ผู้จัดการออนไลน์-- การพัฒนาทางด้านอุตสาหกรรมเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้สภาพแวดล้อมของเวียดนามถูกทำลายอย่างมาก และควรจะต้องมีการเพิ่มเงินกองทุนเพื่อต่อสู้กับปัญหาดังกล่าว ธนาคารโลก หรือ World Bank กล่าวในรายงานการศึกษาวิจัยฉบับหนึ่งซึ่งตีพิมพ์เมื่อวันศุกร์ (27 มิ.ย.) ที่ผ่านมา
จากการศึกษาเผยให้เห็นว่า ในระหว่างปี 1990-2005 เวียดนามประสบความสำเร็จทางเศรษฐกิจอย่างมาก ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือ GDP เฉลี่ยอยู่ที่ 7.5% ต่อปี ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตในภาคอุตสาหกรรมอย่างรวดเร็ว แต่กลับมีการใส่ใจหรือให้ความสำคัญในเรื่องของสภาพแวดล้อมน้อยมาก
การศึกษานี้ยังกล่าวต่อว่า หลายฝ่ายได้ร่วมกันกดดันรัฐบาลให้จัดสรรงบประมาณในจำนวนที่มากขึ้นเพื่อใช้ในการควบคุมปัญหามลภาววะต่างๆ นอกจากนี้ ยังกระตุ้นให้ภาคธุรกิจดังเนินการเช่นเดียวกันอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม กองทุนเงินเพื่อการจัดการกับปัญหามลภาวะได้ค่อยๆ เพิ่มขึ้นจากปี 2000-2005 จนขณะนี้มีเงินในกองทุนประมาณ 600 ล้านดอลลาร์ แต่ธนาคารโลกกล่าวว่า เวียดนามต้องการเงินถึง 2.5 พันล้านดอลลาร์เพื่อให้เพียงพอต่อการจัดการกับปัญหาดังกล่าว
ใน 5 จังหวัดหรือตามเมืองใหญ่ๆ รวมถึงนครโฮจิมินห์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่สำคัญและกรุงฮานอยเมืองหลวงของประเทศ เป็นแหล่งรวมอาชีพต่างๆ โดยคิดเป็นอัตราส่วนถึง 63% และยังเป็นแหล่งที่ตั้งของบริษัทอุตสาหกรรมอีกเกือบ 55% ของประเทศ
"มลพิษที่เกิดจากการพัฒนาทางด้านอุตสาหกรรมในบางพื้นที่ของประเทศนั้นถูกจับตามองอย่างมาก ซึ่งมักจะเกิดขึ้นจากภาคอุตสาหกรรมการผลิตกลุ่มย่อยๆ ทั้งหลายในบริเวณดังกล่าว" การศึกษาวิจัย กล่าว
อุตสาหกรรมการผลิตทางด้านเคมีต่างๆ รวมถึงรองเท้าเป็นกลุ่มที่ก่อให้เกิดมลภาวะอันดับต้นๆ ของประเทศ ธนาคารโลก กล่าว.