ผู้จัดการรายวัน-- ศาลอุทธรณ์กลางในสหรัฐฯ ได้ดับความหวังของเหยื่อ "ฝนเหลือง" ในเวียดนามอีกครั้งหนึ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยยืนคำตัดสินของศาลแขวงที่ว่า โจทย์เกือบ 3 ล้านไม่มีสิทธิ์ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตสารพิษที่ใช้ในสงครามเวียดนาม
ต่อการตัดสินของศาลอุทธรณ์เมื่อวันศุกร์ (22 ก.พ.) ทางการเวียดนามทำได้เพียงแค่ ออกแสดงความผิดหวัง และ ยังไม่ทราบว่ารูปคดีจะดำเนินต่อไปอย่างไร ในขณะที่กลุ่มผู้ได้รับความเสียหายจำนวนหนึ่งเริ่มถอดใจ เพราะทราบดีว่าไม่ง่ายนักที่จะไปต่อกรกับบริษุทยักษ์ใหญ่ในดินแดนสหรัฐฯ โดยผ่านกระบวนการศาลของประเทศนี้
เหยื่อฝนเหลืองในเวียดนามและในต่างประเทศ รวมทั้งญาติมิตรกับตัวแทนได้ร่วมกันเป็นโจทก์ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากกลุ่มบริษัทดาวเคมิคัล (Dow Chemical Co) และ บริษัทมอนซานโต (Monsanto Co) ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมเคมียักษ์ใหญ่ในสหรัฐฯ กับอีกเกือบ 30 บริษัท ซึ่งเป็นผู้ผลิตสารพิษร้ายแรงดังกล่าว
กองทัพสหรัฐฯ ใช้สารสีส้มหรือ "ฝนเหลือง" โปรยลงในเวียดนามเมื่อกว่า 40 ปีก่อน เพื่อทำลายต้นไม้ ใบไม้ เพื่อกำจัดแหล่งหลบซ่อนของข้าศึก
นายเลซวุง (Le Dung) โฆษกกระทรวงการต่างประเทศเวียดนามกล่าวว่า คำตัดสินของศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ นั้น "ไม่ถูกต้อง" และ "ไม่ยุติธรรม" สำหรับชาวเวียดนามนับล้านคนที่ได้รับผลจากพิษภัยของสารไดอ็อกซิน ใน "ฝนเหลือง" (Agent Orange) ที่กองทัพสหรัฐฯ โปรยในช่วงสงคราม
ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสารเคมีดังกล่าวประมาณ 3 ล้านคน ได้ร่วมกันเป็นโจทก์ ระบุในคำฟ้องว่าทั้งๆ ที่ตระหนักดีว่าสารเคมีที่ผลิตขึ้นมานั้นมีพิษร้ายแรงต่อมวลมนุษย์และสิ่งมีชีวิตทั้งปวง บริษัทเหล่านี้ก็ยังคงผลิตและส่งสารเคมีพิษร้ายแรงนี้ให้แก่กองทัพสหรัฐฯ
ศาลชั้นต้นได้ตัดสินคดีนี้เมื่อปี 2547 ระบุว่าผู้เสียหายไม่มีสิทธิ์ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากบริษัทผู้ผลิตสารเคมี จึงทำให้มีการนำคดีเข้าสู่การพิจารณาของศาลอุทธรณ์กลาง (Federal Court of Appeals)
กรณีผลพวงจากสารไดออกซินที่ใช้ในสงครามช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 1960-1970 ได้เป็นประเด็นที่ขวางความสัมพันธ์ระหว่างคอมมิวนิสต์เวียดนามกับสหรัฐฯ มานาน แม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะได้ปรับความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างกันให้เข้าสู่ระดับปกติตั้งแต่ปี 2548-2549 แล้วก็ตาม
คำฟ้องได้ยืนยันว่า "สารสีส้ม" หรือ "ฝนเหลือง" นั้น ได้ทำให้ชาวเวียดนามนับล้านคนล้มป่วย และยังส่งผลให้ทารกเกิดมาพิกลพิการ ผู้ที่ได้รับสารพิษจำนวนมากป่วยเป็นมะเร็ง
การศึกษาตลอดหลายทศวรรษมานี้ได้พบว่า สารพิษอันเป็นส่วนประกอบของสารสีส้มนั้น ยังคงตกค้างอยู่ตาม "จุดร้อน" ในเวียดนาม และมีระดับสูงกว่าระดับที่ยอมรับได้นับร้อยๆ เท่า
รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ยืนยันในจุดยืนเดิมที่ว่า ยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ใดๆ ที่พิสูจน์ได้ว่า การล้มป่วยของผู้คนตามที่โจทก์ร่วมกันฟ้องร้องนั้น มีความสัมพันธ์โยงใยกับสารสีเหลืองที่สหรัฐฯ โปรยลงในเวียดนามตั้งแต่ครั้งสงคราม
