย่างรุนแรง ทั้งในเมืองและในชนบท ด้วยการใช้กำลังติดอาวุธเข้าขับไล่ราษฎรออกจากพื้นที่ที่อาศัยทำกินมานานนับชั่วคน ทั้งนี้เพื่อมอบสัมปทานเหนือผืนดินผืนงามให้แก่นักลงทุนต่างชาติ

เมื่อต้นปีนี้องค์การสิทธิมนุษยชนในอังกฤษแห่งหนึ่งได้ออกรายงานกล่าวหาว่า รัฐบาลสมเด็จฯ ฮุนเซนว่า กำลัง “ขายประเทศ” ด้วยการมอบสัมปทานที่ดินให้แก่นักลงทุนต่างชาติจำนวนมาก ตั้งแต่ 70-90 ปี

ในรายงานที่ชื่อ Cambodia: Country for Sale องค์การเดียวกันนี้กล่าวหาว่า รัฐบาลกัมพูชาปัจจุบันได้เรียกเก็บเงินกินเปล่าจากนักลงทุนต่างชาติ ที่เข้าไปสัมปทานลงทุนโครงการลงทุนขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นในแขนงสำรวจพลังงาน เหมืองแร่ หรือ การสร้างเขื่อนผลิตไฟฟ้า เงินทั้งหมดไม่ได้นำเข้าคลังหลวง แต่เข้ากระเป๋ากลุ่มผู้นำระดับสูง

องค์การพัฒนาภาคเอกชนอีกแห่งหนึ่งได้วิจารณ์รัฐบาลกัมพูชาอย่างหนัก โดยกล่าวหาว่ากำลังใช้ศาลเป็นเครื่องมือในการปิดปากนักการเมืองฝ่ายค้านรวมทั้งสื่อที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล ตั้งแต่ต้นปีมานี้มีนักการเมืองของพรรคสมรังสีถูกฟ้องหมิ่นประมาทไปแล้วอย่างน้อย 3 คน นักหนังสือพิมพ์ระดับบรรณาธิการอีก 2 คน

รัฐบาลในกรุงพนมเปญได้ปฏิเสธการกล่าวหาต่างๆ เหล่านี้มาหลายครั้ง โดยมีสถานทูตกัมพูชาประจำกรุงลอนดอนเป็นหัวหอก นายฮอร์นัมบุรา (Hor Nam Bora) บุตรชายของนายฮอร์นัมฮอง รองนายกฯและ รัฐมนตรีต่างประเทศ เป็นเอกอัครราชทูตประจำอยู่ที่นั่น

องค์การภาคเอกชนขนานนามเอกอัครราชทูตประจำกรุงลอนดอนว่า “เบบี้ฮอร์” (Baby Hor) เนื่องจากเป็นผู้ที่สะท้อนความคิดความอ่านของบิดาจากกรุงพนมเปญในทุกเรื่อง

เว็บบล็อกหลายแห่งกล่าวว่าปริญญาดุษฎีบัญฑิตกิตติศัดิ์ที่ได้รับล่าสุดนับเป็นใบที่ 6 ในสาขาวิชารัฐศาสตร์ แต่ข่าวบนเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยเกาหลีระบุว่า ที่ประศาสน์ให้ผู้นำกัมพูชาไปนั้นเป็น สาขา "การเมือง" (Politics) ดังที่กล่าวมาแล้ว

แต่จะเป็นสาขาอะไรก็ไม่น่าแปลกใจ มหาวิทยาลัยแห่งนี้ยกย่องสมเด็จฯ ฮุนเซนอย่างสูงในฐานะนักการเมืองและนักปกครองที่นำประเทศพ้นจากระบอบโปลโป้ต (Pol Pot) ผู้นำของฝ่ายเขมรแดง (แม้ว่าคำแถลงเยินยอจะเขียนเป็น "Pol Port" ก็ตาม) และ นำประเทศเข้าสู่ยุคใหม่ สร้างความอยู่ดีกินดีให้แก่ประชาชน

คำแถลงที่อ่านโดย ศาสตราจารย์ดอกเตอร์คี-ซูนลี (Kee-Su Lee) ประธานสภามหาวิทยาลัยแห่งนั้นได้แสดงความยินดีต้อนรับสมเด็จฯ ฮุนเซน เข้าร่วมใน "วงศ์วานว่านเครือ" ของมหาวิทยาลัยเกาหลี และ แสดงความหวังว่า ปริญญาดุษฎีบัณฑิตดังกล่าวจะกระชับความสัมพันธ์กับความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันระหว่างสองประเทศ

