ชาวกรุงฮานอยเริ่มนับถอยตั้งแต่สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ไปสู่การเฉลิมฉลองครบรอบปีที่ 1,000 การก่อตั้งนครทางลอง (Thang Long) ศูนย์กลางอำนาจแห่งแรกของอาณาจักรเวียดนามโบราณ ซึ่งก็คือที่ตั้งกรุงฮานอยเมืองหลวงในปัจจุบัน
ทางการเวียดนามตั้งความหวังว่า เขตปราการเก่าทางลองจะได้รับการยอมรับจากองค์การยูเนสโกของสหประชาชาติเพื่อขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกอีก 1 แห่ง
การเฉลิมฉลองจัดขึ้นประกอบด้วยการแสดงของคณะนาฏศิลป์หลายคณะ มีการตั้งเวลาที่หอนาฬิกาบึงฮว่านเกี๊ยม (Hoan Kiem) ใกล้กับเขตเมืองเก่าฮานอย มีการลั่นฆ้องและตีกลองตามวัดต่างๆ ขณะที่โบสถ์คาทอลิกได้ลั่นระฆัง ส่งสัญญาณเมื่อเวลาเที่ยงคืนวันอาทิตย์ (13 ม.ค.) เริ่มการนับถอยหลัง
ท่ามกลางการเฉลิมฉลองก็มีกระบวนการบำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคมเนื่องในวโรกาสนี้ เยาวชนอาสาสมัครนับร้อยคนออกเก็บกวาดท้องถนน พร้อมแผ่นป้ายข้อความ "1,000 วันเพื่อเมืองหลวงที่มีสีเขียว สะอาดและสวยงาม นำไปสู่การเฉลิมฉลอง 1,000 ปีทางลอง-ห่าโหน่ย"
ในฤดูใบไม้ร่วงปี ค.ศ. 1010 จักรพรรดิหลีถายโต๋ (Ly Thai To) ได้เลือกอาณาบริเวณกรุงฮานอยทุกวันนี้เป็นที่ตั้งเมืองหลวงของอาณาจักรด๋ายเหวียด (Dai Viet) นครทางลองมีความหมายว่า "มังกรทะยาน" ชื่อนี้ตั้งขึ้นเป็นสัญลักษณ์เพื่อให้รู้ว่าชาวเวียดนามได้เป็นอิสระจากการปกครองของจีน
แต่วันที่ถูกเลือกให้เป็นวันครบรอบปีที่ 1,000 ของกรุงฮานอยคือ วันที่ 10 ค.ค.2553 วันที่กองทหารปฏิวัติที่นำโดยอดีตประธานโฮจิมินห์เข้าปลดปล่อยกรุงฮานอยในปี 2497 สิ้นสุดการครอบงำของฝรั่งเศส สิ้นสุดยุคอาณานิคมในแผ่นดินเวียดนาม
เขตกรุงเก่าฮานอยทุกวันนี้ แม้จะอยู่ในท่ามกลางความเจริญและการพัฒนา รวมทั้งวิกฤติการจราจร แต่ยังคงรักษาเอกลักษณ์และสิ่งเก่าๆ ให้เห็นอย่างมีเสน่ห์ บ้านเรือนหลังเก่า วัดวาอาราม ยังคงตระหง่านอยู่ต่อหน้าบึงฮว่านเกี๊ยม ซึ่งอยู่อีกฟากหนึ่งของถนนสายกว้าง ที่เจ้าอาณานิคมทำเอาไว้ให้
ศ.วิลเลียม โฮแกน ผู้เชี่ยวชาญด้านการอนุรักษ์สิ่งเก่าแก่ เคยเขียนถึงกรุงฮานอยว่า ที่นั่นเป็น "เขตมรดกเมืองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้".. เป็นเมืองที่ “ยังคงมีร่องรอยยุคศักดินาจีน-เวียดนาม ยุคอาณานิคมฝรั่งเศส รวมทั้งร่องรอยของค่ายยุโรปตะวันออกเอาไว้ให้เห็น”
ปี 2549 เวียดนามได้ดำเนินการยื่นเสนอต่อองค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ ให้เขตเมืองเก่าฮานอยเป็นแหล่งมรดกโลก คาดว่าจะมีการพิจารณาตัดสินในเรื่องนี้ในปี 2553
ตามแผนการนั้นเวียดนามได้เสนอจดทะเบียนเขตปราการที่ขุดค้นพบในช่วงที่มีการบูรณะใหญ่ปี 2545 ประกอบด้วยกำแพงเมืองและรากฐานสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ซึ่งทั้งหมดอยู่รายรอบ "ถนน 36 สาย” ในเขตเมืองเก่าฮานอยที่มีชื่อเสียงรู้จักกันไปทั่วโลก
สื่อของทางการเวียดนามกล่าวว่า รัฐบาลญี่ปุ่นได้ตกลงจะให้ความช่วยเหลือทุนรอนในการฟื้นฟูบูรณะเขตนครทางลองขึ้นมาใหม่ โดยผ่านกองทุนญี่ปุ่น-ยูเนสโก
ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้คาดว่าประชากรกรุงฮานอยจะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 3-5 ล้านคน ผู้เชี่ยวชาญได้เตือนล่วงหน้าแต่เนิ่นๆ แล้วว่า ผู้รับผิดชอบการวางเกี่ยวกับตัวเมืองจะต้องจัดการให้ดีในการรักษาสมดุลระหว่างการพัฒนากับการอนุรักษ์เขตเมืองเก่า เพื่อธำรงรักษาเอกลักษณ์และมรดกจากยุคโบราณเอาไว้
ทางการได้วางแผนพัฒนาหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการขยายตัวเมืองออกไปยังเขตเมืองบริวาร การก่อสร้างระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนขนาดใหญ่จำนวน 3 สาย ถนนวงแหวนที่ได้รับการช่วยเหลือจากธนาคารโลก ทางหลวงสายใหม่ ตลอดจนการก่อสร้างสะพานข้าแม่น้ำห่ง (Song Hong) หรือ แม่น้ำแดงอีกหลายแห่ง
ครั้งหนึ่ง.. เมื่อประมาณ 1 ศตวรรษที่แล้วนี่เอง กรุงฮานอยเคยเป็นศูนย์กลางแห่งอำนาจในคาบสมุทรอินโดจีน.
