ผู้จัดการรายวัน-- เวียดนามเปิดเผยแหล่งสำรองยูเรเนียมสำรวจพบแล้ว 8,000 ตัน มากพอสำหรับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในระยะยาว หากสำรวจจริงๆ คาดว่าทั่วประเทศอาจจะมียูเรเนียมนับแสนตัน
ดร.เหวียนกวางหุ่ง (Nguyen Quang Hung) หัวหน้าศูนย์ธรณีวิทยาและกัมมันตภาพรังสีหายาก กล่าวว่า เวียดนามมีทรัพยากรที่เพียงพอในการพัฒนาโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ โดยย้ำว่าเหมือนแร่ยูเรเนียมในทางตอนกลางของประเทศนั้นมีความจำเป็นต่อโครงการพัฒนาทางด้านพลังงานนี้
นายเจิ่นซวนเฮือง (Tran Xuan Huong) อธิบดีกรมธรณีวิทยาและสินแร่ เห็นด้วยกับดร. Hung และกล่าวว่าประเทศมีแร่ยูเรเนียมในระดับปานกลางซึ่งมากพอที่จะนำมาพัฒนาอุตสาหกรรมด้านพลังงานนิวเคลียร์
เมื่อเร็วๆ นี้ กระทรวงสิ่งแวดล้อมและเหมืองแร่ได้ดำเนินโครงการสำรวจแร่ยูเรเนียมสำเร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้วซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์แห่งชาติในด้านการใช้พลังงานปรมาณูเพื่อสันติภาพ จนถึงปี 2020
จากผลสำรวจแสดงให้เห็นว่าเวียดนามมีแร่ยูเรเนียมอยู่ในหลายๆ พื้นที่ทั้งในทางตอนกลางและตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ ซึ่งแหล่งแร่ส่วนใหญ่จะอยู่ในบริเวณที่ใกล้กันแต่อยู่ห่างไกลจากบริเวณที่พักอาศัยของประชาชน
กระทรวงฯ กล่าวว่า จากการที่แร่นั้นอยู่ห่างไกลจากบ้านเรือนของประชาชนออกไปจะทำให้มั่นใจถึงการปกป้องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในขณะที่มีการทำเหมืองยูเรเนียมได้
สืบเนื่องจากการสำรวจที่กล่าวในเบื้องต้น ปริมาณสำรองแร่ยูเรเนียมในเวียดนามมีอยู่ในระดับปานกลางเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ทั่วโลก โดยรัฐบาลมีแผนที่จะนำทรัพยากรดังกล่าวในประเทศมาใช้ในโรงงานพลังงานนิวเคลียร์แห่งแรกของชาติ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการในปี 2020
เจ้าหน้าที่เวียดนามกล่าวว่า การก่อสร้างโรงงานพลังงานนิวเคลียร์มีความสำคัญต่อการพัฒนาทางด้านพลังงานของชาติ โดยเฉพาะความต้องการใช้พลังงานที่เพิ่มมากขึ้น
เวียดนามมีแผนการจะดำเนินการโรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์แห่งแรกในปี 2020 โดยรัฐบาลได้ตัดสินใจอนุมัติการก่อสร้างเมื่อปีที่แล้ว
มีการตัดสินใจที่จะควบคุมดูแลโครงการในด้านของการตรวจสอบและการประเมินแร่สำรองยูเรเนียมในเขตนงเซิน (Nong Son) จ.กว๋างนาม (Quang Nam) ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ประมานการกันว่ามีแร่ยูเรเนียมถึง 8,000 ตัน และ พื้นที่อื่นๆ อีกจำนวนหนึ่ง
"แม้เราจะยังไม่ได้มีการประเมินที่แน่นอนเกี่ยวกับความต่างระหว่างราคาในการนำเข้าแร่ยูเรเนียมกับการขุดหาแร่เองในประเทศก็ตาม แต่การใช้แร่จากภายในประเทศนั้นจะทำให้เราไม่ต้องไปพึ่งพาการนำเข้าแร่จากต่างประเทศเพื่อนำมาใช้ในโรงงานของเรา" นายเจิ่นเติ๊ตถัง (Tran Tat Thang) ผู้เชี่ยวชาญอาวุโสทางด้านธรณีวิทยา กรมธรณีวิทยาและสินแร่กล่าว
**ศักยภาพในการดำเนินการ**
จากการสำรวจในขั้นแรกของกรมธรณีวิทยาและสินแร่แสดงให้เห็นว่า แร่ยูเรเนียมนั้นมีอยู่ทั่วไปในหลายๆ พื้นที่ของประเทศ โดยเฉพาะทางตอนกลางและตะวันตกเฉียงเหนือซึ่งมีความหนาแน่นของแร่อยู่มาก
แร่ยูเรเนียมในทางตอนกลางนั้นมีแนวโน้มที่จะมีศักยภาพในการนำมาผลิตมากที่สุด โดยเฉพาะในอำเภอนงเซิน ซึ่งอยู่ในภาคกลาง โดยสภาพทางธรณีวิทยาแล้วสามารถสกัดออกมาใช้ได้ง่าย
นายหุ่งกล่าวว่า ค่าใช้จ่ายในการขุดแร่ยูเรเนียมปริมาณ 1 กก.จากแหล่งแร่ในอำเภอนงเซินนั้นคาดดว่าจะต่ำกว่าแร่ที่ขุดในอำเภอบิ่งซเวือง (Binh Duong) จ.ก๋าวบ่าง (Cao Bang) และ อ.นามแซ (Nam Xe) จ.ล่าวกาย (Lao Cai) ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ
แหล่งแร่ยูเรเนียมในเขตอำเภอนงเซินนั้น อยู่ในบริเวณใกล้กัน แต่อยู่ไกลจากบริเวณที่อยู่อาศัยของประชาชนออกไปซึ่งทำให้การจัดการป้องกันทางด้านสิ่งแวดล้อมนั้นมีความง่ายมากขึ้น และระบบโครงสร้างพื้นฐานรวมถึงเส้นทางการคมนาคมนั้นมีความสะดวกสบาย
กระทรวงสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติประมาณว่า ปริมาณแร่ยูเรเนียมในเวียดนามนั้นอาจจะมีมากนับแสนๆ ตัน แต่การสำรวจและตรวจสอบต่างๆ ยังคงมีอยู่อย่างจำกัด
**หนทางที่ยาวไกล**
แผนการดำเนินงานในการสำรวจแหล่งแร่ในอำเภอนงเซินนับเป็นโครงการขนาดใหญ่และมีความซับซ้อนอย่างมาก โดยจะต้องมีการตรวจสอบในด้านของส่วนประกอบโครงสร้างของแร่ ปริมาณและขนาดของแร่และอื่นๆ อีกมาก
นอกจากนี้ แผนการดำเนินงานจะต้องระบุสภาพของดินและน้ำที่จำเป็นรวมทั้งประเมินผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
นายถังกล่าวว่าความสำเร็จในการสร้างและผลิตพลังงานนิวเคลียร์นั้นจำเป็นต้องใช้เวลาหลายปีในการวางแผนที่รอบคอบและการดำเนินการ และก็ต้องการเทคโนโลยีที่มีคุณภาพและเหมาะสมด้วยเช่นกัน
"หลังจากดำเนินการในด้านการสำรวจตรวจสอบ จะต้องมีการลงในรายละเอียดของการขุดแร่ขึ้นมาใช้ต่อไป รวมถึงขั้นตอนในการดูแลรักษาแร่ยูเรเนียมที่ยังไม่ได้ผ่านขั้นตอนใดๆ ด้วย" นายถังกล่าว.