ผู้จัดการรายวัน-- ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวทั่วโลกในขณะนี้กำลังจะทำให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจของเวียดนามกับจีนลดลงจากเป้าหมายและการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ แม้ว่าเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศจะยังเติบโตในระดับสูงได้ต่อไปได้อีกในระยะข้างหน้า
นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ (Haruhiko Kuroda) ประธานธนาคารเพื่อพัฒนาเอเชีย (Asia Development Bank) กล่าวเตือนเรื่องนี้ในกรุงฮานอยเมื่อค่ำวันพุธ (20 ก.พ.) ระหว่างเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการเป็นวันที่สาม
ประธานเอดีบีกล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อที่เป็นตัวเลข 2 หลักนับเป็นการท้าทายที่ใหญ่หลวงสำหรับเวียดนาม แต่ก็ยังเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้นในระยะปานกลาง-ระยะยาว หากเวียดนามสืบต่อการปฏิรูปต่อไป พร้อมกับเร่งขยายและก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานต่างๆ
"ผมคิดว่าเศรษฐกิจเวียดนามจะขยายตัวอย่างรวดเร็วต่อไปในระยะปานกลางและระยะยาว" นายคุโรดะกล่าวกับสำนักข่าวเอเอฟพี หลังเข้าเยี่ยมคำนับและหารือข้อราชการกับนายกรัฐมนตรีเวียดนามเหวียนเติ๋นยวุ๋ง (Nguyen Tan Dung) กับเข้าหน้าที่ระดับสูงอีกหลายคน
อย่างไรก็ตามประธานเอดีบีกล่าวว่าในปีนี้เศรษฐกิจเวียดนามอาจจะขยายตัวน้อยกว่าตัวเลขเป้าหมาย 8.5% อันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวในทั่วโลก สิ่งเดียวกันนี้กำลังจะทำให้เศรษฐกิจของจีนชะลอตัวลงจากเป้าหมาย 11.4% ที่ตั้งเอาไว้
ประธานเอดีบีกล่าวว่า ผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (Gross Domestic Product) ของจีนอาจจะลดลงต่ำกว่า 10% ในปีนี้ เนื่องจากการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าต่างๆ ทั่วโลกต่างชะลอตัวลง นอกจากนั้นจีน ซึ่งก็เช่นเดียวกันกับเวียดนามต่างกำลังเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อที่มีอัตราเพิ่มสูงขึ้น
เศรษฐกิจจีนเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลักติดต่อกันมาตลอด 5 ปี แต่จีนประกาศในวันอังคาร (19 ก.พ.) ที่ผ่านมาว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (Consumer Price Index) ซึ่งเป็นเครื่องบ่งชี้อัตราเฟ้อของเงิน ในเดือน ม.ค.ได้เพิ่มขึ้น 7.1% เทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว และ ยังเป็นอัตราสูงที่สุดตั้งแต่เดือน ก.ย.2540 เป็นต้นมา
"ที่น่าสนใจมากก็คือ แม้แต่รัฐมนตรีการคลังของจีนเองก็ยังกล่าวว่าเศรษฐกิจจีนอาจจะชะลอลงในปีนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ชะลอตัวลงอย่างมาก” นายคุโรดะซึ่งก่อนหน้านี้ได้ไปเยือนจีนและได้พบหารือกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนกล่าว
"ความท้าทายสำหรับเศรษฐกิจจีนไม่ใช่การชะลอการเติบโตของเศรษฐกิจ แต่หากเป็นการกดดันจากเงินเฟ้อในเศรษฐกิจของจีน" ประธานเอดีบีกล่าวด้วยว่าระหว่างพบหารือกับนายกรัฐมนตรีเวียดนามได้บอกกับฝ่ายเจ้าภาพว่าเศรษฐกิจอาจจะขยายตัวเพียงประมาณ 8% ในปีนี้
ในเดือน ม.ค.ที่ผ่านมาเงินเฟ้อในเวียดนามได้พุ่งขึ้นสูงถึง 14% ขณะที่ราคาอาหารและราคาสิ่งอุปโภคบริโภคต่างๆ ยังคงอยู่ในระดับสูง รวมทั้งราคาน้ำมันที่เวียดนามต้องนำเข้าถึง 100%
ประธานเอดีบีได้แนะนำให้เวียดนามดำเนินมาตรการด้านการเงินการคลังอย่างรัดกุม รวมทั้งการปล่อยให้ค่าเงินด่งแข็งตัวขึ้น ซึ่งอาจจะช่วยให้สามารถหยุดยั้งเงินเฟ้อในปีนี้ลงๆได้
นายคุโรดะกล่าวอีกว่า ในระยะยาวเศรษฐกิจเวียดนามยังสามารถขยายตัวได้ถึง 9% ต่อปี แต่ทั้งนี้จะต้องสร้างระบบสาธารณูปโภคต่างให้เพียงพอ รวมทั้งต้องมีการปฏิรูประบบราชการต่างๆ ด้วย.