หิมะกับน้ำค้างแข็งที่ปกคลุมในเขตเขาภาคเหนือมานานแรมเดือน กำลังก่อความวิบัติแก่ราษฎรเวียดนามหลายล้านคน ขณะที่รายงานในเบื้องต้นจากท้องถิ่นต่างๆ พบปศุสัตว์ล้มตายไปแล้วนับหมื่นตัว จำนวนยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นาข้าวได้รับความเสียหายอีกกว่า 400,000 ไร่
หิมะกับน้ำค้างแข็งได้ปกคลุมทั่วเทือกเขาหว่างเลียนเซิน (Hoang Lien Son) รวมทั้งในเขตเมืองซาปา (Sapa) ในวันนี้หิมะได้ทำให้เมืองปลายทางท่องเที่ยวยอดนิยมที่มีทัศนียภาพสวยงามกับสภาพโดยรอบ กลายเป็น "สวิตเซอร์แลนด์"
ที่นั่นอยู่ใน จ.ล่าวกาย (Lao Cai) ติดเขตแดนมณฑลหยุนหนัน (Yunnan) ของจีน ซึ่งอุณหภูมิโดยเฉลี่ยทั่วไปจะติดลบ 5-10 องศาเซลเซียส นับเป็นสภาพอากาศที่เลวร้ายที่สุดในรอบกว่า 40 ปี
ความหนยาวเย็นยังแผ่คลุมหายจังหวัด เกิดหิมะตกคลุมยอดเขาและน้ำค้างแข็งเกาะตามยอดในเขตหุบเขาในเขต จ.กาวบ่าง (Cao Bang) ติดชายแดนมณฑลหยุนหนันกับมณฑลกว่างซี (Guangxi) มีสัตว์เลี้ยงพวกวัวควายล้มตายไปแล้วกว่า 9,000 ตัว นาข้าวกับพืชเศรษฐกิจหลายชนิดเสียหายหนัก
ใน จ.ล่าวกายเพียงแห่งเดียวมีวัวควายล้มตายไปกว่า 1,000 ตัว ซึ่งกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบทกล่าวว่า เป็นภัยพิบัติครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา
มีรายงานเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงล้มตายอีกกว่า 2,000 ตัวใน จ.โห่วยาง (Hau Giang) ที่ระหว่างล่าวกายกับกาวบ่าง อีกเกือบ 1,500 ตัวใน จ.เซินลา (Son La) ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือติดชายแดนแขวงหัวพันของลาว อีกประมาณ 1,000 ตัว ใน จ.ลางเซิน (Lang Son) ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือติดมณฑลกว่างซี
นายกาวดึกฟ๊าต (Cao Duc Phat) รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบทได้เปิดเผยเรื่องราวดังกล่าวเมื่อวันพฤหัสบดี (14 ก.พ.) ทั้งนี้เป็นรายงานของหนังสือพิมพ์เตี่ยนฟง (Tien Phong)
อากาศหนาวเย็นได้สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงแก่นาข้าวฤดูใบไม้ผลิในภาคเหนือของประเทศ กระทรวงเกษตรฯ ได้แจ้งให้ชาวนานเกษตรกรหยุดการออกไปเก็บเกี่ยวข้าวภายใต้อุณหภูมิข้างนอกที่ลดต่ำลงถึงลบ 15 (-15) องศาเซลเซียสในบางท้องที่
นายเหวียนจิหง็อก (Nguyen Tri Ngoc) แห่งกรมกสิกรรมกระทรวงเกษตรฯ กล่าวในรายงานชิ้นหนึ่งว่า อากาศหนาวเย็นได้สร้างความเสียหายแก่นาข้าวที่ต้นข้าวกำลังท้องแก่รวมประมาณ 53,000 เฮกตาร์ (331,200 ไร่) และ ข้าวที่กำลังออกรวงถูกทำลายไปเป็นเนื้อที่ประมาณ 5,000 เฮกตาร์ (ราว 31,000 ไร่เศษ)
ตามรายงานของวีเอ็นเอ (Vietnam News Agency) ซึ่งเป็นสำนักข่าวของทางการ ความเสียหายต่อนาข้าวครอบคลุมพื้นที่ 16 จังหวัดในภาคเหนือลงไปจนถึงเขตอู่ข้าวอู่น้ำที่ราบปากแม่น้ำแดง คือ จ.หายซเวือง (Hai Duong) ถายบิ่ง (Thai Binh) ฟุเถาะ (Phu Tho) ฮุงเอียน (Hung Yen) ห่านาม (Ha Nam) บั๊กซยาง (Bac Giang) จนถึงเขตนครหายฟ่อง (Hai Phong)
นายหง็อกได้กล่าวโทษความเสียหายครั้งนี้ว่าเกิดจากชาวนาเพิกเฉยต่อเสียงเตือนของทางการก่อนหน้านี้ให้ต้องรีบเก็บเกี่ยวข้าวที่แก่แล้ว พร้อมทั้งได้เตือน อีกครั้งให้ทุกครบครัวที่ประสบความเสียหายเตรียมปลูกพืชเศรษฐกิจหลายชนิดที่ใช้เวลาสั้นๆ ต่อไปเมื่ออากาศเลวร้ายทุเลาลง
ชาวนาในหลายจังหวัดกำลังเริ่มปลูกข้าวนาปรัง จำต้องใช้ผ้าพลาสติกคลุมต้นกล้าที่ยังอ่อนให้อบอุ่น ทั้งนี้เพื่อป้องกันมิให้เกิดน้ำค้างแข็งสร้างความเสียหาย
อย่างไรก็ตามหนังสือพิมพ์เตี่ยนฟงกล่าวว่า ความเสียหายไม่ได้จำกัดอยู่ในจังหวัดภาคเหนือ แต่กำลังแผ่ลามกว้างลงไปถึงภาคกลางตอนล่าง และ ตัวเลขที่รวบรวมจากทางการท้องถิ่นต่างๆ จนถึงวันที่ 13 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้พบว่านาข้าวเสียหายไปแล้วถึง 71,000 เฮกตาร์ (443,700 ไร่เศษ)
ใน จ.แท็งฮว๊า (Thanh Hoa) ที่อยู่ใต้กรุงฮานอยลงไป นาข้าวได้รับความเสียหายมากที่สุดคือ 25,000 เฮกตาร์ และ จ.เหงะอาน (Nghe An) ที่อยู่ถัดลงไปเสียหายเป็นอันดับ 2 รวม 10,400 เฮกตาร์
ยังมีพืชเศรษฐกิจอื่นๆ ได้รับความเสียหายหรือถูกทำลายรวมเนื้อที่อีกนับหมื่นเฮกตาร์ ไม่ว่าจะเป็นถั่วลิสง ถั่งเหลือ จนถึงสวนผักของเกษตรกรครัวเรือนต่างๆ
จนถึงวันที่ 13 ก.พ.มีรายงานปศุสัตว์ล้มตายไปแล้วจำนวน 8,200 ตัว ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในจังหวัดตอนเหนือของประเทศ และ จำนวนยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เตี่ยนฟงกล่าว
อากาศเลวร้ายเริ่มมาตั้งแต่วันที่ 14 ม.ค. ก่อนหน้านั้นเคยเกิดอากาศหยาวเย็นจัดเป็นเวลา 26 วันในปี 2511 กับอีก 28 วันในปี 2532 วีเอ็นเอกล่าว.