ผู้จัดการออนไลน์ -- หนังสือพิมพ์ในกัมพูชาได้เผยแพร่ภาพทหารจำนวนมากที่หน้าศาลาตรีมุข (Tri Muk Pavilion) ซึ่งเป็นจุดพิพาทพรมแดนอีกแห่งหนึ่งระหว่างกัมพูชากับไทย แม้ว่ากระทรวงการต่างประเทศของไทยจะยื่นประท้วงและขอให้สองฝ่ายถอนทหารออกจากเขตพิพาทดังกล่าวแล้วก็ตาม
แต่กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา ได้ยืนยันว่า ศาลาดังกล่าวอยู่ในในเขตแดนของกัมพูชา
ศาลาตรีมุขตั้งอยู่ในเขตรอยต่อสามประเทศ คือ ไทย ลาว และ กัมพูชา ด้านช่องบก ซึ่งเป็นด่านชายแดนเพียงแห่งเดียวทางด้าน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เป็นถาวรวัตถุอีกชิ้นหนึ่งที่อยู่ในกรณีพิพาทมาเป็นเวลาหลายปีไม่ต่างกับปราสาทพระวิหารที่ชายแดน จ.ศรีสะเกษ หรือปราสาทตาควาย ที่ชายแดนด้าน จ.สุรินทร์
ภาพถ่ายของหนังสือพิมพ์ “เกาะสันติภาพ” (Koh Santepheap) หนังสือพิมพ์รายวันภาษาเขมรที่อ้างว่าถ่ายเมื่อเร็วๆ นี้ได้แสดงให้เห็นทหารเขมรไม่น้อยกว่า 30 คนประจำหน่วยทหารชายแดนที่ 401 ในชุดพรางอาวุธครบมือพร้อมรบยืนเรียงแถวที่หน้าศาลาตรีมุข ประกาศความเป็นเจ้าของ
วันที่ 21 ต.ค.กระทรวงการต่างประเทศของไทยได้ออกคำแถลงฉบับหนึ่งกล่าวว่า ฝ่ายกัมพูชาได้ส่งทหารราว 7 นายเข้าไปในอาณาบริเวณพิพาทดังกล่าว ซึ่งเป็นเขตแดนที่ทั้งไทย ลาวและกัมพูชา จะต้องเจรจาแบ่งเส้นเขตแดนให้ชัดเจนก่อน
นายวีรชัย พลาศรัย อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย ได้เชิญอุปทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย เข้าพบที่กระทรวงการต่างประเทศ และมอบบันทึกช่วยจำประท้วง โดยระบุว่าทหารกัมพูชา 7 นาย พร้อมอาวุธครบมือได้เข้าไปยังบริเวณศาลาตรีมุข ตั้งแต่วันที่ 18 ก.ย.
บันทึกของฝ่ายไทยแสดงความกังวลต่อฝ่ายกัมพูชาที่ส่งกำลังทหารเข้าพื้นที่ชายแดนที่ยังไม่มีการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนโดยการเจรจาสามฝ่ายซึ่งก่อให้เกิดความตึงเครียดตามแนวชายแดนโดยไม่จำเป็น
ฝ่ายไทยยืนยันว่า ยังคงยึดมั่นในเจตนารมณ์ที่จะแก้ไขปัญหาเขตแดนอย่างเป็นธรรมโดยสันติวิธีกับกัมพูชาภายใต้กรอบของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี) จึงขอให้กัมพูชาถอนกำลังออกไปจากพื้นที่ดังกล่าวทันที เพื่อรักษามิตรภาพและความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างทั้งสองประเทศระหว่างรอการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดน
แต่กัมพูชาก็ได้ออกตอบโต้อย่างทันควัน ยืนกรานว่า “ศาลาร่มฉัตร” (Ruom Chat House) เป็นของฝ่ายตน และอ้างว่าฝ่ายไทยได้เคยยอมรับและใช้ชื่อนี้เรียกขานสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวในเรื่องนี้มาตั้งแต่ปี 2546
กัมพูชากล่าวหาว่า “ทหารชุดดำ” ของไทยกว่า 10-15 นาย ได้พยายามเข้าไปในเขตศาลาร่มฉัตรอีกครั้งหนึ่งในช่วงที่เกิดการเผชิญหน้ากันบนเขาพระวิหาร พร้อมแสดงแผนที่ให้ฝ่ายกัมพูชาได้ทราบว่า ศาลาตรีมุขอยู่ในเขตแดนของไทย
พ.ท.ดวงจัน (Duong Chan) ผู้บังคับบัญชาการของหน่วยทหารชายแดนที่นั่นกล่าวกับหนังสือพิมพ์เกาะสันติภาพว่า ก่อนหน้านี้ทหารของสองฝ่ายที่ประจำในพื้นที่ได้เปิดการเจรจาแต่ไม่เป็นผลทำให้กัมพูชาต้องเสริมทหารเข้าไป
นายทหารผู้นี้ กล่าวว่า ทหารกัมพูชามีความสัมพันธ์อันดีกับทหารของลาวที่ประจำการในพื้นที่ และไม่เคยมีกรณีพิพาทกันในอาณาบริเวณดังกล่าว
เขตรอยต่อของ 3 ประเทศเคยได้รับความสนใจเมื่อหลายปีก่อน เมื่อไทย-กัมพูชาและลาว ได้ร่วมกันพิจารณาให้เป็นเขตพัฒนาร่วมกันที่เรียกว่า “สามเหลี่ยมมรกต” แต่กรณีพิพาทเกี่ยวกับศาลาตรีมุขได้กลายเป็นอุปสรรคหนึ่งที่ขัดขวางแผนการดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม วันอาทิตย์ (2 พ.ย.) ที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาได้ออกคำแถลงฉบับหนึ่ง ระบุว่ารัฐมนตรีต่างประเทศกับคณะกรรมาธิการร่วมชายแดนไทยกับกัมพูชาได้ตกลงจะเปิดการเจรจากันอีกรอบหนึ่งระหว่างวันที่ 10-12 พ.ย.นี้ที่เสียมราฐ