สื่อในกัมพูชาตีพิมพ์ข่าวอย่างครึกโครมในช่วงเทศกาลขึ้นปีใหม่นี้ หลังจากนิตยสารชั้นนำเกี่ยวกับอาหารการกิน 2 ฉบับในสหรัฐฯ แนะนำให้ผู้คนไปลิ้มลองอาหารตำหรับเขมร รวมทั้ง "ประฮ๊อก" (Prahog) หรือ "ปลาเจ่า" ที่มีกลิ่นแรงนั้นด้วย
นิตยสารบอนอะเปอตี (Bon Appetit) กับกูร์เม่ต์ (Gourmet) ซึ่งมีชื่อเสียงไปทั่วโลก ในฐานะผู้ชำนาญการเกี่ยวกับอาหารการกินลงความเห็นพ้องกันว่าในปี 2551 นี้ อาหารเขมรจะติดกลุ่มเมนูที่น่าลิ้มลองมากที่สุด
บทความในนิตยสารทั้งสองฉบับนี้ตีพิมพ์บนเว็บไซต์ Epicurous ระบุในตอนหนึ่งว่า หลังจากลิ้มของไทยกับจีนมานาน คราวนี้ก็น่าจะถึงคิวอาหารของกัมพูชาซึ่งรสชาติ "อยู่กึ่งๆ กลางๆ" ระหว่างอาหารไทยและอาหารจีน
อาหารของชาวกัมพูชาไม่ใส่เครื่องเทศมากเหมือนอาหารไทย และ ไม่หนักน้ำมันแบบอาหารจีน
"อาหารไทย จีน เขมรเป็นลักษณะสามเส้า ของกัมพูชาเน้นเมนูเส้น แกงเผ็ด พวกผัดๆ ต่างๆ แล้วก็ปลาเจ่าที่มีกลิ่นแรง ทั้งหมดนี้จะได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ" เว็บไซต์ Epicuious อ้างรายงานในนิตยสารชั้นนำทั้งสองฉบับ
"อาหารเขมรมีรสชาติแรงกว่าอาหารเวียดนาม อ่อนกว่าอาหารไทยเล็กน้อย และไม่หนัก (น้ำมัน) เหมือนอาหารจีน" เป็นเมนูเหมาะสำหรับบรรดาผู้ที่มีชื่อเสียงและใฝ่หารสชาติใหม่ โดยปราศจากเครื่องเทศแบบไทยๆ บทชิ้นความเดียวกันระบุ
รัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวกัมพูชา นายทองคูน (Thong Khon) ประกาศในสัปดาห์นี้ว่า ปี 2549 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ากัมพูชาประมาณ 2 ล้านคน คิดเป็นอัตราเพิ่ม 20%-25% จากปีที่แล้ว
แต่เช่นเดียวกันกับปีที่แล้วคือ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นชาวเกาหลี ถัดมาเป็นชาวญี่ปุ่น ชาวจีนและชาวอเมริกัน ช่วงปีใหม่ 2551 นี้ มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากไปร่วมงานที่จัดขึ้นในกรุงพนมเปญ เสียมราฐ และ สีหนุวิลล์
นายสายฮัก (Say Hak) ผู้ว่าราชการ จ.สีหนุวิลล์กล่าวว่า เมืองชายทะเลอ่าวไทยแห่งนี้ยังมีร้านอาหารระดับคุณภาพไม่เพียงพอและมีห้องพักทุกประเภทเพียงประมาณ 3,000 ห้อง ยังไม่พอรับการท่องเที่ยวที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว.