จากรายงานฉบับล่าสุดของ IPCC (Intergovernmental Panel on Climate Change) หรือคณะกรรมการระหว่างรัฐบาล ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ เตือนว่า “การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะเป็นตัวเร่งทำให้ปะการังใน เกรท แบร์ริเออร์ รีฟ ( Great Barrier Reef ) ปรับตัวกับภาวะที่เกิดขึ้นไม่ทัน รวมทั้งน้ำทะเลที่อุ่นขึ้นยังทำให้ปะการังเหล่านี้แทบไม่มีโอกาสรอดชีวิตเลย รัฐบาลออสเตรเลียจำเป็นต้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้มากขึ้นและเร็วกว่าเดิมจากที่เคยวางแผนไว้”
เดวิด ริทเตอร์ ผู้บริหารของกรีนพีซออสเตรเลีย แปซิฟิก กล่าวว่ารายงานระบุชัดเจนว่า เกรท แบร์ริเออร์ รีฟ จะถูกทำลายในอนาคตหากเรายังไม่หยุดใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล ทั้งถ่านหิน ก๊าซและน้ำมัน และไม่เปลี่ยนผ่านสู่การใช้พลังงานหมุนเวียนให้เร็วกว่านี้ พลังงานหมุนเวียนเหล่านี้เช่นพลังงานลม และพลังงานแสงอาทิตย์เป็นทางเลือกที่เสนอคำตอบในการหยุดยั้งไม่ให้อุณหภูมิน้ำทะเลสูงขึ้นมากไปกว่านี้ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ปะการังฟอกขาวและยังเป็นอันตรายต่อสัตว์น้ำอื่น ๆ ซึ่งสัตว์เหล่านี้เองก็มีผลต่อความอุดมสมบูรณ์ของแนวปะการัง
"แนวปะการังจะไม่สามารถทนต่อมาตรการการชดเชยคาร์บอนหรือเทคนิคใด ๆ ก็ตาม เช่น การสร้างม่านบังแดดยักษ์ให้กับแนวปะการัง หรือการเพาะพันธุ์ปะการังหลอดแก้ว รายงานของ IPCC ระบุชัดเจนอยู่แล้วว่ามาตรการเยียวยาเหล่านั้นเป็นเพียงมาตรการปลายทางแต่ไม่ได้ตัดต้นตอของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อย่างการเผาเชื้อเพลิงฟอสซิลซึ่งเป็นปัญหาสำคัญ และเป็นปัญหาที่นำมาสู่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ"
นอกจากปะการังแล้ว ผลวิจัยของรายงาน IPCC ยิ่งทำให้เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า สิ่งมีชีวิตอื่น ๆ จะไม่รอดชีวิตเช่นกัน หากเรายังไม่รับมือและแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโดยฉุกเฉิน
ดร.โจดี้ รัมเมอร์ รองศาสตราจารย์ด้านชีววิทยาทางทะเลให้ความเห็นไว้ว่า "เกรท แบร์ริเออร์ รีฟ เป็นบ้านของปลากว่า 1,500 สายพันธุ์ รวมทั้งฉลาม วาฬ และเต่าทะเลอีกถึง 6 สายพันธุ์จากที่ทั้งโลกมีอยู่ทั้งหมด 7 สายพันธุ์ สัตว์เหล่านี้ล้วนเป็นสายพันธุ์สัตว์ที่เป็นเอกลักษณ์แต่พวกมันกำลังตกอยู่ในความเสี่ยงเพราะวิกฤตสภาพภูมิอากาศ"
"เราจำเป็นต้องเปลี่ยนผ่านการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลไปสู่การใช้พลังงานหมุนเวียนโดยเร็วและจริงจังให้มากที่สุด ในอีกด้านหนึ่ง การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และอุณหภูมิของมหาสมุทรที่ยังคงเพิ่มขึ้นนั้นกำลังเป็นภัยคุกคามต่อสิ่งมีชีวิตหลายร้อยสายพันธุ์และเพิ่มความเสี่ยงต่อระบบนิเวศอีกด้วย"
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์ของ เกรท แบร์ริเออร์ รีฟ
>> https://act.gp/great-barrier-reef-crisis
Clip Cr.workpointTODAY
ปีที่แล้ว มติที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลกขององค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก ) (เมื่อ 23 ก.ค.2564) ยังไม่ลดระดับ แนวปะการัง ‘เกรตแบร์ริเออร์รีฟ’ เข้าสู่ทำเนียบมรดกโลกที่ตกอยู่ในภาวะอันตราย ท่ามกลางความกังวลของนักสิ่งแวดล้อมที่มองว่าแนวปะการังที่ใหญ่ที่สุดในโลกนี้กำลังเผชิญกับสถานการณ์ร้ายแรงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ และต้องการให้รัฐบาลออสเตรเลียมีความตระหนักถึงผลกระทบที่เกิดเพื่อแก้ไขปัญหามากกว่าจะมองเห็นประโยชน์ในเรื่องการท่องเที่ยว
ทั้งนี้ ‘เกรตแบร์ริเออร์รีฟ’ เป็นแนวปะการังทอดยาว 2,300 กิโลเมตรในทะเลคอรัล บริเวณนอกชายฝั่งของรัฐควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย นับเป็นสถานที่ยอดนิยมในหมู่นักดำน้ำและเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของออสเตรเลีย