ก.ล.ต. ร่วมกับ The World Bank Group ศึกษาฉากทัศน์ธุรกิจหลักทรัพย์ ภายใต้หัวข้อ “Landscape of Thai securities businesses after Covid-19 and under digital disruption” เพื่อกำหนดทิศทางและนโยบายที่จะส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจหลักทรัพย์และตลาดทุนไทยให้แข่งขันได้ในระดับสากล ตอบโจทย์ประชาชนและภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง และเป็นกลไกสำคัญของตลาดทุนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน
ภายใต้สภาวการณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและความไม่แน่นอนสูงจากปัจจัยภายนอกที่เข้ามากระทบภาคส่วนต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา-19 (COVID-19) และการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีดิจิทัล (digital disruption) ซึ่งส่งผลกระทบต่อทิศทางในการพัฒนา การปรับตัวให้สามารถแข่งขันได้ภายใต้สภาพแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลงและการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น รวมทั้งการนำเทคโนโลยีมาให้บริการเพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมของผู้ใช้บริการที่เปลี่ยนแปลงไป
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในฐานะผู้กำกับดูแลและพัฒนาตลาดทุนไทย เห็นความจำเป็นที่จะต้องมีการศึกษาสภาพแวดล้อม โครงสร้างการแข่งขัน และการประกอบธุรกิจของผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ รวมทั้งแนวโน้มและปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลต่อการพัฒนาธุรกิจหลักทรัพย์ในตลาดทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อนำมาใช้ในการกำหนดฉากทัศน์ (landscape) โครงสร้างการประกอบธุรกิจของผู้ประกอบธุรกิจ กำหนดนโยบายและกลยุทธ์ในการส่งเสริม พัฒนา และกำกับดูแลธุรกิจหลักทรัพย์และตลาดทุนไทยให้สอดรับกับบริบทที่เปลี่ยนแปลงไป จึงร่วมกับ The World Bank Group ซึ่งเป็นองค์กรที่มีความเชี่ยวชาญและน่าเชื่อถือในระดับสากล โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านดิจิทัล กฎหมาย และการกำกับดูแลด้านตลาดเงินและตลาดทุน ศึกษาสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง โอกาส ความท้าทาย และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับธุรกิจหลักทรัพย์ รวมทั้งแนวทางในการปรับตัวของผู้ประกอบธุรกิจให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ภายใต้หัวข้อ “Landscape of Thai securities businesses after Covid-19 and under digital disruption”
นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า “ความร่วมมือระหว่าง ก.ล.ต. และ The World Bank Group ในครั้งนี้ถือว่าเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการกำหนดทิศทางและนโยบายในการพัฒนาและส่งเสริมการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ในตลาดทุนไทยให้สามารถพิจารณาปรับตัวรับกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นรองรับ digital disruption ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว เพิ่มประสิทธิภาพภายใต้สภาพแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลงและท้าทาย สร้างความเข้มแข็งและความสามารถในการแข่งขัน มีบริการที่ตอบโจทย์ประชาชนและภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ช่วยส่งเสริมให้ตลาดทุนไทยแข่งขันได้ในระดับสากล อันจะช่วยเพิ่มความยั่งยืนให้กับตลาดทุนไทย และเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว และหวังว่างานศึกษาชิ้นนี้จะเป็นประโยชน์ต่อภาคธุรกิจและตลาดทุนไทยในวงกว้าง รวมถึงสาธารณชนสามารถนำไปใช้ศึกษาต่อยอดต่อไปได้”
เบอร์กิท ฮานสล์ ผู้จัดการธนาคารโลกประจำประเทศไทย กล่าวว่า “ธนาคารโลกยินดีที่ได้มาร่วมงานกับ ก.ล.ต. ในโครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่เกิดขึ้นในช่วงจังหวะเวลาที่เหมาะสม เพื่อให้ ก.ล.ต. กำหนดทิศทางและนโยบายให้สอดคล้องกับบริบทที่เปลี่ยนแปลงไปของธุรกิจหลักทรัพย์ไทย รวมทั้งความเปลี่ยนแปลงในตลาดการเงินไทยและทั่วโลก เช่น การแข่งขันที่รุนแรงขึ้น การพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างรวดเร็ว พฤติกรรมของผู้ลงทุนที่เปลี่ยนแปลงไปเพราะการแพร่ระบาดของ COVID-19 และสภาวะประชากรสูงวัยในสังคมไทย เราเชื่อว่าความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างธนาคารโลกกับ ก.ล.ต. จะนำไปสู่การส่งเสริมความสามารถในการแข่งขันของตลาดทุนไทย และเสริมสร้างความสามารถในการปรับตัวเข้ากับบริบทของตลาดและพฤติกรรมของผู้ลงทุนที่เปลี่ยนแปลงไป”
ทั้งนี้ โครงการศึกษาดังกล่าวจะมีการรับฟังความคิดเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนเพื่อให้ได้ข้อมูลและความคิดเห็นที่ครอบคลุมและเป็นประโยชน์สูงสุดต่อการพัฒนาธุรกิจหลักทรัพย์และตลาดทุนไทย โดยมีระยะเวลาดำเนินโครงการประมาณ 12 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2565 เป็นต้นไป