ผู้จัดการรายวัน -- องค์การบริหารการบินพลเรือนเวียดนามได้อนุมัติให้จัดตั้งสายการบินฟุก๊วกแอร์ (Phu Quoc Air) ขึ้นเป็นสายการบินตนทุนต่ำแห่งที่ 3 ของประเทศ นอกจากนั้น ยังเสนอให้รัฐบาลอนุมัติการจัดตั้งสายการบินในประเทศอีก 2-3 แห่ง ตั้งแต่บัดนี้ไปจนถึงปี 2553
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นไปตามพันธสัญญาที่ให้แก่องค์การการค้าโลก เป็นการเปิดเสรีการบินในประเทศอย่างเป็นขั้นเป็นตอน เพื่อให้เกิดการแข่งขันอย่างแท้จริงโดยให้ผู้ใช้บริการได้รับประโยชน์สูงสุด
สำนักข่าววีเอ็นเอ (Vietnam News Agency) รายงานเรื่องนี้โดยอ้างการเปิดเผยของรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ฟุก๊วกแอร์ กำลังจะเป็นสายการบินต้นทุนต่ำแห่งที่ 3 ถัดจากแปซิฟิกแอร์ไลนส์ (Pacific Airlines) ที่มีอยู่ก่อนแล้ว กับ เวียดเจ็ตแอร์ (VietJet Air) ที่ประกาศการจัดตั้งอย่างเป็นทางการเดือน พ.ย.ปีที่แล้ว
สายการบินแห่งใหม่นี้ตั้งชื่อตามเกาะฟุก๊วกในเขตอ่าวไทย ซึ่งเป็นเกาะใหญ่ที่สุดของประเทศ รัฐบาลกำลังพัฒนาฟุก๊วกให้เป็นปลายทางการท่องเที่ยวเชิงนิเวศระดับโลก และกำลังพัฒนาสนามบินที่นั่นเป็นสนามบินนานาชาติ
นายโห่เงียยวุ๋ง (Ho Nghia Dung) รัฐมนตรีคมนาคมและสื่อสาร กล่าวว่า การจัดตั้งสายการบินแห่งใหม่เป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องให้มีการแข่งขันอย่างสูงในอุตสาหกรรมการบินของประเทศ ในยุคที่ความต้องการเดินทางโดยเครื่องบินของธุรกิจต่างๆ ขยายตัวรวดเร็ว
นโยบายเกี่ยวกับการเปิดธุรกิจการบินใหม่ๆ ได้บรรจุอยู่ในกฎหมายการบินพลเรือนฉบับปี 2544 และต่อมามีการแก้ไขรายละเอียดในฉบับปี 2550 เกี่ยวกับการบริหารจัดการและอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่งวีเอ็นเอ กล่าว
รัฐมนตรีผู้นี้ กล่าวว่า รัฐบาลได้อนุมัติในหลักการให้ก่อตั้งสายการบินฟุก๊วกแอร์ ซึ่งกำลังจะเป็นสายการบินเอกชนแห่งที่ 2 ถัดจากเวียดเจ็ตแอร์
ตามรายงานของสำนักข่าวทางการ รัฐวิสาหกิจ และบริษัทร่วมทุนหลายแห่งกำลังหมายตาธุรกิจการบินของประเทศ แต่องค์การบริหารการบินพลเรือนเวียดนามเห็นว่า ในช่วงนี้ควรจะเปิดอีกเพียง 2-3 แห่งเท่านั้น เนื่องจากเป็นธุรกิจที่จะต้องลงทุนด้านความปลอดภัยและบริการสูงมาก
สายการบินเวียดเจ็ตแอร์มีแผนจะเปิดบินเส้นทางในประเทศระหว่างนครโฮจิมินห์ กับกรุงฮานอย กับนครด่าหนัง และเปิดบินระหว่างประเทศจากนครโฮจิมินห์ ไปสิงคโปร์ กับกรุงเทพฯ ด้วยตั๋วโดยสารราคาต่ำพิเศษ
