ในปี 2550 ที่เพิ่งจะผ่านมาหยกๆ เงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ หรือ FDI (Foreign Direct Investment) ในลาวได้เพิ่มขึ้นเป็น 1,130 ล้านดอลลาร์ ใน 191 โครงการขนาดใหญ่น้อยต่างๆ
เป็นที่สังเกตุก็คือ การลงทุนได้ไหลเข้าสู่ภาคการเกษตรกับภาคบริการมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการท่องเที่ยวและโรงแรม ทำให้จำนวนที่พักเพิ่มกว่า 1 เท่าตัว ธุรกิจท่องเที่ยวขยายตัวอย่างกว้างขวาง
ตามตัวเลขของกระทรวงแผนการและการลงทุน เมื่อปีที่แล้วเงินลงทุน 971.41 ล้านดอลลาร์ หรือ 85.4% เป็น FDI จากต่างประเทศ ที่เหลือ 166 ล้านดอลลาร์ เป็นเงินลงทุนของนักลงทุนชาวลาวเอง
แขนงอุตสาหกรรมพลังงานและเหมืองแร่ยังดึงดูการลงทุนได้มากที่สุดคือ 360 ล้านดอลลาร์ แต่เงินลงทุนที่เข้าภาคการเกษตรก็ยังสูงเป็นอันดับ 2 คือ 183 ล้านดอลลาร์ ที่เหลืออีกเท่าๆ กันคือ 181 ล้านดอลลาร์ เข้าลงทุนในภาคบริการ
ปีที่ผ่านมาลาวได้เซ็นบันทึกช่วยความจำ รวมทั้งสัญญาความร่วมมือจำนวนมากกับนักลงทุนจากจีน ไทยและเวียดนาม ในโครงการสำรวจหรือก่อสร้างเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำในขอบเขตทั่วประเทศ รวมทั้งโครงการการเกษตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำสวนยางพารากับการปลูกพืชที่ให้น้ำมัน
ตามรายงานขององค์การบริหารการท่องเที่ยวแห่งชาติ ในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2550-2551 (เม.ย.-ธ.ค.) การท่องเที่ยวลาวขยายตัวถึง 21% โดยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าเกือบ 1,400,000 คน สร้างรายได้กว่า 200 ล้านดอลลาร์
เป็นพิเศษคือการเติบโตของธุรกิจและบริการเกี่ยวกับการท่องเที่ยวต่างๆ รวมทั้งโรมแรม ห้องพัก และร้านอาหาร ที่มีอัตราสูงกว่าเท่าตัว ตัวเลขทั้งหมดนี้ปรากฏอยู่ในรายงานขององค์การทองเที่ยวแห่งชาติลาว ที่ "ผู้จัดการรายวัน" ได้รับ
ในช่วงเดียวกันนี้ลาวมีรายได้จากการท่องเที่ยวระหว่าง 200-220 ล้านดอลลาร์ เทียบกับปีงบประมาณที่แล้วที่มีเพียง 183 ล้านดอลลาร์ และ รายได้จากการท่องเที่ยวนี้เป็นรายได้อันดับ 2 ของประเทศถัดจากการส่งออก
ธุรกิจและบริการที่ควบคู่ไปกับการท่องเที่ยวขยายตัวอย่างรวดเร็วและในอัตราที่สูงมาก บริษัทนำเที่ยวจากที่เคยมีเพียง 17 แห่ง เพิ่มขึ้นเป็น 106 แห่ง บริษัทเหล่านี้ยังมีสาขารวม 54 สาขาใน 14 แขวง ในนั้นมีบริษัทท่องเที่ยวของรัฐเพียง 5 แห่ง บริษัทหุ้นส่วนรัฐ-เอกชน 6 แห่งบริษัทหุ้นส่วนรัฐกับต่างประเทศอีก 4 แห่ง
ธุรกิจที่ขยายตัวแบบก้าวกระโดดได้แก่โรงแรมจากที่เคยมีอยู่เพียง 83 แห่ง เพิ่มขึ้นเป็น193 แห่ง และบ้านพักสำหรับนักท่องเที่ยวจาก 252 แห่งเป็นประมาณ 1,000 แห่ง ร้านอาหารจาก 349 แห่งเป็น 816 แห่ง.
