ASTVผู้จัดการรายวัน -- ไต้ฝุ่น “มรกต” กำลังก่อตัวในมหาสมุทรแปซิฟิก ด้วยความเร็วและแรงจัด พร้อมๆ กับอีกลูกหนึ่ง กลายเป็นไต้ฝุ่นแฝด ซึ่งทำให้เกิดความหวั่นวิตกในเวียดนาม โดยเจ้าหน้าที่พยากรณ์อากาศ กล่าวว่า รูปการณ์เช่นนี้กำลังจะสร้างความยากลำบากขึ้นในภาคเหนืออีกครั้งหนึ่ง หลังเกิดอุทกภัยต่อเนื่องตลอด 2 เดือนก่อนหน้านี้
พายุในมหาสมุทรแปซิฟิกทั้งสองลูก ได้ทำให้เกิดความแปรปรวนของลมฟ้าอากาศ ในขณะที่มวลความกดอากาศสูงจากทางเหนือเคลื่อนลงใต้ และทำให้เกิดฝนตกหนักในคืนวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นรายงานของเวียดนามเอ็กซ์เพรส (Vietnam Express) สำนักข่าวยอดนิยมภาษาเวียดนาม
คาดว่า จะเกิดฝนตกหนักปกคลุมหลายจังหวัดในภาคเหนือระหว่างวันที่ 5-7 ส.ค.นี้ ขณะที่ไต้ฝุ่นโกนี (Goni) หรือ “พายุหมายเลข 6” ที่ก่อตัวในเขตตะวันตกเฉียงใต้ของมหาสมุทรแปซิฟิกในปีนี้ กำลังเคลื่อนเข้าสู่แผ่นดินใหญ่จีน ทางด้านตะวันออกของคาบสมุทรไลโจว ด้วยลมแรงครอบคลุมอาณาบริเวณกว้างเป็นรัศมีราว 150 กิโลเมตร
ศูนย์อุตุนิยมวิทยาและอุทกศาสตร์แห่งชาติเวียดนาม (National Centre for Hydrometeorology) กล่าวว่า พายุโกนี จะอ่อนตัวลงเป็นดีเปรสชันเมื่อขึ้นฝั่ง ทำให้เกิดฝนตกหนักเป็นบริเวณกว้าง และนักอุตุนิยมวิทยากำลังจับตาเส้นทางการเคลื่อนตัวอย่างใกล้ชิด
ขณะเดียวกัน พายุโซนร้อนมรกต (Morakot) ก็เริ่มก่อตัวในแปซิฟิก และมุ่งหน้าไปยังเกาะไต้หวัน ซึ่งเป็นช่วงเดียวกันกับมวลอากาศเย็นเคลื่อนลงสู่ภาคเหนือเวียดนาม ทำให้เกิดฝนตกหนักในเขตภาคเหนือ
นายเลแทงหาย (Le Thanh Hai) รองผู้อำนวยการศูนย์อุตุนิยมวิทยา กล่าวว่า พายุสองลูกนี้กำลังทำให้เกิด “รูปการณ์ที่สลับซับซ้อนต่อลมฟ้าอากาศ” และ กำลังจะทำให้เกิดฝนตกหนัก น้ำป่าไหลหลาก และ แผ่นดินเลื่อน ขึ้นอีกรอบในภาคเหนือของประเทศ
ศูนย์อุตุนิยมวิทยา ได้ออกเตือนให้ราษฎรท้องถิ่นต่างๆ รวมทั้งแจ้งข่าวร้ายไปยังทางการ 8 จังหวัด “พื้นที่เสี่ยงภัย” ทางภาคเหนือ ที่เพิ่งจะฟื้นคืนจากภัยพิบัติเมื่อเดือนที่แล้ว ให้เตรียมรับมือฝนตกหนักตลอด 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 5-7 ส.ค.ศกนี้ จังหวัดอื่นๆ รวมทั้งในภาคเหนือตอนล่างก็จะได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศเลวร้ายเช่นกัน
ในแต่ละปีจะมีไต้ฝุ่นพัดเข้าาฝั่งเวียดนาม 8-10 ลูก แม้ว่าส่วนใหญ่จะอ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อนเมื่อเข้าถึงฝั่ง แต่ก็ยังแรงพอที่จะทำให้เกิดฝนตกหนักกินบริเวณกว้าง
ตั้งแต่เดือน พ.ค.เป็นต้นมา ในภาคเหนือเวียดนาม รวมทั้งกรุงฮานอยได้รับผลกระทบรุนแรงจากสภาพภูมิอากาศอันเลวร้ายมาหลายรอบ เกิดน้ำท่วมขังในเมืองหลวงนานนับสัปดาห์ เกิดน้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมฉับพลันและแผ่นดินเลื่อนใน 8 จังหวัดเขตภูเขาภาคเหนือ ทำให้มีผู้เสียชีวิตและสูญหายไปนับร้อย
ความเสียหายจะหนักหน่วงรุนแรงยิ่งขึ้น ถ้าหากเกิดพายุในภาคกลาง ซึ่งเป็นเขตไร่กาแฟอันเป็นพืชส่งออกที่ทำรายได้ในอันดับต้นๆ ให้แก่ประเทศ และจะหนักยิ่งขึ้นหากพายุพัดเข้าสู่เขตอู่ข้าวใหญ่ที่ราบปากแม่น้ำโขง ทางตอนใต้นครโฮจิมินห์
ศูนย์อุตุนิยมวิทยา กล่าวเมื่อวันที่ 5 ส.ค.ว่า อาจจะเกิดฝนตกหนักมากวัดปริมาณได้ระหว่าง 200-300 มิลลิเมตร ในช่วง 3 วันข้างหน้านี้
ในวันที่ 4 ส.ค.รองนายกรัฐมนตรี นายหว่างจุงหาย (Hoang Trung Hai) ได้เปิดประชุมออนไลน์กับเจ้าหน้าที่ทางการจังหวัดภาคเหนือ เพื่อหามาตรการรับมือกับ “พายุแฝด” ซึ่งจะต้องมีการกำหนดพื้นที่เสี่ยงภัย เพื่อช่วยเหลือราษฎรได้อย่างทันการณ์ เวียดนามเอ็กซ์เพรส กล่าว
“ถ้าหากเราสามารถกำหนดอะไรต่างๆ ได้ล่วงหน้า เราก็จะสามารถหลีกเลี่ยงความเสียหายรุนแรงอย่างที่เกิดในจังหวัดบั๊กกันเมื่อเร็วๆ นี้” นายหาย กล่าว ซึ่งหมายถึงจังหวัดเขตเขาทางตอนเหนือสุดของประเทศ
มีผู้เสียชีวิตกว่า 10 คน ในเหตุน้ำท่วมและแผ่นดินเลื่อนใน จ.บั๊กกัน (Bac Kan) แห่งเดียว และมีผู้เสียชีวิตและสูญหายเกือบ 50 คน ใน 8 จังหวัด จากอุบัติภัยธรรมชาติในช่วงต้นเดือน ก.ค.