ผู้จัดการรายวัน -- เจ้าหน้าที่คณะกรรมการการเลือกตั้งแห่งชาติ แถลงผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการในวันจันทร์ (28 ก.ค.) ระบุว่า พรรครัฐบาลกัมพูชากวาดคะแนนไปราว 60% แต่พรรคฝ่ายค้าน สม รังสี ประกาศไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง ทั้งเรียกร้องให้มีการจัดเลือกตั้งขึ้นใหม่ในเขตกรุงพนมเปญ
การแถลงล่าสุด มีขึ้น 1 วัน หลังจาก 74.5% ของชาวกัมพูชาที่มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งกว่า 8 ล้านคน ไปเข้าคูหาหย่อนบัตร ปรากฏว่า พรรคประชาชนกัมพูชา (Cambodian People's Party) กวาดคะแนนไปราว 59%
แต่คณะกรรมการการเลือกตั้งฯ (National Election Commission) ไม่ยอมระบุว่า เมื่อคิดออกมาเป็นที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรแล้วพรรคใดจะได้กี่ที่นั่งในขณะนี้
เจ้าหน้าที่ของ CPP กล่าวก่อนหน้านี้ ว่า พรรคอาจจะมี ส.ส.ในสภาถึง 90 คน ในการเลือกตั้งครั้งนี้ เทียบกับในปัจจุบันที่มี 73 คน ในสภาผู้แทนราษฎร 123 ที่นั่ง ตัวเลขใหม่นี้มากเกินพอสำหรับการจัดตั้งรัฐบาลที่มีเสียงข้างมากเด็ดขาดเพียงพรรคเดียว
ตามรัฐธรรมนูญที่มีการแก้ไขเมื่อปีที่แล้ว การจัดตั้งรัฐบาลต้องการเสียงในสภาเพียง 2 ใน 3 เท่านั้น เทียบกับหลังการเลือกตั้งคราวที่แล้วในปี 2546 ซึ่งจะต้องใช้เสียงถึง 3 ใน 4 และ CPP มีชัยด้วยเสียงข้างมากที่ไม่เด็ดขาด ทำให้ต้องใช้เวลาเจรจากับพรรคฟุนซินเปกนานข้ามปี
ตามตัวเลขของ NEC พรรคสมรังสี พรรคฝ่ายค้านซึ่งเป็นคู่แข่งที่ใกล้ที่สุดสามารถกวาดคะแนนไปได้เพียงประมาณ 21% เท่านั้น ทั้งนี้ เป็นรายงานของสำนักข่าวเอเอฟพี
“นี่เป็นชัยชนะครั้งใหม่อีกครั้งหนึ่งของ CPP และสำหรับนโยบายที่ดำเนินมาตลอด 5 ปี” นายเขียว กัญฤทธิ์ (Khieu Kanharith) รัฐมนตรีกระทรวงแถลงข่าว โฆษกของ CPP กล่าว
พรรคการเมืองขนาดเล็กอีก 4 พรรค ได้ปฏิเสธการยอมรับผลการเลือกตั้งเช่นเดียวกัน กล่าวหาว่าพรรครัฐบาลตุกติกด้วยบัญชีเลือกตั้ง เพื่อให้มีหลักประกันว่าจะได้รับชัยชนะเสียงข้างมากที่เด็ดขาด
“เราขอเรียกร้องไปยังประชาคมระหว่างประเทศมิให้ยอมรับการเลือกตั้ง เพราะว่ามีความไม่ปกติจำนวนมาก” นายแกม สุขะ (Kem Sokha) หัวหน้าพรรคสิทธิมนุยชน (Human Rights Party) กล่าวกับผู้สื่อข่าว
ส่วน นายสม รังสี กล่าวว่า ได้ตัดสินใจเข้าร่วมพลังกับพรรคการเมืองอื่นๆ เพื่อต่อสู้กับพรรครัฐบาลต่อไป
พรรคแนวราชนิยม คือ พรรคฟุนซินเปก ก็ได้ออกคำแถลงกล่าวหาว่า รัฐบาลโกงการเลือกตั้ง โดยส่วนใหญ่ใช้วิธีลบรายชื่อผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งออกจากบัญชี และนับคะแนนเพิ่มให้กับ CPP
ผู้สังเกตการณ์ยืนยันว่า มีผู้ไปใช้สิทธิจำนวนมากเดินออกไปจากหน่วยเลือกตั้งอย่างผิดหวัง หลังจากไม่พบชื่อตัวเองในบัญชีผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งตามหน่วยต่างๆ แต่ก็ยังไม่เชื่อว่าเรื่องนี้จะมีการกระทำอย่างเป็นขบวนการอย่างกว้างขวางเช่นที่พรรคฝ่ายค้านกล่าวอ้าง
กลุ่มคอมเฟรล (Comfrel) ซึ่งเป็นหน่วยสังเกตการณ์การเลือกตั้งอิสระ กล่าวว่า ยังไม่อาจจะประกาศว่าการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 27 ก.ค.เป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม จนกว่าจะมีการสอบสวนสืบสวนความไม่ชอบมาพากลต่างๆ
“ยังเร็วเกินไปที่จะกล่าวว่า นี่เป็นการเลือกตั้งที่อิสระและยุติธรรม เราต้องการข้อมูลที่มากกว่านี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิ ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่มาก” นายทุน สะราย (Thun Saray) เจ้าหน้าที่ของแคมเฟรล กล่าว
