อุบลราชธานี - กลุ่มสมัชชาคนจนปัญหาเขื่อนปากมูล ระดมสมองร่วมถกกับกรรมการสิทธิมนุษยชน สรุปบทเรียนการต่อสู้ในห้วง 20 ปีที่ผ่านมา รัฐยังไม่จริงใจพยายามทำลายกระบวนการต่อสู้ภาคประชาชน ประกาศยืนยันข้อเรียกร้องเดิมให้เปิดประตูระบายน้ำเขื่อนปากมูลถาวรทั้งปี พร้อมชดเชยค่าทำกินผู้ได้รับผลกระทบเป็นที่ดินทำกินคนละ 15 ไร่ เรื่องทั้งหมดจึงจบลงได้
วันนี้ (20 ก.ย.) ที่ห้องดอกจาน คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ตัวแทนชาวบ้านสมัชชาคนจนปัญหาเขื่อนปากมูล ประชุมแนวทางการเคลื่อนไหวเรียกร้องสิทธิของชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อนปากมูลกับ นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กรรมการสิทธิมนุษยชน เพื่อสรุปบทเรียนการต่อสู้ของชาวบ้านในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา โดยกลุ่มชาวบ้านปากมูลและนักวิชาการมีความเห็นว่า กระบวนการต่อสู้ของชาวบ้านเริ่มอ่อนแอลง
เพราะมองไม่เห็นความสำเร็จ ทำให้ชาวบ้านบางส่วนเกิดความเบื่อหน่าย และอีกส่วนเลือกไปให้ความร่วมมือกับรัฐต่อต้านชาวบ้านที่เคลื่อนไหวคัดค้านการมีเขื่อนดังกล่าว
การเคลื่อนไหวของชาวบ้านปากมูลในปลายเดือนนี้ จึงกำหนดจุดยืนที่ชัดเจนคือ ให้รัฐบาลสั่งการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดประตูระบายน้ำเขื่อนปากมูลถาวร แทนการเปิดประตูน้ำให้ปลาขึ้นมาวางไข่เพียงปีละ 4 เดือน เพราะผลการวิจัยของนักวิชาการระบุชัดเจน ผลได้จากเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำแห่งนี้ไม่คุ้มเสีย จึงต้องเร่งคืนสภาพสิ่งแวดล้อมที่เสียไปให้กลับคืนมาเร็วที่สุด
สำหรับชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อนเมื่อ 15 ปีก่อน รัฐต้องชดเชยการล่มสลายของอาชีพประมงริมแม่น้ำให้ชาวบ้านเกือบ 4,000 ครอบครัว โดยจัดหาที่ดินทำกินให้ครอบครัวละ 15 ไร่
นายสมเกียรติ พ้นภัย ตัวแทนชาวบ้านปัญหาเขื่อนปากมูลกล่าวว่า การแก้ปัญหาที่ผ่านมารัฐบาลไม่มีความจริงใจแก้ปัญหาให้ชาวบ้าน ทั้งที่เป็นเรื่องไม่ยากเย็น ชาวบ้านจำเป็นต้องออกมาต่อสู้เรียกร้องเป็นระยะ และจากบทเรียนการต่อสู้ที่ผ่านมา ทำให้ชาวบ้านตระหนักว่า การแก้ปัญหาเรื่องปากท้องของชาวบ้านให้หมดไปได้คือ รัฐต้องเปิดประตูระบายน้ำเขื่อนปากมูลทั้ง 8 บานเป็นการถาวรตลอดทั้งปี
และต้องชดเชยค่าเสียโอกาสในการทำมาหากินของชาวบ้านในช่วง 15 ปี โดยจัดหาที่ดินทำกินให้กับชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบครอบครัวละ 15 ไร่ ซึ่งชาวบ้านจะเสนอข้อเรียกร้องอย่างเป็นทางการต่อรัฐบาลในปลายสัปดาห์ที่จะถึงนี้