xs
xsm
sm
md
lg

เวียดนามสร้างแบรนด์สกัดข้าวหอมไทยรุกตลาด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

<CENTER><FONT color=#660099> ตกอันดับ-- ภาพถ่ายวันที่ 5 ก.ย.2551 คนงานกำลังบรรจุข้าวที่คลังเก็บแห่งหนึ่งขององค์การอาหารแห่งชาติฟิลิปปินส์ที่อยู่ในเขตเกซอนซิตี้ (Quezon City) ชานกรุงมะนิลา ข้าวทั้งหมดซื้อจากเวียดนามเพื่อจำหน่ายให้แก่ประชาชนในราคาถูก ฟิลิปปินส์เริ่มลดการนำเข้าลงแล้วขณะที่ข้าวเริ่มไหลออกสู่ตลาดโลกมากขึ้น (AFP). </FONT></CENTER>

ผู้จัดการรายวัน — ถึงแม้ว่าจะเป็นประเทศส่งออกข้าวรายใหญ่ติดอันดับต้นๆ ของโลก แต่ตลาดในประเทศกำลังถูกรุกล้ำโดยข้าวไทยหลากหลายระดับคุณภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้าวหอมคุณภาพดี ซึ่งได้รับความนิยมมากกว่า แม้ว่าราคาจะแพงกว่าก็ตาม

ข้าวหอมเวียดนามได้สูญเสียตลาดให้กับข้าวไทยไปไม่น้อย ทำให้ผู้ผลิตในประเทศเร่งหากลยุทธ์ในการรักษาตลาด โดยเชื่อว่า การมีเครื่องหมายการค้าเป็นของตัวเอง จะทำให้เอาชนะข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านได้ แต่ก็ยังมีปัญหาอื่นๆ อีกมากมาย

ข้าวหอมเวียดนามได้รับผลกระทบสูงมาก เนื่องจากมีราคาสูงกว่าข้าวขาวธรรมดาทั่วไป และผู้บริโภคยังคงนิยมผลิตภัณฑ์จากต่างประเทศมากกว่า

เพราะฉะนั้นนอกจากจะต้องสร้างแบรนด์ของตัวเองให้โดดเด่นแล้ว หีบห่อที่ใช้บรรจุข้าวของเวียดนามยังจะต้องระบุแหล่งผลิตอย่างชัดเจน สร้างความแตกต่างอย่างเด่นชัด จากข้าวคู่แข่งเพื่อให้เป็นทางเลือก

ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ไซ่ง่อนไทมส์ นับตั้งแต่เกิดความปั่นป่วนในตลาดข้าวเดือน เม.ย.ปีนี้ ราคาข้าวก็เริ่มลดลงเรื่อยๆ ปัจจุบันข้าวผสมเมล็ดหัก 5% ตกลงเหลือ 540 ดอลลาร์ต่อตันในปลายเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา

แต่ราคาข้าวหอมลดลงช้ามาก ราคาข้าวเปลือกยังอยู่ในระดับ 7,200-7,300 ด่งต่อ กก.เทียบกับราคาข้าวเปลือกทั่วไปเพียง กก.ละ 4,700 ด่ง (อัตราแลกเปลี่ยน 16,800 ด่งต่อ 1 ดอลลาร์)

อย่างไรก็ตาม นายโห่มิงขาย (Ho Minh Khai) ผู้อำนวยการบริษัท เกอโด๋การเกษตร (Ko Do Agriculture) กล่าวว่า พื้นที่ปลูกข้าวหอมคุณภาพดีในเวียดนามจะลดลงอย่างมากในช่วงฤดูหนาว-ฤดูใบไม้ผลิ ที่จะถึง เนื่องจากเป็นข้าวที่จำหน่ายยากทั้งในและต่างประเทศ ชาวนาหันไปปลูกข้าวธรรมดามากขึ้นเนื่องจากขายได้ง่ายกว่า

ฤดูดังกล่าวจะเป็นช่วงเดียวกันกับที่ข้าวหอมจากไทยและกัมพูชาเริ่มเข้าสู่ตลาด เป็นประจำทุกปี

การปลูกข้าวหอมยังมีต้นทุนที่สูงกว่า และยังหุงรับประทานยากกว่าข้าวธรรมดาทั่วไป และ ผู้จัดจำหน่ายต้องตั้งราคาขายให้ได้ 950 ดอลลาร์ต่อตัน จึงจะได้กำไร ถึงกระนั้นก็ยังขายได้ยาก เนื่องจากตลาดโลกยังไม่คุ้นกับข้าวหอมเวียดนาม ที่ส่วนใหญ่จะใช้คำว่า “ข้าวหอมมะลิ” (Jasmine) พิมพ์ไว้บนถุงบรรจุ

สำหรับในประเทศ ตลาดข้าวหอมยังเล็กและแคบมาก เป็นสินค้าสำหรับกลุ่มผู้มีรายได้สูง ซึ่งส่วนใหญ่นิยมข้าวคุณภาพดีจากต่างประเทศ นอกจากนั้นก็ยังมีข้าวหอมเลียนแบบหรือข้าวหอมปลอมปนออกวางจำหน่ายเป็นคู่แข่งอีกด้วย

ในเดือน มี.ค.ผู้ผลิตข้าวหอมจำนวนหนึ่งได้เซ็นความตกลงร่วมมือกับร้านสหกรณ์เวียดนาม (Co-Op Mart) เพื่อจำหน่ายข้าวภายใต้เครื่องหมายการค้าใหม่ แต่เกิดเหตุการณ์ตื่นตระหนกในเดือน เม.ย.ซึ่งชาวเวียดนามแย่งกันซื้อข้าวเพื่อกักตุน ได้ทำให้แผนการดังกล่าวต้องล้มเลิกไป

ผู้ผลิตหลายแห่งตั้งหน้าตั้งตาผลิตข้าวหอมออกสู่ตลาดโดยเฉพาะ และพยายามสร้างแบรนด์ของตัวเอง เช่น จัสมิน 85 (Jasmine 85) จัสมินโจ่วฝู (Jasmine Chau Phu) วีดี 20 (VD 20) หรือ เอสที1 (ST1) เป็นต้น

แต่ผู้ผลิตกล่าวว่า การผลิตข้าวหอมคุณภาพดีจะไม่สามารถดำเนินต่อไปได้ หากไม่สามารถเซ็นสัญญาจำหน่ายลอตใหญ่กับลูกค้าในต่างประเทศได้
กำลังโหลดความคิดเห็น