ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมกับ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) จัดงาน Climate Care Forum 2023 : Time to Reduce “ลด-เพื่อ-โลก” เชิดชูองค์กรแนวร่วมลดก๊าซเรือนกระจก ภายใต้ความร่วมมือ “Climate Care Platform ” พร้อมเป็นต้นแบบให้กับองค์กรอื่น ในการสร้างการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมคนในองค์กรที่ร่วมกันลด และจัดการทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า
ภายในงานมีการมอบใบประกาศเกียรติคุณโครงการสนับสนุนกิจกรรมลดก๊าซเรือนกระจก (โครงการ LESS) จาก อบก. พร้อมปาฐกถาพิเศษ “Climate Crisis: Time to Reduce” โดยมีสัญลักษณ์คือ “Climate Clock” ที่สะท้อนถึง “เวลา” และ “เวลาที่หมดไป” เพื่อเตือนให้เราไม่รอช้าที่จะลดเพื่อโลก นำไปสู่เป้าหมายที่ประเทศไทยมีความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2050 และบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี 2065
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ พร้อมทั้งภาคธุรกิจ ภาคสังคม ตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศซึ่งเป็นปัญหาสำคัญของโลกในปัจจุบัน จึงได้ดำเนินโครงการความร่วมมือด้านการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม “Climate Care Platform” ตั้งแต่ปี 2561 โดยมีเป้าหมายร่วมกันลดก๊าซเรือนกระจก ซึ่งส่งเสริมแนวนโยบายของภาครัฐ และสอดคล้องกับเป้าประสงค์ของสหประชาชาติเรื่องการพัฒนาอย่างยั่งยืน (UNSDG Goal) ในข้อ 13 Climate Action ข้อ 12 Responsible Consumption and Production และข้อ 17 Partnership for the Goal
“Climate Care Forum 2023 : Time to Reduce “ลด-เพื่อ-โลก” ร่วมกับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกในครั้งนี้ สะท้อนความร่วมมือระหว่างองค์กรทุกภาคส่วนในการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมด้วยการลดการใช้ทรัพยากรที่ฟุ่มเฟือยเพื่อบรรลุเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกร่วมกัน โดยพันธมิตรใน Climate Care Platform ได้มุ่งมั่นและตั้งใจในการร่วมกันลดก๊าซเรือนกระจกซึ่งที่ผ่านมาได้สร้างผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม นำไปสู่การขยายผล แลกเปลี่ยนเรียนรู้ และพัฒนาการจัดการสิ่งแวดล้อมบนแนวทาง Circular economy อย่างต่อเนื่องต่อไป” นายภากรกล่าว
ทั้งนี้ ความร่วมมือ “Climate Care Platform” ประกอบด้วยโครงการ Care the Bear การลดก๊าซเรือนกระจกจากกิจกรรมของมนุษย์ โครงการ Care the Whale การลดก๊าซเรือนกระจกจากการบริหารจัดการขยะและของเสีย และ โครงการ Care the Wild การดูดซับก๊าซเรือนกระจกด้วยการปลูกป่า โดยใน Climate Care Platform ได้จัดทำข้อมูลแนวทางการใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่าที่ทุกคนในองค์กรสามารถลงมือทำร่วมกันได้ มีระบบคำนวณการวัดปริมาณการลดก๊าซเรือนกระจกอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อมุ่งส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนสามารถบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน ปัจจุบันมีองค์กรที่ร่วมเป็นสมาชิกทั้ง 3 โครงการรวม 669 บริษัท ร่วมกันลดก๊าซเรือนกระจกจากโครงการ Care the Bear และ Care the Whale ได้รวม 63,794.75 tonCO2e ร่วมกันดูดซับก๊าซเรือนกระจกจากโครงการ Care the Wild ได้ 702,000 kgCO2e
นายเกียรติชาย ไมตรีวงษ์ ผู้อำนวยการ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก กล่าวว่า องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ TGO เป็นองค์กรภาครัฐที่ทำหน้าที่ส่งเสริมการลดก๊าซเรือนกระจก ภายใต้วิสัยทัศน์เป็นองค์การสนับสนุนหลักขับเคลื่อนการลดก๊าซเรือนกระจกให้ประเทศไทย มุ่งสู่เศรษฐกิจสังคมคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืน จึงได้ดำเนินการสร้างเครื่องมือและกลไกต่างๆ เพื่อส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนเห็นความสำคัญของการลดก๊าซเรือนกระจกทั้งในด้านการบริโภคและการผลิต และได้ดำเนินโครงการสนับสนุนกิจกรรมลดก๊าซเรือนกระจก (Low Emission Support Scheme: LESS) มาตั้งแต่ปี 2558 เพื่อยกย่องและสร้างการยอมรับให้แก่องค์กรผู้มุ่งมั่นลดก๊าซเรือนกระจกอย่างจริงจัง
