xs
xsm
sm
md
lg

“นางฟ้าเทอา” กลับไปเยี่ยมเด็กๆ ฝนเหลือง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online



แมเนเจอร์ออนไลน์ - ดาราฮอลลีวูด เทอา เลโอนี (Tea Leoni) ได้เดินทางไปเวียดนาม เยี่ยมเยือนเด็กๆ เหยื่อสารพิษของกองทัพสหรัฐฯ อีกครั้งหนึ่ง เป็นการเริ่มต้นการรณรงค์สร้างการรับรู้เกี่ยวกับเด็กๆ ที่ประสบเคราะห์กรรมอันมีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้สารพิษไดออกซิน ตั้งแต่ครั้งสงครามเมื่อกว่า 30 ปีก่อน


เทอา ในฐานะทูตสันถวไมตรี องค์การยูนิเซฟ ได้ไปเยี่ยมเยือนครอบครัวของเด็กๆ ที่ทุพพลภาพ และเยี่ยมเด็กๆ อีกจำนวนมากในสถานเลี้ยงเด็กที่เกิดมาพร้อมกับความพิกลพิการ เธอไปทุกๆ ที่พร้อมของฝากและของขวัญจากทุนส่วนตัว

หลังจากสัปดาห์ก่อนหน้านี้ศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ ได้พิพากษายืนคำตัดสินของศาลชั้นต้น เหยื่อฝนเหลืองในเวียดนามไม่สามารถฟ้องร้องเอาผิดกับบริษัทอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่ที่เป็นผู้ผลิตสารเคยมีให้แก่กองทัพสหรัฐฯ ได้

เทอา นักแสดงวัย 42 ปี ไปเยือนเวียดนามเป็นเวลา 5 วันในสัปดาห์นี้ เธอได้บอกกับผู้สื่อข่าวในกรุงฮานอย เมื่อวันพฤหัสบดี (6 มี.ค.) ว่า ชาวอเมริกันยังไม่ได้รับรู้ประเด็นสำคัญๆ หลายประการเกี่ยวกับสารไดออกซิน และเชื่อว่า จำเป็นที่จะต้องสร้างสิ่งนี้ขึ้นมาโดยจะเริ่มตั้งแต่นี้เป็นต้นไป

แฟนๆ ในเวียดนามยังจำเทอาได้จากภาพยนตร์หลายเรื่องที่เธอแสดง รวมทั้ง Deep Impact กับ จูราสสิคพาร์ค ตอนที่ 3 (Jurassic Park 3) ด้วย

“ในฐานะที่เป็นแม่ มันเป็นประสบการณ์ที่น่าสนใจมากที่ได้ไปเยี่ยมคุณแม่คนอื่นๆ และได้เห็นการเอาใจใส่ดูแลลูกๆ ที่จำเป็นต้องสนับสนุนและดูแลอย่างใกล้ชิด” ทีอา กล่าว

ปลายปี 2548 เทอา ได้เดินทางเข้าเวียดนามไปเยี่ยมเยือนเด็กๆ และทารกที่ติดเชื้อเอชไอวีเอดส์ (HIV/AIDS) ที่ศูนย์เลี้ยงเด็กในกรุงฮานอยและนครโฮจิมินห์

กองทุนเพื่อเด็กในสหรัฐฯ มีโครงการจะระดมทุนให้ได้ 2 ล้านดอลลาร์ ในปีนี้กับอีก 5 ล้านดอลลาร์ในปีหน้า เพื่อช่วยเหลือเด็กๆ ที่ประสบเคราะห์กรรมจากฝนเหลืองในเวียดนาม รวมทั้งเด็กๆ ที่พิกลพิการจากสาเหตุอื่นๆ ด้วย นางคารีล สเติร์น (Caryl Stern) ประธาน UNICEF United States Fund กล่าวในการแถลงข่าวคราวเดียวกัน

