ผู้จัดการออนไลน์-- น้ำลดตอผุดองค์กรสิทธิมนุษยชนและสื่อในกัมพูชาได้ออกเปิดเผยเรื่องราวต่างๆ ในอดีตของ พล.อ.ฮ๊อก ลุนดี (Hok Lundy) ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่เพิ่งถึงแก่กรรมในอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกตอนค่ำวันอาทิตย์ (9 พ.ย.) ที่ผ่านมา
นักสิทธิมนุษยชนกล่าวว่า ผบ.ตร.ที่ล่วงลับ ไม่ได้ต่างไปจากอดีตผู้นำเขมรแดงนัก และที่สำคัญคือเลือดเย็นกว่า
พล.อ.ลุนดีเป็นหนึ่งในบรรดาผู้มีอำนาจมากที่สุดในพรรคประชาชนปฏิวัติกัมพูชาของสมเด็จฯ ฮุนเซน ไม่เพียงแต่ได้รับความไว้วางใจมากที่สุดบุคคลทั้งสองยังเกี่ยวดองกันโดยฮุนมานิต (Hun Manit) บุตรชายคนที่สองของนายกรัฐมนตรี แต่งงานกับฮ๊อกจินดาวี (Hok Chindavy) ธิดาของ ผบ.ตร.
สำหรับองค์กรสิทธิมนุษยชนแล้ว พล.อ.ลุนดีมีประวัติด่างพร้อยมากที่สุด ในปี 2549 รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ขึ้นบัญชีดำ ห้าม ผบ.ตร.เขมรเดินทางเข้าประเทศ โดยตั้งข้อสงสัยว่าพัวพันกับการค้าเด็กและสตรีรวมทั้งการค้ายาเสพติด
เจ้าตัวได้ออกยอมรับเรื่องบัญชีดำในการให้สัมภาษณ์วิทยุเสียงอเมริกาในเดือน ก.พ. 2549 หลังจากพยายามเดินทางไปร่วมประชุมตำรวจระหว่างประเทศนัดหนึ่งในสหรัฐฯ แต่ไม่สำเร็จ แต่ก็ระบุว่าเป็นเรื่องที่เกิดจากความเข้าใจผิด
ทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ในเดือน มี.ค.ปีเดียวกัน สำนักงานสอบสวนสืบสวนกลางสหรัฐฯ หรือเอฟบีไอ ได้ประกาศมอบเหรียญเชิดชูเกียรติให้แก่ ผบ.ตร.เขมร ตอบแทนความพยายามในการร่วมมือต่อต้านการก่อการร้าย
และเมื่อปีที่แล้ว พล.อ.ลุนดี ก็ได้รับวีซ่าเชื้อเชิญให้ไปร่วมการประชุมต่อต้านการก่อการร้ายระหว่างประเทศในนครนิวยอร์ก
ปัจจุบันเอฟบีไอเข้าไปตั้งสำนักงานในกรุงพนมเปญ และมีโครงการช่วยเหลือฝึกอบรมบุคคลากรด้านการสอบสวนสืบสวนให้แก่รัฐบาลกัมพูชาอีกด้วย
พล.อ.ลุนดีถึงแก่กรรมคืนวันอาทิตย์ด้วยวัย 58 ปี ในอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตก ที่เกิดขึ้นในเขต อ.รุมดวล (Rumduol) จ.สวายเรียง (Svay Rieng) ซึ่งเป็นบ้านเกิด
ผบ.ตร.เสียบชีวิตพร้อมกับ พล.ท.โสกสะแอม (Sok Sa Em) นายทหารระดับรองผู้บัญชาการกองทัพที่เป็นชาว จ.สวายเรียงเช่นกัน นักบินอีกสองนายเสียชีวิตทั้งหมด
กลุ่มสิทธิมนุษยชนต่างๆ รวมทั้งพรรคการเมืองฝ่ายค้านกล่าวหาว่า พล.อ.ลุนดีเป็นจอมโหด กระทำการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรงหลายต่อหลายครั้ง อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์สังหาร จับกุมคุมขัง และทรมาน ฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองนับไม่ถ้วนในช่วงปีใกล้ๆ นี้