โครงการความร่วมมือ Climate Care Platform ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ถือเป็นโครงการที่สร้างความตระหนักและสร้างจิตสำนึก ปรับพฤติกรรมคนในองค์กรให้ช่วยกันลดก๊าซเรือนกระจก ช่วยกันแก้ปัญหาภาวะโลกเดือดในขณะนี้ ซึ่งสอดคล้องกับโครงการ LESS และเชื่อมั่นว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะนำเครื่องมือและกลไกลดก๊าซเรือนกระจกอื่นๆ ของ TGO ไปบูรณาการกับกิจกรรมต่าง ๆ ต่อไป เพื่อช่วยกันขับเคลื่อนประเทศไทยให้บรรลุเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจก
งาน Climate Care Forum 2023: Time to Reduce “ลด-เพื่อ-โลก” จัดขึ้นในวันที่ 20 ตุลาคม 2566 ณ อาคารตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นการลดการใช้ทรัพยากรที่ฟุ่มเฟือย และหันมาใช้ทรัพยากรที่มีอยู่รอบตัวอย่างรู้คุณค่าให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมเป็นการส่งเสริมและยกย่องสมาชิก Climate Care Platform ที่ดำเนินการลดก๊าซเรือนกระจกอย่างต่อเนื่อง
โดยในงานมีการนำเสนอข้อมูล “29 เรื่องราว ลด-เพื่อ-โลก”ขององค์กรที่บริหารจัดการสิ่งแวดล้อมและนำไปสู่การลดก๊าซเรือนกระจกจนเป็นรูปธรรม เพื่อเป็นแนวทางสำหรับองค์กรอื่นๆ นำไปปรับใช้เพื่อมุ่งสู่ความยั่งยืน นอกจากนี้ ยังมีปาฐกถาพิเศษ “Climate Crisis : Time to Reduce” ที่ชี้ถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาสภาพภูมิอากาศที่นับวันจะทวีความรุนแรงมากขึ้น จึงจำเป็นที่ทุกภาคส่วนต้องหันมาร่วมลดการใช้ทรัพยากรที่ฟุ่มเฟือยอย่างจริงจัง ผู้สนใจติดตามข้อมูลโครงการความร่วมมือ “Climate Care Platform” และข้อมูล “29 เรื่องราว ลด-เพื่อ-โลก” รวมทั้งรับชมงาน Climate Care Forum 2023 : Time to Reduce “ลด-เพื่อ-โลก” ย้อนหลัง ได้ที่ Facebook: SET Social Impact
ทั้งนี้ องค์กรพันธมิตรภายใต้ Climate Care Platform ที่ได้รับประกาศเกียรติคุณโครงการสนับสนุนกิจกรรมลดก๊าซเรือนกระจก (LESS)จาก อบก. ทั้งหมด 29 ราย แบ่งเป็น 3 กลุ่มดังนี้
กลุ่มที่หนึ่ง องค์กรที่ร่วมสนับสนุนปลูกป่า ณป่าชุมชนบ้านชัฎหนองยาว อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี จำนวน 10 ไร่ 2,000 ต้น มีจำนวน 4 ราย ประกอบด้วย1. บริษัท สำนักหักบัญชี (ประเทศไทย) จำกัด 2. บริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด 3. ชมรมคัสโตเดียน และ4. ชมรมปฏิบัติการหลักทรัพย์สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย
กลุ่มที่สอง กิจกรรมด้านการจัดการของเสียโครงการ Care the Whale มี 22 ราย ได้แก่1. ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) 2. นิติบุคคลอาคารชุดไอดีโอรัชดา– ห้วยขวาง 3. บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด(มหาชน) 4. บริษัท เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) 5.บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน)6. บริษัท ซี.พี. แลนด์ จำกัด (มหาชน)7.
บริษัท ซีดับเบิ้ลยู ทาวเวอร์ จำกัด8. บริษัท ซีลิค คอร์พ จำกัด (มหาชน)9. บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน)10. บริษัท เดอะ สตรีท รีเทล ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด11. บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน)12. บริษัท ไทยออพติคอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)13. บริษัท พริ้นซิเพิลแคปิตอล จำกัด (มหาชน)14. บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)15. บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน)16. บริษัท เอเอสเอ็น โบรกเกอร์ จำกัด (มหาชน)17. บริษัท เอไอเอ จำกัด18.
บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด(มหาชน)19. บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน)20. บริษัท บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด(มหาชน)21. มหาวิทยาลัยมหิดลคณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ และ22. ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
กลุ่มที่สาม องค์กรพันธมิตรโครงการ Care the Bearที่ลดก๊าซเรือนกระจกจากการจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่องจนเป็นรูปธรรม มี 6 ราย ได้แก่ 1. การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย2.
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) 3. บริษัท ชีวาทัย จำกัด (มหาชน)4. บริษัท เนชั่นแนล เฮลท์แคร์ ซิสเท็มส์ จำกัด5. บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) และ6. โรงพยาบาลพญาไท ศรีราชา