ในช่วงปี 2504-2513 กองทัพสหรัฐฯ ได้พ่นสารไดออกซิน “ฝนเหลือง” กับยาทำลายพืชและไม้ยืนต้นชนิดต่างๆ ลงในเวียดนามภาคกลางและภาคใต้ รวมปริมาตรราว 21 ล้านแกลลอน หรือประมาณ 80 ล้านลิตร เพื่อกำจัดแหล่งหลบซ่อนของศัตรู ภายใต้ปฏิบัติการที่เรียกว่า Operation Ranch Hand

สารพิษได้ทำลายต้นไม้ กับพืชพรรณต่างๆ รวมทั้งพืชที่ชาวเวียดนามปลูกเป็นอาหารด้วย สารพิษเหล่านั้นได้ตกตะกอนลงในแม่น้ำลำธาร ส่งพิษร้ายต่อสัตว์นานาและพืช สร้างความพิกลพิการให้แก่เด็กๆ ที่เกิดในยุคต่อมา

รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ปฏิเสธที่จะรับผิดชอบต่อเด็กๆ และชาวเวียดนามที่ประสบเคราะห์กรรมจากสารพิษ ทั้งที่เคยได้รับผลกระทบโดยตรงและผู้ที่เกิดมาในยุคหลังสงคราม โดยอ้างว่ายังไม่มีข้อมูลหลักฐานที่ทั้งสองฝ่ายสามารถตกลงเห็นพ้องร่วมกันได้

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ให้การสงเคราะห์และชดเชยทหารผ่านศึกอเมริกันในสงครามเวียดนามที่ได้รับผลกระทบต่างๆ หรือล้มป่วยลง รวมทั้งหลายคนที่เซลล์มะเร็งในร่างกายก่อตัวอย่างรวดเร็ว

รัฐบาลนิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย และ รัฐบาลเกาหลีใต้ ก็ได้ให้การสงเคราะห์และจ่ายชดเชยความเสียหายให้แก่ทหารผ่านศึกของตนที่ไปช่วยสหรัฐฯ ทำสงครามเวียดนาม และได้รับพิษจากสารไดอ๊อกซินทำให้ล้มป่วยในช่วงหลังสงคราม

แต่ยังไม่มีชาวเวียดนามคนใดได้รับการชดเชยจากฝ่ายใด ยังคงเผชิญความเจ็บปวดจากการล้มป่วย และชะตากรรมต่างๆ มาโดยลำพัง ในปัจจุบันยังมีเด็กๆ ในเวียดนามราว 150,000 คนที่เกิดมาพิกลพิการ ผิดรูปผิดร่าง ทุกคนล้วนสามารถสืบย้อนไปถึงความเกี่ยวพันกับสารไดออกซินของสหรัฐฯ ในอดีตได้ทั้งสิ้น


ถึงแม้ว่าจะสหรัฐฯ จะปฏิเสธความรับผิดชอบต่อเหยื่อเหล่านี้ แต่รัฐบาลสหรัฐฯ ก็กำลังช่วยเวียดนามเก็บกู้ “ฝนเหลือง” ที่ยังคงตกค้างอยู่ในแหล่งสำคัญ 2-3 แห่งในเวียดนาม รวมทั้งอาณาบริเวณที่เคยเป็นคลังเก็บสารเคมีดังกล่าว บริเวณฐานทัพเก่านครด่าหนัง (Danang) ทุกวันนี้ด้วย

ชาวต่างชาติไม่สามารถฟ้องร้องรัฐบาลสหรัฐฯ ได้โดยผ่านกระบวนการศาลในประเทศนี้ เหยื่อฝนเหลืองกับญาติพี่น้องราว 3 ล้านคน ในเวียดนามได้พากันลงชื่อยื่นฟ้องศาลสหรัฐฯ เพื่อเรียกค่าเสียหายจากกลุ่มบริษัทอุตสาหกรรมผู้ผลิตสารเคมีใหญ่น้อยราว 30 ราย รวมทั้งบริษัทดาวเคมิคอล กับ บริษัท มอนซานโต จำกัด (Monsanto Co) ด้วย

หลังจากแพ้อุทธรณ์ สัปดาห์ที่แล้วเหยื่อฝนเหลืองเวียดนามได้ตัดสินใจยื่นฟ้องขอความเป็นธรรมต่อศาลสูงสหรัฐฯ ต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น