เมื่อวานนี้ (6 ก.ค. 2564) นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ลงพื้นที่พร้อมเจ้าหน้าที่ เพื่อติดตามตรวจสอบคุณภาพอากาศ คุณภาพน้ำ และสารอันตรายในพื้นที่ที่เกิดเหตุและพื้นที่ใกล้เคียงจากเหตุระเบิดและเพลิงไหม้ภายในโรงงานผลิตเม็ดโฟมและพลาสติก บริษัท หมิงตี้ เคมีคอล จำกัด เลขที่ 87 หมู่ 15 ซอย 21 ถนนกิ่งแก้ว ตำบลบางพลีใหญ่ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ
นายอรรถพล กล่าวว่า นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เน้นย้ำเรื่องความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน ให้ติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง คพ. ได้ส่งเจ้าหน้าที่พร้อมเครื่องมือในการตรวจสอบคุณภาพอากาศ คุณภาพน้ำ และสารอันตรายในพื้นที่ที่เกิดเหตุระเบิดและเพลิงไหม้ภายในโรงงานผลิตเม็ดโฟมและพลาสติก บริษัท หมิงตี้ เคมีคอล จำกัดและพื้นที่รอบนอก โดยในรัศมี 1 กิโลเมตรแรกจะต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ซึ่งสารเคมีที่ต้องระวัง คือ โซเว้นท์ ที่ติดไฟได้ง่าย และสารสไตรีนโมโนเมอร์ ใช้เป็นองค์ประกอบทำเม็ดพลาสติก เมื่อเกิดลุกไหม้ไฟจะปลดปล่อยสารพิษที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ซึ่งสามารถติดตามและตรวจสอบคุณภาพอากาศที่ได้ http://air4thai.pcd.go.th/
จากการตรวจคุณภาพอากาศในพื้นที่พบว่ากลับสู่สภาวะปกติ กำลังพิจารณาเรื่องลดพื้นที่เพื่อให้ประชาชนกลับมายังที่อยู่อาศัยได้ และคพ. จะต้องเฝ้าติดตามด้านมลพิษอย่างต่อเนื่อง 3 วัน ขณะนี้สิ่งที่น่าเป็นห่วง คือ หากมีกรณีฝนตกลงมา อาจจะชะสารเคมีลงใต้ดิน แหล่งน้ำ หรือท่อระบายน้ำ ซึ่งจะยากต่อการควบคุม ซึ่งอาจต้องเข้าไปบำบัดเพื่อแก้ปัญหาต่อไป นายอรรถพล กล่าว
ผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศในบรรยากาศ จากกรณีไฟไหม้โรงงานผลิตเม็ดพลาสติกของบริษัท หมิงตี้เคมีคอล จำกัด ที่ ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2564 เวลา 03.00 น. โดยประมาณ ทำให้เกิดมลพิษทางอากาศที่ส่งผลกระทบต่อบริเวณใกล้เคียง กรมควบคุมมลพิษ ได้ตรวจวัดคุณภาพอากาศในบริเวณใกล้เคียง
โดยใช้หน่วยตรวจวัดคุณภาพอากาศแบบเคลื่อนที่ (Mobile Unit) ติดตั้ง ณ บริเวณเขตปลอดอากร ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ซึ่งตรวจวัดมลพิษทางอากาศ 6 ชนิด คือ 1) ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมโครอน (PM10) 2) ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมโครอน (PM2.5) 3) คาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) 4) ไนโตรเจนไดออกไซด์ (NO2) 5) ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2) และ 6)โอโซน (O3) โดยจุดติดตั้ง Mobile ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 5 กิโลเมตร