องค์กรนี้ยังกล่าวอีกว่า จำนวนผู้ไปใช้สิทธิในการเลือกตั้งยังลดลงอย่างน่าใจหาย เทียบกับ 83% ในการเลือกตั้งครั้งก่อนหน้านี้เมื่อปี 2546
นายสะราย กล่าวว่า หากมีการประกาศยืนยันชัยชนะของ CPP น่าเป็นห่วงว่าสถานการณ์ทางการเมืองจะบานปลาย ส่งผลกระทบต่อประชาธิปไตยในกัมพูชาที่ยังคงง่อนแง่น
ปัจจุบันนายกรัฐมนตรี สมเด็จฯ ฮุนเซน อายุ 55 ปี อยู่ในตำแหน่งนี้มาตั้งแต่ปี 2528 รวมเป็นเวลา 23 ปี และ 17 ปีจากการเลือกตั้งในยุคใหม่
พรรค CPP พ่ายแพ้ในการเลือกตั้งครั้งแรกในปี 2536 ที่จัดขึ้นโดยองค์การสหประชาชาติ แต่อาศัยความช่ำชองในการเจรจาต่อรอง โดยใช้กำลังทหารและตำรวจอยู่ในมือช่วยกดดัน ทำให้ CPP เข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคฟุนซินเปกของกรมพระนโรดมรณฤทธิ์ และทำให้ประเทศนี้มีนายกรัฐมนตรีพร้อมกัน 2 คน
สมเด็จฯ ฮุนเซน เคยประกาศจะอยู่ในตำแหน่งต่อไปจนอายุ 90 ปี หรือจนกว่าประชาชนจะไม่เลือกให้ทำหน้าที่อีกต่อไป
ชัยชนะของ CPP กับสมเด็จฯ ฮุนเซน เป็นที่คาดกันล่วงหน้ามานาน จากนโยบายประชานิยมเพื่อเอาชนะใจประชาชน
แต่ทุกฝ่ายก็ยอมรับว่า หลายปีมานี้เศรษฐกิจของประเทศดีขึ้น ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น แม้ว่ากัมพูชาจะยังเป็นประเทศยากจนที่สุดในโลกแห่งหนึ่งก็ตาม
รัฐบาลชุดปัจจุบันเป็นรัฐบาลผสมร่วมกับพรรคฟุนซินเปก แต่เมื่อสองปีก่อนหน้านี้ สมเด็จฯ ฮุนเซน ได้ใช้กฎหมายอาญาฟ้องร้องเล่นงานกรมพระรณฤทธิ์หัวหน้าพรรค นอกจากนั้น ศาลกรุงพนมเปญยังตัดสินจำคุกอดีตหัวหน้าพรรคฟุนซินเปกในคดีฉ้อโกงทำให้ไม่สามารถเดินทางกลับประเทศได้
หลังจากนั้น สมเด็จฯ ฮุนเซน ได้ค่อยๆ ลดบทบาทของพรรคฟุนซินเปกในคณะรัฐบาลลง มีการแต่งตั้งโยกย้ายคนของ CPP เข้าแทนที่ แต่ก็ไม่มีการขับไล่พรรคนี้ออกจากการร่วมรัฐบาล
ผู้นำอีกกลุ่มหนึ่งในฟุนซินเปก ได้ก่อการยึดอำนาจภายในพรรค ทำให้กรมพระรณฤทธิ์ประกาศตั้งเป็นพรรคนโรดมรณฤทธิ์ เพื่อลงสนามเลือกตั้งครั้งนี้ ขณะที่หัวหน้าพรรคยังคงลี้ภัยอยู่ในประเทศมาเลเซีย
การเลือกตั้งวันที่อาทิตย์ที่ผ่านมามีพรรคการเมืองส่งผู้สมัครลงแข่งขันรวม 11 พรรค รวมทั้งพรรคสิทธิมนุษยชน ซึ่ง CPP กล่าวว่าน่าจะได้รับเลือกราว 3 คน
นักวิเคราะห์กล่าวว่า หาก NEC ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งครั้งนี้ อาจจะเป็นการเริ่มต้นความไม่สงบทางการเมืองครั้งใหม่ในประเทศ ที่รัฐบาลมักจะใช้อำนาจในการบริหารแทนกฎหมาย รวมทั้งการกลั่นแกล้ง ทำร้าย รวมทั้งสังหารโหดฝ่ายตรงกันข้าม
รัฐบาลสมเด็จฯ ฮุนเซน ทำให้กัมพูชาอยู่ในอันดับต้นๆ บัญชีรายชื่อประเทศที่มีการคอร์รัปชันมากที่สุด รัฐบาลไม่เคยนำโครงการลงทุนขนาดใหญ่เข้าสู่การพิจารณาในรัฐสภา แม้ว่า CPP กับฟุนซินเปก จะคุมเสียงข้างมากอยู่ก็ตาม ทุกอย่างขาดความโปร่งใส แม้กระทั่งให้ต่างชาติเช่าที่ดินได้ยาวนานถึง 99 ปีก็ไม่เคยขออนุมัติจากรัฐสภา
ผู้นำฝ่ายค้านเพียงพรรคเดียวคื อ นายสม รังสี กล่าวว่า ในกรุงพนมเปญเพียงแห่งเดียวชื่อของผู้มีสิทธิเลือกตั้งราว 200,000 คน ได้หายไปจากบัญชีเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ จากจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมด 722,000 คน และเรียกร้องให้ NEC จัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ในเมืองหลวง ไม่เช่นนั้นระบอบประชาธิปไตยที่ง่อนแง่นในกัมพูชาก็จะมีปัญหา
“จะไม่มีการตรวจสอบในรัฐสภาอีกแล้ว.. นี่เป็นปัญหาใหญ่ที่สุด” นายสม กล่าว