ผู้จัดการออนไลน์ -- ทางการกัมพูชา กล่าวว่า ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จากการที่ประเทศไทยเลิกส่งออกผลไม้เข้าประเทศ ตลอดจนยกเลิกงานแสดงผลไม้ไทย ที่มีกำหนดจะจัดขึ้นในกรุงพนมเปญ สุดสัปดาห์นี้
“กัมพูชาจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ” นายจอม ประสิทธิ์ (Cham Prasidh) รัฐมนตรีการค้ากัมพูชา กล่าวระหว่างให้สัมภาษณ์เรื่องนี้เมื่อวันอาทิตย์
นายประสิทธิ์ กล่าวอีกว่า เป็นการดีเสียอีกที่ไทยยกเลิกงานนิทรรศการผลไม้ เพราะว่าชาวกัมพูชาจะพากันโกรธแค้นและทำลายผลไม้ที่นำไปแสดงเสีย หากฝ่ายไทยยังจัดงานแสดงนี้ต่อไป
“มันอาจจะเกิดความวุ่นวายขึ้นมา” รัฐมนตรีกัมพูชา กล่าว และยังพาดพิงถึงการเผชิญหน้าทางทหารของสองฝ่ายทางด้านเขาพระวิหารที่ดำเนินมาเป็นเวลา 20 วัน ซึ่งได้ทำให้ชาวกัมพูชาไม่สบายใจที่จะซื้อสินค้าจากไทยอีกต่อไป
ตามตัวเลขของกระทรวงการค้ากัมพูชา เมื่อเดือน มี.ค.การค้าสองฝ่ายไทย-กัมพูชา มีมูลค่า 1,400 ล้านดอลลาร์ เมื่อปีที่แล้ว คิดเป็นอัตราเพิ่ม 10.56% จากปี 2549 ทั้งนี้ เป็นรายงานของสำนักข่าวซินหัว
กรมส่งเสริมการส่งออกได้ยกเลิกงานเทศกาลเงาะ-ลำไย และผลไม้ไทยอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่ง เนื่องจากเกิดกระแสต่อต้านสินค้าไทยอย่างรุนแรงในกัมพูชา
คาดว่า จะมีผู้ค้าจากประเทศไทยราว 700 ราย เข้าร่วมงานเทศกาลผลไม้ดังกล่าว ขณะที่ฝ่ายไทยมีแผนจะส่งลำไยจากเชียงใหม่กว่า 10 ตัน เข้าสู่กรุงพนมเปญในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ก่อนหน้านี้ กรมส่งเสริมการส่งออกได้ยกเลิกงานนิทรรศการไทย (Thai Exhibition) อีกงานหนึ่ง ซึ่งมีกำหนดจะจัดขึ้นในเดือน ส.ค.นี้เช่นเดียวกัน
สำนักข่าวเอเคพี (AKP) ซึ่งเป็นสำนักข่าวของทางการรายงานก่อนหน้านี้ ว่า สวนผลไม้ของประเทศจะอยู่ในจังหวัดชายทะเลทางภาคใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จ.กัมโป้ท (Kampot) ซึ่งเป็นแหล่งปลูกทุเรียนใหญ่ที่สุด
อย่างไรก็ตาม วิทยุเสียงอเมริการายงานเมื่อเร็วๆ นี้ ว่า ปัจจุบันเกือบจะไม่มีการปลูกทุเรียนในจังหวัดดังกล่าวอีกแล้วเนื่องจาก ผลผลิตออกมามีคุณภาพไม่ดี ไม่ได้รับความนิยมในตลาด
ในแต่ละปีกัมพูชาต้องนำเข้าผลไม้หลายชนิดจากประเทศไทยเป็นปริมาณมาก เช่นเดียวกันกับผลไม้อีกบางชนิดจากภาคใต้ ซึ่งราคาถูกกว่าผลไม้ของไทย แม้ว่าคุณภาพจะต่ำกว่าก็ตาม