ซึ่งผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศตั้งแต่เวลา 23.00 น. ของวันที่ 5 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นมาพบค่าสารมลพิษที่ตรวจวัดได้ ดังนี้ 1) PM10 ค่าเฉลี่ยรายชั่วโมงตรวจวัดได้ระหว่าง 10 – 24 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร 2) PM2.5 ค่าเฉลี่ยรายชั่วโมงตรวจวัดได้ระหว่าง 5 – 16 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร 3) CO ค่าเฉลี่ยรายชั่วโมงตรวจวัดได้ระหว่าง 0.01 – 0.09 ส่วนในล้านส่วน (ppm) 4) NO2 ค่าเฉลี่ยรายชั่วโมงตรวจวัดได้ระหว่าง 2 – 14 ส่วนในพันล้านส่วน (ppb) 5) SO2 ค่าเฉลี่ยรายชั่วโมงตรวจวัดได้ระหว่าง 0 – 2 ppb และ 6) O3 ค่าเฉลี่ยรายชั่วโมงตรวจวัดได้ระหว่าง 3 – 11 ppb
ส่วนผลค่าตรวจวัดสารอินทรีย์ระเหยง่ายรวม (Total VOCS) ด้วยเครื่องมือแบบเคลื่อนที่ (Portable) พบว่า 1) บริเวณในรั้วโรงงาน 0 เมตร มีค่า 7 ppm 2) บริเวณด้านหน้าโรงงานห่างออกมา 5 เมตร มีค่า 0.5 ppm และ 3) บริเวณห่างรั้วโรงงานออกไป 50 เมตร มีค่า 0.1 ppm
อีกทั้ง สถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศแบบอัตโนมัติของกรมควบคุมมลพิษ 5 สถานี ได้แก่ 1) ต.ทรงคะนอง
อ.พระประแดง 2) ต.บางโปรง อ.เมือง 3) ต.ตลาด อ.พระประแดง 4) ต.ปากน้ำ อ.เมือง และ 5) ต.บางเสาธง อ.บางเสาธง ผลการตรวจวัด พบว่า คุณภาพอากาศในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ และกรุงเทพมหานครพื้นที่ใกล้เคียง อยู่ในเกณฑ์ดีมาก มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเล็กน้อย อาจเป็นผลกระทบจากเหตุการณ์ไฟไหม้โรงงานสารเคมีที่เกิดขึ้น
ผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศ สรุปได้ดังนี้ 1) PM2.5 เฉลี่ย 24 ชม. ตรวจวัดได้อยู่ในช่วง 6 – 22 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร 2) PM10 เฉลี่ย 24 ชม. ตรวจวัดได้ในช่วง 12 – 35 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร 3) O3 เฉลี่ย 8 ชั่วโมง ตรวจวัดได้ในช่วง 7 - 18 ppb 4) CO เฉลี่ย 8 ชม. ตรวจวัดได้ในช่วง 0 - 0.54 ppm 5) NO2 เฉลี่ย 1 ชม. ตรวจวัดได้ในช่วง 8 - 11 ppb และ 6) SO2 เฉลี่ย 1 ชม. ตรวจวัดได้ในช่วง 1 - 4 ppb
นอกจากนี้ คพ.ได้ดำเนินการติดตั้งหน่วยตรวจวัดคุณภาพอากาศแบบเคลื่อนที่เพิ่มเติมที่โรงเรียนกิ่งแก้ว
พร้อมทั้งนำเครื่องตรวจวัดฝุ่นละอองPM2.5
แบบอัตโนมัติสำหรับตรวจวัดภายนอกอาคาร (Outdoor)
ไปติดตั้งเพิ่มเติมตามชุมชนหรือหมู่บ้านที่มีความเสี่ยง 2 ถึง 3 จุด
เพื่อติดตามสถานการณ์ฝุ่นละอองและผลกระทบที่ชุมชนจะได้รับจากเหตุเพลิงไหม้ดังกล่าวต่อไป
ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนในพื้นที่และบริเวณใกล้เคียงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดผ่านทางเว็บไซต์ Air4Thai.com และแอปพลิเคชัน Air4Thai