กลุ่มต่อต้านการค้ามนุษย์ตั้งข้อสงสัยว่า ผบ.ตร.อาจจะอยู่เบื้องหลังขบวนอันใหญ่โตในกัมพูชา ทุกครั้งที่หน่วยงานระหว่างประเทศร่วมกับกองตำรวจต่อต้านการค้ามนุษย์เข้าตรวจค้นและจับกุมตามสถานบันเทิงต่างๆ จะมีชายฉกรรจ์ตามไปช่วยเหลือผู้ประกอบการ
ในปี 2549 ชายฉกรรจ์หลายสิบคนกรูเข้าล้อมสำนักงานตำรวจต่อต้านการค้ามนุษย์ และแย่งชิงหญิงสาวกว่า 30 คนไปต่อหน้าต่อตา ทั้งหมดเป็นเหยื่อที่หน่วยงานระหว่างประเทศนำตัวออกไปจากโรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองหลวง เพื่อเยียวยารักษาให้ความช่วยเหลือ
พล.อ.ลุนดี ปฏิเสธการกล่าวหาทั้งหมด และ ยืนยันไม่ได้ยุ่งเกี่ยวใดๆ กับขบวนการค้าหญิงในประเทศ
แต่นักเคลื่อนไหวสิทธิมนุษยชนผู้หนึ่งเขียนไว้บนเว็บบล็อกว่า "ต่างไปจากโปลโป้ท (พลพต-- อดีตผู้นำเขมรแดง) ซึ่งใช้ทหารทั้งกองยิงสังหารประชาชน การทรมานอย่างเป็นระบบในคุกตวลสแลง (Tuol Sleng)…”
“พลเอกลุนดีเลือดเย็นยิ่งกว่านั้น เขาสามารถยิงคนได้ริมถนนกลางวันแสกๆ ต่อหน้าต่อตาของผู้คน แล้วออกปฏิเสธว่าไม่ได้ยิง ไม่รู้ไม่เห็น โดยที่ไม่มีใครสนใจอีกต่อไป"
อีกคนหนึ่งกล่าวว่า ตำรวจภายใต้ พล.อ.ลุนดีอยู่เบื้องหลังการลักพาตัว และ การทรมาน การอุ้มฆ่าและการลอบสังหารนักร้องนักแสดงสาวหลายคนที่ผ่านมา ซึ่งเชื่อกันว่าคนเหล่านั้น "สร้างปัญหา" ให้กับครอบครัวบรรดาผู้นำและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของพรรคประชาชนกัมพูชา
ตามประวัติอย่างเป็นทางการ พล.อ.ลุนดี เกิดปี 2493 ได้พบกับนายฮุนเซนในเวียดนามในเมื่อปี 2522 หลังจากกองทัพเวียดนามบุกเข้าขับไล่รัฐบาลเขมรแดงและตั้งรัฐบาลใหม่ที่นำโดย เพ็ญสุวรรณ เฮงสัมริน เจียซิม และฮุนเซน ขึ้นในกรุงพนมเปญ
พล.อ.ลุนดี เติบใหญ่ขึ้นมาในช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 1980 เคยถูกส่งไปเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดสวายเรียง จนกระทั่งได้ติดยศนายพลสี่ดาว ขึ้นเป็น ผบ.ตร.ในปี 2537
เมื่อนายฮุนเซนทำรัฐประหารยึดอำนาจปี 2540 พล.อ.ลุนดี ออกบัญชาการนำทหารและตำรวจคุ้มกันนายฮุนเซน เป็นกำลังหลักในการยึดอำนาจ ต่อสู้กับกองกำลังของฝ่ายฟุนซินเปก ที่นำโดย พล.อ.แญ็กบุนชัย (Nhiek Boun Chay) ที่เคยภักดีต่อกรมนโรดมพระรณฤทธิ์
พล.อ.ฮ๊อก ได้รับฉายาเป็นบุคคลที่ "ไร้ความปราณี" ในการกำจัดคู่แข่งทางการเมือง เพื่อปกป้องชื่อเสียงของบรรดาผู้นำ