ถ้าหากเป็นไปตามแผนการดังกล่าว เวียดเจ็ตแอร์ก็จะเป็นสายการบินโลว์คอสต์ที่เอกชนถือหุ้น 100% แห่งแรกที่เปิดให้บริการบินเชื่อมนครโฮจิมินห์กับปลายทางในประเทศเพื่อนบ้าน
ปีที่แล้วเช่นเดียวกันรัฐบาลเวียดนามได้ปฏิเสธแผนการตั้งสายการบินวินาเอเชีย (VinaAsia) ของสายแอร์เอเชีย (AirAsia) จากมาเลเซีย โดยร่วมกับกลุ่มวินาชิน (Vinashin) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจต่อเรือใหญ่ที่สุดในเวียดนาม
แอร์เอเชียได้ขอถือหุ้นในสายการบินแห่งใหม่เพียง 30% เท่านั้น ที่เหลือถือโดยหุ้นส่วนฝ่ายเวียดนาม แลกกับการใช้นครโฮจิมินห์เป็นศูนย์กลางการให้บริการ
แต่ก่อนหน้านั้น ในต้นปี 2550 เวียดนามได้อนุญาตให้สายการบินแควนตัส (Qantas) จากออสเตรเลียเข้าถือหุ้น 30% ในแปซิฟิกแอร์ไลนส์ โดยใช้โฮจิมินห์เป็นศูนย์กลาง
แผนการของแอร์เอเชียจึงถูกคัดค้านจากทั้งแปซิฟิกแอร์ และ สายการบินแห่งชาติคือ เวียดนามแอร์ไลนส์
เพื่อให้สามารถแข่งขันกับเจ้าตลาด คือ แปซิฟิกแอร์ไลนส์กับเวียดนามแอร์ไลนส์ได้ ผู้บริหารสายการบินแห่งใหม่ประกาศจ้างทีมผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศบริหารจัดการในทุกระดับ วีเอ็นเอ กล่าว
ปลายปีที่แล้วเวียดนามแอร์ไลนส์ได้เซ็นสัญญาซื้อเครื่องบินจำนวน 30 ลำ จากค่ายแอร์บัส กับอีก 12 ลำจากโบอิ้ง เพื่อเปิดเส้นทางบริการให้ครอบคลุมได้มากยิ่งขึ้น
ส่วนแปซิฟิกแอร์นั้น แควนตัสก็ได้เริ่มนำเครื่องบินเช่าเข้าใช้การอีกหลายลำ และกำลังรอเครื่องบินใหม่ลอตแรกที่สั่งซื้อโดยบริษัทแม่ในออสเตรเลีย
นอกจากนี้ ยังมีสายการบินของประเทศต่างๆ อีก 43 แห่งบินเข้าออกเวียดนามซึ่งในช่วง 5 ปีมานี้อุตสาหกรรมการบินขยายตัวเฉลี่ยปีละ 15% และเป็น 20% เมื่อปีที่แล้ว วีเอ็นเอกล่าว
องค์การบริหารการบินพลเรือน กล่าวว่า จะต้องมีการลงทุนไม่น้อยกว่า 15,000 ล้านดอลลาร์ตั้งแต่นี้ไปจนถึงปี 2563 เพื่อพัฒนาสายการบินแห่งชาติและสนามบิน รวมทั้งการเพิ่มขีดความสามารถด้านควบคุมการบิน
ภายใต้แผนพัฒนาดังกล่าว ทั่วเวียดนามจะมีสนามบินอย่างน้อย 26 แห่ง ในนั้นมี 10 แห่งเป็นท่าอากาศยานนานาชาติอยู่ในทุกภาคของประเทศ วีเอ็นเอกล่าว
ปัจจุบันเวียดนามกำลังอยู่ระหว่างการศึกษาสำรวจการก่อสร้างท่าอากาศยานลองแถ่ง (Long Thanh) ใกล้กับนครโฮจิมินห์ ซึ่งจะเป็นท่าอากาศยานใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