<br><FONT color=#ff0000>ภาพจากเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยเกาหลี เพื่อนร่วมรุ่น ที่เข้าพิธีรับปริญญาบัตรในเดือน ก.พ.2552</FONT></bR>
สมเด็จฯ ฮุนเซนเคยได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิติมศักดิ์ในสาขาวิชารัฐศาสตร์มาแล้วจำนวน 5 ใบ จากมหาวิทยาลันซูนชุนฮาง (Soon Chun Hyang) เกาหลีเมื่อปี 2549 จาก IIUE (Irish International University of Europa) ในปี 2547 จากมหาวิทยาลัยรามคำแหงของไทยในปี 2544 และ อีก 1 ใบจากมหาวิทยาลัยดันกุ๊ก (Dan Kook) ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนในเกาหลี ในปี 2544

ใบแรกได้รับจากสถาบันการเมืองแห่งกรุงฮานอย (National Political Academy of Hanoi) เวียดนาม ตั้งแต่ปี 2534 หลังการเจรจาทำสัญญาสันติภาพกรุงปารีสกับสมเด็จพระนโรดมสีหนุ ผู้นำรัฐบาลเขมรสามฝ่ายกัมพูชาประชาธิปไตย (Tripartite Coalition Government of Democratic Kampuchea) ที่ต่อสู้กับรัฐบาลในกรุงพนมเปญมาตลอด 9 ปีก่อนหน้านั้น

สมเด็จฯ ฮุนเซน อยู่ในตำแหน่งผู้นำมาหลายยุคสมัย ตั้งแต่ในช่วงปลายของรัฐบาลที่เวียดนามจัดตั้งขึ้นในกรุงพนมเปญเมื่อปี 2522 จนเข้าสู่ยุคใหม่

แม้ว่าพรรคประชาชนกัมพูชาจะพ่ายการเลือกตั้ง ที่จัดขึ้นโดยองค์การสหประชาชาติในปี 2537 แต่เนื่องจากเป็นผู้คุมกองกำลังติดอาวุธไว้ในมือ ทำให้สมเด็จฯ ฮุนเซนสามารถต่อรองเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลได้ โดยเป็นนายกรัฐมนตรีหมายเลข 2 ร่วมกับกรมหลวงนโรดมรณฤทธิ์ในขณะนั้น

ผู้นำกัมพูชาอยู่ในอำนาจติดต่อกันมาเป็นปีที่ 24 โดยไม่ขาดช่วง พรรครัฐบาลชนะการเลือกตั้ง ได้เสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรอย่างขาดลอยในเดือน ส.ค.ปีที่แล้ว ขณะที่สถานการณ์ชายแดนด้านปราสาทพระวิหารกำลังตึงเครียด

สื่อต่างประเทศบางแห่งให้ฉายาสมเด็จฯ ฮุนเซนเป็น "อัจฉริยะทางการเมือง"

ปริญญาดุษฎีบัณฑิตฯ ใบล่าสุดนี้เป็นใบที่สองในสาขาการเมือง ใบแรกได้รับมอบจาก Southern California University for Professional Studies เมื่อปี 2548

สมเด็จฯ ฮุนเซนยังได้รับ Ph.D. ดุษฎีบัณฑิตกิตติศักดิ์ในสาขาอื่นๆ คือ สาขานิติศาสตร์จาก IOWA Wesleyan College สหรัฐฯ สาขาการศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยาเมื่อปี 2549 และ อีกใบจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติกรุงฮานอย (National University of Hanoi) เมื่อปี 2550

นายกรัฐมนตรีกัมพูชา กับ "จุมเตียวธม" คู่ชีวิต ออกเดินทางไปเกาหลีใต้ ตั้งแต่วันที่ 30 พ.ค.เพื่อร่วมการประชุมผู้นำในกรอบความร่วมมืออาเซียน-เกาหลี (ASEAN-Korea Summit) ครั้งที่ 20 ที่จัดขึ้นบนเกาะเจจู (Jeju) ปลายท่องเที่ยวสำคัญในภาคใต้ซึ่งผู้นำจากอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ ได้เดินทางไปร่วมอย่างพร้อมหน้า และ ผู้นำกัมพูชา ได้ถือโอกาสนี้เยือนประเทศเจ้าภาพอย่างเป็นทางการ
<br><FONT color=#ff0000>มีอะไรมากมาย? ทุกคนมีความสุข สมเด็จฯ ดอกเตอร์ ก็มีความสุข ต่างกันแค่ไม่ได้ไปเรียนประจำ ก็เท่านั้นเอง </FONT></bR>
นายศรี ธรรมรงค์ (Sri Thamarong) ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะผู้ติดตามนายกรัฐมนตรีกับภริยาได้เปิดเผยกำหนดการเข้ารับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ใบล่าสุดตั้งแต่คราวนั้น แต่ยังไม่มีการเปิดเผยชื่อสถาบันการศึกษา ที่จะมอบ