กลุ่มสิทธิมนุษยชน Human Rights Watch ที่มีสำนักงานใหญ่ในนครนิวยอร์ก กล่าวหาว่า ผบ.ตร.เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการปาระเบิดเข้าใส่กลุ่มฝ่ายค้านที่เดินขบวนในกรุงพนมเปญ ซึ่งทำให้นายเจียวิชา (Chea Vichea) ผู้นำสหภาพแรงงานเสียชีวิต นายสมรังสี ผู้นำพรรคฝ่ายค้านในปัจจุบันกับอีกนับสิบคนได้รับบาดเจ็บ
ตำรวจยังไม่สามารถจับผู้ร้ายได้จนกระทั่งบัดนี้
พล.ท.เฮงโปว์ (Heng Pov) อดีตหัวหน้าตำรวจกรุงพนมเปญเคยกล่าวหาว่า พล.อ.ลุนดี เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการลอบสังหารกว่า 70 กรณี รวมทั้ง 7 กรณีบุคคลสำคัญ
ผบ.ตร.โต้ตอบกลับคืนว่า พล.ท.โปว์นั่นแหละตัวการอบู่เบื้องหลังอาชญากรรมใหญ่ในเมืองหลวง รวมทั้งการสังหารผู้พิพากษาคนหนึ่งด้วย
ปี 2549 พล.อ.ลุนดี สั่งกำลังตำรวจกว่า 100 นาย อาวุธครบมือ บุกรังหมายสังหาร พล.ท.เฮงโปว์ หลังจากถูกสมเด็จฯ ฮุนเซน ปลดจากตำแหน่ง แต่เจ้าตัวหลบหนีรอดหวุดหวิด เจ้าหน้าที่แถลงว่ายึดอาวุธสงครามได้จำนวนมาก พร้อมเงินสดหลายหมื่นดอลลาร์
พล.ท.โปว์ต้องเดินทางออกนอกประเทศไปยังมาเลเซียพยายามขอลี้ภัย และ ให้สัมภาษณ์ขู่ว่าจะเปิดโปงทุกสิ่งที่ทุกอย่างที่รู้เห็น ถ้าหากภรรยากับลูกๆ ที่ยังอยู่ในกัมพูชาถูกคุกคามได้รับอันตราย
หลายฝ่ายเชื่อว่าอดีตหัวหน้าตำรวจกรุงพนมเปญ เป็นผู้กุมความลับเกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชั่นในหมู่เจ้าหน้าที่ระดับสูง รัฐบาลและพรรคประชาชนกัมพูชาและยังรู้ดีเบื้องหน้าเบื้องหลังเกี่ยวกับอาชญากรรมที่มีการจัดตั้งในเรื่องต่างๆ
แต่ทางการกัมพูชาได้กดดันทุกทางเป็นการภายใน ให้รัฐบาลมาเลเซียต้องส่งผู้ร้ายข้ามแดน และ เรื่องจบลงตรงที่มาเลเซียยกเลิกวีซ่าอดีต ผบ.ตร.กรุงพนมเปญ บังคับให้ขึ้นเที่ยวบินกลับบ้าน ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของสื่อตลอดจนองค์กรสิทธิมนุษยชนในประเทศนั้น
พล.ท.โปว์ ถูกตั้งสารพัดข้อหา ถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลาหลายสิบปี ปัจจุบันกักขังในเรือนจำ ตัดขาดการสื่อสารกับโลกภายนอก
องค์การ Human Rights Watch เคยเรียก พล.อ.ลุนดีว่า "เป็นตัวแทนแห่งความเลวร้ายที่สุดเท่าที่จะมีได้ในกัมพูชา รองจากฮุนเซนนายใหญ่ของเขา"
ด้วยความเห็นชอบของนายกรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทยกัมพูชาโดย พล.อ.ซาร์เค็ง (Sar Kheng) รัฐมนตรีว่าการ ได้แต่งตั้งให้ พล.ท.เน็ธ สะเวือน (Neth Savoeun) รองคนหนึ่งของ พล.อ.ลุนดีขึ้นรักษาการ ผบ.ตร.ในวันจันทร์ผ่านมา
พล.ท.เน็ธ สาวูน สมรสกับหลานสาวคนหนึ่งของสมเด็จฯ ฮุนเซน จึงเป็นครอบครัวที่เกี่ยวดองกันอีกสายหนึ่งในหมู่ผู้นำระดับสูง.