ผู้แทนรัฐบาลเวียดนาม หน่วยงานและองค์การต่างๆ ของภาคเอกชนได้ช่วยกันเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับพิษภัยและผลกระทบจากสารสีเหลืองที่ชาวเวียดนามโดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กๆ ได้รับมาจนถึงปัจจุบันนี้ และ ได้เริ่มเกิดความเข้าใจเรื่องนี้อย่างกว้างขวาง ขบวนการรณรงค์เรียกร้องค่าชดเชยจากบริษัทผู้ผลิตสารเคมีเหล่านั้นแผ่เป็นวงกว้างออกไปทุกๆ
ต่อการตัดสินของศาลอุทธรณ์เมื่อวันศุกร์ บริษัทดาวเคมิคัลได้ออกคำแถลงฉบับหนึ่งยืนยันท่าทีดั้งเดิมว่า กรณีนี้สมควรจะหาทางแก้ไขผ่านช่องทางการหารือที่เหมาะสมระหว่างรัฐบาลมิใช่โดยผ่านกระบวนการศาล
นายเหวียนจ่งเญิน (Nguyen Trong Nhan) อดีตรัฐมนตรีสาธารณสุขเวียดนาม รองประธานสมาคมเวียดนามเพื่อผู้ตกเป็นเหยื่อฝนเหลือง/ไดอ็อกซิน (Vietnam Association for Victims of Agent Orange/Dioxin) กล่าวว่า กลุ่มผู้เป็นโจทก์ ได้ทำใจมาตั้งแต่ต้นแล้วว่า การฟ้องร้องเอาผิดต่อบริษัทอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่ในแผ่นดินสหรัฐฯ โดยผ่านระบบศาลในสหรัฐฯ นั้นเป็นเรื่องยากที่ชนะคดีได้
แต่นายเญินก็กล่าวว่า กรณีนี้กำลังได้รับการสนับสนุนมากขึ้นทุกทีๆ จากประชาคมระหว่างประเทศ
นายเลเกเซิน (Le Ke Son) เจ้าหน้าที่เวียดนาม ซึ่งเป็นนักวิทยาศาสตร์และเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับฝนเหลือง กล่าวว่า โจทก์คงจะนำคดีนี้ขึ้นสู่การพิจารณาของศาลสูงสหรัฐฯ ต่อไป หลังผ่านศาลอุทธรณ์แล้ว
หน่วยงานรัฐบาลและหน่วยงานที่ไม่สังกัดรัฐบาลจำนวนหนึ่งได้ร่วมมือกันและมีความคืบหน้าพอสมควรในความพยายามเก็บกู้สารสีส้มจากโกดังใต้ดินที่บริเวณฐานทัพสหรัฐฯ ในเมืองด่าหนัง (Danang) ในอดีต
"เป็นที่น่าเสียดายการตัดสินของศาล มีขึ้นในขณะที่รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังมีความพยายามในการร่วมมือกับเวียดนามในการเก็บกู้สารไดอ็อกซินที่ยังคงตกค้างจากการใช้ฝนเหลือง" โฆษกกระทรวงการต่างประเทศเวียดนามให้สัมภาษณ์สื่อของทางการเมื่อวันเสาร์ (2 ก.พ.)
"ชาวเวียดนามนับล้านๆ คนที่ประสบเคราะห์กรรมจากพิษภัยของสารสีส้มกับไดอ็อกซิน ยังคงล้มป่วยและได้รับความเจ็บปวดทั้งทางร่างกายและจิตใจอยู่ทุกๆ วัน" นายซวุงกล่าว
โฆษกเวียดนามได้เรียกร้องไปยังกลุ่มบริษัทอุตสาหกรรมเคมีในสหรัฐฯ ที่ตกเป็นจำเลยในคดีนี้ ให้ "มีส่วนร่วมอย่างแข็งขันและแสดงออกซึ่งความรับผิดชอบทั้งด้านกฎหมายและศีลธรรม" ต่อบรรดาผู้ประสบเคราะห์ทั้งที่เป็นชาวอเมริกันและชาวเวียดนาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งทหารผ่านศึกษา
นายซวุงยังเรียกรองไปยังประชาคมระหว่างประเทศ แสดงความหวังว่าทุกฝ่ายจะร่วมมือกับเวียดนามต่อไปในการแสวงหาความยุติธรรมเกี่ยวกับเรื่องนี้
ตามรายงานของโทรทัศน์บีบีซีกรุงลอนดอน ระหว่างปี 2504-2514 สหรัฐฯ กับพันธมิตรได้โปรยฝนเหลือลงเวียดนามรวมประมาณ 11 ล้านแกลลอน เพื่อกำจัดแหล่งหลบซ่อนของกองกำลังเวียดกงกับเวียดนามเหนือที่ทำสงครามกับสหรัฐฯ ในเวียดนามภาคใต้
บีบีซีกล่าวว่า 14% ของเป้าหมายเป็นพื้นที่การเกษตร ปัจจุบันพื้นที่กว่า 10% ของประเทศนี้ยังคงได้รับผลกระทบจากพิษภัยของฝนเหลือง
ในปี 2527 บริษัทอุตสาหกรรมเคมีหลายแห่งรวมทั้งดาวกับมอนซานโตได้ตกลงจ่าย 180 ล้านดอลลาร์ให้แก่ทหารผ่านศึกสหรัฐฯ ที่อ้างว่าฝนเหลืองได้สร้างปัญหาให้แก่สุขภาพของพวกตน
ทหารผ่านศึกจากสงครามเวียดนามในนิวซีแลนด์ ออสเตรเลียและเกาหลีใต้ ต่างได้รับเงินชดเชยผลกระทบจากฝนเหลือง แต่ยังไม่มีทหารผ่านศึกเวียดนามหรือชาวเวียดนามคนไหนเลยที่ได้รับค่าชดเชยดังกล่าว.