ในคราวเดียวกันมหาวิทยาลัยสตรีแห่งกรุงโซล (Seoul Women University) ได้ประกาศกำหนดการประศาสน์ปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาเศรษฐกิจ หรือ Ph.D. (Economy) แก่จุมเตียวธมบุนรานีด้วย ในฐานะเป็นผู้อุทิศตนให้แก่การพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของชาวกัมพูชามาโดยตลอด ทั้งในฐานะภริยาผู้นำและในฐานะนายิกาสภากาชาดกัมพูชา ทั้งนี้เป็นรายงานบนเว็บไซต์ Everyday.com.kh เว็บไซต์ข่าวภาษาเขมรยอดนิยม

ก่อนหน้านั้นในเดือน ม.ค.2552 สมเด็จฯ ฮุนเซน ได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตสาขาเศรษฐศาสตร์ หรือ Ph.D. (Economics) จากมหาวิทยาลัยวูซุก (Woosuk University) แห่งเมืองวอนจู (Wonju) ซึ่งเป็นสถาบันอุดมศึกษาจากเกาหลีใต้แห่งที่ 3 ที่ประศาสน์ปริญญาดุษฎีบัณฑิตแก่ผู้นำ และเป็น Ph.D.ใบที่ 11

อย่างไรตาม การสืบค้นจนได้พบว่า ถึงแม้มหาวิทยาลัยวูซุกจะก่อตั้งมานานถึง 30 ปี และ เปิดสอนหลากหลายสาขาวิชา จนถึงระดับปริญญาเอก แต่ก็ไม่เคยมีการเปิดสอนในสาขาเศรษฐศาสตร์ในระดับใด ซึ่งทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับคุณค่าของปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ของสมเด็จฯ ฮุนเซน

ส่วนสุภาพสตรีหมายเลข 1 ซึ่งครองบรรดาศักดิ์ “จุมเตียวธม” หรือ “ลุ๊กจุมเตียว” เพียงหนึ่งเดียวของประเทศ ได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตใบแรกเดือน ต.ค.2551 จากมหาวิทยาลัยแห่งกัมพูชา (University of Cambodia) ซึ่งเป็นสถาบันอุดมศึกษาของเอกชนในกรุงพนมเปญ

มหาวิทยาลัยแห่งนี้ ได้ประศาสน์ปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์แก่ผู้นำระดับสูงของประเทศนี้มาแล้วหลายคน รวมทั้งนายโสกอาน (Sok An) รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีอีกคนหนึ่งด้วย.
**ทำเนียบแห่งเกียรติยศ**รายชื่อสถาบันการศึกษาที่มอบปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิติมศักดิ์แก่ผู้นำกัมพูชาเท่าที่เก็บบันทึกไว้โดย ASTV Manager Online

2009 Ph.D. (Politics) - Korea University, South Korea
2009 Ph.D. (Economics) - Woosuk University, South Korea
2007 Ph.D. (Education) - National University of Hanoi, Vietnam
2006 Ph.D. (Education) - Bansomdejchaopraya Rajabhat University, Thailand
2006 Ph.D. (Political Science) - Soon Chun Hyang University, Seoul, South Korea
2004 Ph.D. (Political Science) - University of Cambodia, Cambodia
2004 Ph.D. (Political Science) - Irish International University of Europa, Ireland
2001 Ph.D. (Political Science) - Ramkhamhaeng University, Thailand
2001 Ph.D. (Political Science) - Dankook University, South Korea
1996 Ph.D. (Law) - IOWA Wesleyan College, USA
1995 Ph.D. (Politics) - Southern California University for Professional Studies, USA
1991 Ph.D. (Political Science) - National Political Academy of Hanoi, Vietnam

กำลังโหลดความคิดเห็น