ผู้จัดการรายวัน—อากาศที่หนาวเย็นแบบวิปริตกระทั่งเกิดหิมะตกในภาคเหนือ ได้ทำให้นาข้าวเสียหายกว่าครึ่งล้านไร่ ความหนาวเย็นยังทำลายพืชอาหารอีกหลายชนิด ทำให้เวียดนามรีรอการส่งออกข้าวในช่วงเดือนข้างหน้านี้ ขณะที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังพิจารณาหาทางปรับลดตัวเลข
เวียดนามเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่อันดับ 2 ของโลกรองจากไทย การลดยอดส่งออกจะทำให้ข้าวไทยจำหน่ายได้ราคาดีขึ้น ขณะที่ราคาใสตลาดโลกพุ่งขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์ เพราะมีความต้องการมากขึ้น ผู้เชี่ยวชาญในวงการส่งออกกล่าว
ผู้ส่งออกรายหนึ่งกล่าวว่า ฟิลิปปินส์ประเทศที่ถูกไต้ฝุ่นหลายลูกเล่นงานเมื่อปีที่แล้วกำลังต้องการข้าวอย่างหนักแม้ว่าเวียดนามจะได้ทยอยส่งมอบข้าว 300,000 ตันแรกให้แล้วก็ตาม
เจ้าหน้าที่เวียดนามที่ไม่ต้องการให้ระบุชื่อกล่าวว่า ผู้นำเข้าอาหารในฟิลิปปินส์บางรายได้ขอซื้อข้าว 5% จากเวียดนามในราคาตันละ 455 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นราคาที่สูงมาก เพื่อให้ส่งมอบในเดือน มี.ค.นี้ ส่วนข้าวคุณภาพรองลงไปก็มีราคาสูงขึ้นเช่นเดียวกัน
ส่วนหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านอาหารของฟิลิปปินส์ได้ขอซื้อข้าวจากเวียดนามถึง 1.5 ล้านตันในปีนี้ ซึ่งจะต้องผ่านการประกวดราคา เจ้าหน้าที่รายเดียวกันกล่าว
ตามรายงานของสำนักข่าววีเอ็นเอ (VNA) ซึ่งเป็นสำนักข่าวของทางการ อากาศหนาวเย็นผิดปกติซึ่งเริ่มเมื่อวันที่ 14 ม.ค. “เป็นความเลวร้ายที่สุดเท่าที่จดจำกันได้” บางท้องที่ทางภาคเหนือของประเทศอุณหภูมิลดต่ำกว่า 10 องศาเซลเซียส มีหิมะตกในเขตเขาและน้ำค้างแข็งปกคลุมทั่วไปในที่สูงอื่นๆ
ภูมิอากาศที่เลวร้ายทำให้ปศุสัตว์ในเวียดนามล้มตายไปกว่า 55,000 ตัว นาข้าวถูกทำลายไป 104,000 เฮกตาร์ (650,000 ไร่) ไร่ข้าวโพด ถั่วเหลือง ถั่วลิสง มันเทศและมันฝรั่งถูกทำลายเป็นวงกว้างเช่นเดียวกัน
ศูนย์อุตุนิยมวิทยาและอุทกศาสตร์กลางในกรุงฮานอยกล่าวว่า อุณหภูมิหนาวเย็นในพื้นที่วิบัติภัยต่างๆ ได้ลดลงเฉลี่ยประมาณ 2 องศาเซลเซียสในวันพุธ (20 ก.พ.) แต่คาดว่าความหนาวเย็นจะรุนแรงขึ้นอีกในวันที่ 26 ก.พ. โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตภูเขา
ถึงแม้ว่าข้าวในตลาดโลกจะได้ราคาดีมากก็ตาม แต่เวียดนามยังไม่มีแผนจะเซ็นจำหน่ายข้าวกับลูกค้ารายใด สำหรับการส่งมอบช่วงเดือน ก.พ.-มี.ค.นี้ จนกว่าจะแน่ใจว่าจะมีเพียงพอบริโภคในประเทศ นายเหวียนแท็งเบียน (Nguyen Thanh Bien) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบทกล่าว
กระทรวงการค้าและอุตสาหกรรม (Ministry of Industry & Trade) รายงานว่า ราคาข้าวได้พุ่งสูงขึ้นเรื่อยตั้งแต่ต้นปี เช่น ข้าวผสมเมล็ดหัก 5% ซึ่งเป็นข้าวคุณภาพดีราคาพุ่งขึ้นเป็น 400 ดอลลาร์ต่อตันในวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา จาก 355 ดอลลาร์ต่อตันก่อนหน้านั้น
ราคาดังกล่าวคิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้นถึง 95-100 ดอลลาร์ต่อตัน เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันเมื่อปีที่แล้ว นักวิเคราะห์กล่าวว่าปีนี้ราคาข้าวในตลาดโลกพุ่งขึ้นสูงขึ้นทำสถิติใหม่
ปัจจุบันราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการอยู่ที่ 400 และ 410 ดอลลาร์ต่อตัน สำหรับข้าว 5% ที่ส่งมอบในเดือน ก.พ.และ มี.ค.ตามลำดับ ส่วนข้าว 10% ราคาตันละ 395 กับ 405 ดอลลาร์ สำหรับการส่งมอบในช่วงเดียวกันนี้ ทั้งนี้เป็นรายงานของหนังสือพิมพ์เตี่ยนฟง (Tien Phong)
นายฟานฮวีถ่ง (Phan Huy Thong) รองอธิบดีกรมกสิกรรม กระทรวงเกษตรฯ กล่าวว่า จะมีการตัดสินใจเกี่ยวกับการส่งออกข้าวในเดือน มี.ค.-เม.ย.นี้ หลังจากสามารถรวบรวมตัวเลขผลผลิตการเก็บเกี่ยวฤดูที่ผ่านมาได้ครบถ้วนสมบูรณ์
สมาคมอาหารเวียดนาม (Vietnam Food Association) หรือ VietFood ได้ขอให้ผู้ส่งออกซึ่งเป็นสมาชิกงดการเซ็นสัญญาซื้อขายข้าวกับลูกค้าต่างประเทศเป็นการชั่วคราว สำหรับข้าวที่จะส่งมอบในเดือน ก.พ.นี้ และ รอคอยการชี้แนะจากกระทรวงการค้าฯ
สื่อของทางการฉบับนี้กล่าวว่า ปลายเดือนที่แล้วผู้ส่งออกเวียดนามชนะการประกวดราคาจำหน่ายข้าวให้แก่ฟิลิปปินส์ 300,000 ตัน ทำให้ปริมาณที่เซ็นซื้อขายกับประเทศนี้เพิ่มขึ้นเป็น 700,000 ตัน และ จนถึงกลางเดือน ก.พ. มีการส่งมอบไปแล้วรวม 160,000 ตัน
รมช.กระทรวงเกษตรฯ เวียดนามกล่าวว่า กระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ กำลังรอฟังการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี นายเหวียนเติ๋นยวุ๋ง (Nguyen Tan Dung) เกี่ยวกับการจำหน่ายข้าวครั้งต่อไป ขณะที่ความต้องการในตลาดโลกพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ
ภายในเวียดนามกำลังมีการสำรวจความเสียหายตั้งแต่ภาคเหนือจรดภาคใต้ หลังจากอากาศหนาวเย็นปกคลุมพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศนาน 1 เดือน กระทรวงการค้าฯ ได้ประสานกับกระทรวงเกษตรฯ เพื่อนำข้าวจากภาคใต้ขึ้นไปบรรเทาความขาดแคลนในจังหวัดทางภาคเหนือ เตี่ยนฟงกล่าว
นายถ่งย้ำว่า ยังเร็วเกินไปที่จะคิดคำนวณผลผลิตข้าวฤดูหนาว-ฤดูใบไม้ผลิได้อย่างครบถ้วน คาดว่าจะสามารถได้ตัวเลขคาดการออกมาในช่วงกลางเดือน มี.ค. เมื่อชาวนาเก็บเกี่ยวเสร็จเป็นส่วนใหญ่
เจ้าหน้าที่ของ VietFood กล่าวว่า ราคาข้าวยังจะพุ่งขึ้นเรื่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีความต้องการข้าวเพิ่มมากขึ้นในแอฟริกาและตะวันออกกลาง ขณะที่ผู้ส่งออกข้าวเช่นเวียดนามและจีน เผชิญกับอากาศเลวร้ายและนาข้าวได้รับความเสียหายหนัก
ส่วน รมช.กระทรวงเกษตรฯ กล่าวว่า ปริมาณข้าวที่ส่งออกได้ในปีนี้จะลดลงอย่างแน่นอน ถึงแม้ฟิลิปปินส์ซึ่งเป็นลูกค้าเก่าแก่จะมีความต้องการถึง 1.5 ล้านตัน แต่เวียดนามอาจจะมีข้าวจำหน่ายให้ได้ประมาณ 1 ล้านตันเท่านั้น
ในเวียดนามมีการปรับยอดส่งออกข้าวประจำทุกไตรมาส ขึ้นอยู่กับปริมาณสำรอง ทั้งนี้เพื่อให้มีเพียงพอแก่การบริโภคของประชากร 85 ล้านคน
เมื่อปีที่แล้วเวียดนามส่งออกข้าวรวม 4.5 ล้านตัน ลดลง 2% ในเชิงปริมาณ แต่มูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้น 15% ด้วยราคาเฉลี่ยตันละ 295 ดอลลาร์ สูงขึ้น 41 ดอลลาร์ต่อตันจากปี 2549 เตี่ยนฟงกล่าว.