ผู้จัดการออนไลน์-- ในเวียดนามกำลังมีการโจษจันเกี่ยวกับหนังสือแบบเรียนชั้นประถมศึกษาที่จัดพิมพ์ขึ้นมาใหม่ ซึ่งมีเนื้อหาที่หนักมากสำหรับเด็กๆ จนหลายคนตั้งคำถามว่า มันเป็นหนังสือแบบเรียนสำหรับชั้นประถมศึกษา หรือเป็นตำราเรียนระดับมหาวิทยาลัยกันแน่
นายกง-ซเวิน (Kong Dan) สมาชิกคณะกรรมการการช่วยเหลือการเรียนรู้ จ.ฮุงเอียน (Hung Yen) กล่าวว่า หลานชายของตนอายุ 8 ปี กำลังเรียนชั้นประถมปีที่ 3 ได้เรียนวิชาการวางแผนครอบครัวซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในวิชาสังคมกับธรรมชาติ เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเด็ก 8 ขวบ ต้องเรียนเกี่ยวกับการวางแผนครอบครัว การคุมกำเนิดด้วย
หนังสือแบบเรียนสำหรับนักเรียนชั้นประถมปีที่ 1, 2 และ 3 ที่ออกมาใหม่ยังมีการศึกษาวิชากายวิภาคศาสตร์ (Anatomy) ด้วย ซึ่งเมื่อก่อนจะเริ่มเรียนกันในระดับมัธยมศึกษา
นายซเวินกล่าวรู้สึกตกใจ เมื่อได้รู้ว่าเด็กเพียงแค่ 7 ปี ต้องเรียนรู้เกี่ยวกับระบบไหลเวียนโลหิต เรื่องอัตราการหายใจเข้าออกและการตรวจวัดชีพจร แต่ที่น่าหนักใจยิ่งกว่านั้นก็คือ ครูผู้สอนจำนวนมากไม่มีความสามารถพอในการถ่ายทอดข้อมูลเหล่านี้ได้จึงปล่อยให้พวกเด็กๆ เรียนกันเอง
ตำราเรียนวิทยาศาสตร์สำหรับนักเรียนชั้น ป.5 มีเนื้อหาครอบคลุมเกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์ หลังจากบทที่ 4 นักเรียนจะต้องรู้ว่าทารกในครรภ์มีอายุเท่าไหร่เมื่อดูจากในภาพ หนังสือแบบเรียนใหม่ยังครอบคลุมเนื้อหาเกี่ยวกับทำอย่างไรให้ทารกเจริญเติบโตเร็วและอาหารสำหรับสตรีมีครรภ์
นักวิชาการจำนวนไม่น้อยก็พากันแปลกใจต่อหนังสือแบบเรียนสำหรับเด็กชั้นประถมศึกษาตอนต้นของกระทรวงศึกษาธิการและฝึกอบรม โดยเห็นว่ามีเนื้อหาหนักเกินไปและไม่มีความจำเป็นต่อนักเรียน
แบบเรียนวิชาประวัติศาสตร์เล่มใหม่กำหนดให้เด็กอายุ 10 ปีต้องยกตัวอย่างเหตุการณ์และบุคคลสำคัญๆ ในประวัติศาสตร์เวียดนามตั้งแต่ปี 1858 โดยต้องเลือกอธิบาย 5 เหตุการณ์ที่สำคัญและทำไมจึงเลือกเหตุการณ์นั้นๆ ซึ่งเป็นเรื่องของการวิเคราะห์ประวัติศาสตร์
ดร.ห่า-มิง-ห่มง์ (Ha Minh Hong) คณบดีคณะประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์แห่งนครโฮจิมินห์ กล่าวว่านักเรียนชั้น ป.4 จะต้องบรรยายให้ได้เกี่ยวกับบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ รวมทั้งบุคคลสำคัญต่างๆ ที่อยู่ในยุคที่สถาปนาประเทศจนถึงกลางศตวรรษที่ 19
นักวิชาการผู้นี้กล่าวว่า นักเรียนที่มีอายุประมาณ 10-11 ปี นั้นยังเด็กอยู่และยังชอบที่จะเล่นมากกว่าเรียน ขณะเดียวกันนั้นพวกเขาก็ยังต้องทำในสิ่งที่ยากเกินกว่าความสามารถ เกินวัยของพวกเขา
อย่างไรก็ตาม ศ.ดร.เหวียนเทียนเญิน (Nguyen Thien Nhan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้ออกโต้แย้งว่า มันไม่ผิดอะไรที่ตำราเรียนและหลักสูตรจะหนักวิชาความรู้ให้แก่เด็กๆ นักวิชาการมุ่งวิจารณ์ในประเด็นที่เป็นรายละเอียดมากจนเกินไป.