ผู้จัดการออนไลน์ -- หลายท้องที่ในกรุงย่างกุ้งเมืองหลวงกับเมืองพะโค (Bago) หรือ หงสาวดี กำลังจมน้ำในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่องค์การระหว่างประเทศยังคงช่วยพม่าเยียวยาบาดแผลจากพายุลูกหนึ่งที่พัดเข้าทำลายเขตอู่ข้าวสำคัญในต้นเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา
ผืนนาในเขตที่ราบปากแม่น้ำอิรวดีรวมเกือบ 1 ล้านไร่ ไม่สามารถปลูกข้าวได้ในฤดูข้าวนาปีซึ่งเริ่ม 2 เดือนที่แล้ว
หลังจากเกิดฝนตกหนักและน้ำแม่น้ำย่างกุ้งได้ไหลเอ่อล้นฝั่งขึ้นท่วมหลายเขตของเมืองหลวงตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่องค์การระหว่างประเทศยังคงช่วยชาวพม่านับแสนคนในเขตนี้ฟื้นฟูชีวิตให้กลับคืนสู่ปกติ หลังบอบช้ำจากไซโคลนนาร์กิสเมื่อกว่า 3 เดือนก่อน
ยังไม่มีรายงานความเสียหายของนาข้าวที่อยู่รอบๆ กรุงย่างกุ้ง ซึ่งข้าวกล้ากำลังตั้งลำต้น หลังฤดูการปักดำที่เพิ่งจะผ่านพ้นไปได้เพียงเดือนเดียว
ห่างออกไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ น้ำในแม่น้ำพะโคและแม่น้ำสะโตง (Sittaung) ได้เอ่อล้นขึ้นท่วมหลายพื้นที่รอบๆ เมืองพะโค ทั้งนี้ ยังไม่มีรายงานเกี่ยวกับอุทกภัยในท้องถิ่นอื่นๆ ของเขตพะโคอันกว้างใหญ่ ซึ่งเป็นอู่ข้าวสำคัญอันดับ 3 ของประเทศ
หนังสือพิมพ์นิวไลท์ออฟเมียนมาร์ เมื่อวันอาทิตย์ (17 ส.ค.) ยังรายงานอุทกภัยในอีกหลายพื้นที่ ตั้งแต่ภาคตะวันออกจนถึงภาคใต้
หลังในตกหนักติดต่อกันนานหลายวัน น้ำจากแม่น้ำสาละวินและลำน้ำสายต่างๆ ในท้องที่ได้ไหลเอ่อขึ้นท่วมหมู่บ้านและที่นารวม 76,916 เอเคอร์ (กว่า 190,000 ไร่) ตั้งแต่รัฐชาน (Shan) ตะวันออก รัฐมอญ รัฐกะเหรี่ยง ลงไปจนถึงเมืองทะวาย (Dawei) ในเขตตะนาวศรี (Taninthayi)
ยังไม่พบนาข้าวได้รับความเสียหายใดๆ จากอุทกภัยซึ่งเริ่มมาตั้งแต่วันที่ 8 ส.ค.และเริ่มลดระดับลงตั้งแต่วันที่ 13 เป็นต้นมาหนังสือพิมพ์ของรัฐบาลกล่าว
อย่างไรก็ตาม นิวไลท์ออฟเมียนมาร์ กล่าวว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้จัดเตรียมเมล็ดพันธุ์ข้าวที่พร้อมที่หว่านให้เป็นต้นกล้านำออกแจกจ่ายราษฎรในเขตประสบภัย และยังได้เตรียมพื้นที่สูงสำหรับทำนาทดแทนในกรณีที่เกิดน้ำท่วมขังยาวนาน
หนังสือพิมพ์ของทางการยังรายงานน้ำท่วมหลายพื้นที่ในรัฐสะกาย (Sagaing) และเขตมัณฑะเลย์ (Mandalay) ซึ่งมีผู้ประสบภัยนับพันๆ คน ผืนนาจำนวนมากถูกน้ำท่วม แต่ไม่มีรายงานการได้รับบาดเจ็บของผู้คนและสัตว์เลี้ยง