“เอไอเอส” ชวนพันธมิตรรักษ์โลก “กรีนพหลโยธิน” แข่งขันกำจัดขยะ E-Waste อย่างถูกวิธี

เอไอเอสสานต่อโครงการกำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์ หรือ “E-waste” เป็นปีที่ 2 จัดชาเลนจ์ครั้งใหม่ “E-Waste The Battle ถ้ารักษ์จริง....มาทิ้งแข่งกัน” ประเดิมการแข่งขันนัดแรกระหว่างมหามิตรเพื่อนบ้านบนถนนสายเดียวกัน “กรีนพหลโยธิน” ประกอบด้วยองค์กรชั้นนำ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน รวม 13 แห่ง นำโดย "ปฐมา จันทรักษ์" กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด "พลตรีรังษี กิติญาณทรัพย์" รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ฯลฯ มาลงสนามแข่งขันกันรวบรวม E-Waste เพื่อนำไปกำจัดอย่างถูกวิธี พร้อมกับเปิดตัวพันธมิตรรายใหม่ ECOLIFE แอปพลิเคชันรักษ์โลกที่จะช่วยให้ทุกการทิ้งยิ่งสนุกมากขึ้น ด้วยการเปลี่ยนขยะเป็นคะแนนสะสมแลกของพรีเมี่ยมโดนใจคนสายกรีน

เอไอเอสในฐานะที่เป็นผู้นำดิจิทัลไลฟ์เซอร์วิส ได้ตระหนักถึงปัญหาของขยะอิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-Waste อย่าง โทรศัพท์มือถือ, แท็บเล็ต, พาวเวอร์แบงค์, สายชาร์จ และหูฟัง ขยะเหล่านี้เป็นขยะอันตรายที่หากไม่ได้รับการกำจัดอย่างถูกวิธีอาจจะมีสารเคมีรั่วไหลจนก่อให้เกิดมลพิษทำลายสุขภาพ รวมถึงก่อให้เกิดผลเสียแก่สิ่งแวดล้อมในระยะยาวได้ ซึ่งเอไอเอสเล็งเห็นถึงปัญหาดังกล่าว บวกกับมีความตั้งใจแน่วแน่ในการตั้งเป้ารวบรวม E-Waste ไปกำจัดอย่างถูกวิธี รวม 500,000 ชิ้นให้ได้ภายในปี 2563

นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอส กล่าวว่า “ปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์มีเพิ่มมากขึ้นทุกปี ในขณะที่ปริมาณขยะที่ได้รับการกำจัดอย่างถูกวิธีกลับสวนทางกัน เอไอเอสในฐานะที่อยู่ในธุรกิจเทคโนโลยีมีความตั้งใจที่จะหาวิธีเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาเหล่านี้ แต่เพราะการทำคนเดียวไม่มีทางที่จะประสบผลสำเร็จได้ จึงได้เชิญองค์กรต่างๆ ในเครือข่ายกรีนพหลโยธินมาร่วมทำชาเลนจ์ครั้งใหม่ รวมถึงช่วยกันประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนตระหนักถึงการคัดแยกและการนำขยะอิเล็กทรอนิกส์ไปกำจัดอย่างถูกวิธี โดยเอไอเอสนั้นพร้อมที่จะให้การสนับสนุนองค์กรภาคีเครือข่ายอย่างเต็มที่ ทั้งการนำทีมงานไปช่วยประชาสัมพันธ์เพิ่มเติม ตลอดจนสนับสนุนค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการขนส่งขยะอิเล็กทรอนิกส์จากจุดรับทั่วประเทศเพื่อนำไปกำจัดอย่างถูกวิธี”

ทั้งนี้ จากข้อมูลในปีที่ผ่านมาเอไอเอสสามารถรวบรวมขยะอิเล็กทรอนิกส์ได้แล้วจำนวนทั้งสิ้น 51,786 ชิ้น เทียบเท่าการลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 517,860 กิโลกรัมคาร์บอนสมมูลย์ จากนั้นในขั้นตอนต่อไปคือการนำขยะ E-Waste ที่เก็บรวบรวมได้ทั้งหมดไปกำจัดอย่างถูกวิธีด้วยกระบวนการ Zero Landfill หรือการกำจัดขยะที่ไม่มีขยะเหลือทิ้ง ทำให้นำกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ให้เกิดมูลค่าได้อีกครั้ง นับได้ว่าเป็นอีกขั้นของความก้าวหน้าในการสร้างความตระหนักรู้ถึงการหาทางกำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์ให้ถูกต้อง อันจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของประชาชนในที่สุด

สำหรับชาเลนจ์ใหม่ในปีนี้ เอไอเอสได้รับการสนับสนุนและความร่วมมือเป็นอย่างดีจากภาคีเครือข่ายเพื่อสิ่งแวดล้อม “กรีนพหลโยธิน” จำนวน 13 แห่ง อาทิ สำนักงานเขตพญาไท โรงพยาบาลพญาไท 2 ธนาคารออมสินสำนักงานใหญ่ IBM EXIM BANK และสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก เป็นต้น ต่างยกทัพนำทีมของแต่ละองค์กรเข้าร่วมการแข่งขันแสดงพลังความรักษ์โลกกันอย่างคึกคัก

พลตรีรังษี กิติญาณทรัพย์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก กล่าวแสดงความเห็นพ้องและยินดีให้การสนับสนุนโครงการฯ เนื่องจากมีตัวเลขระบุว่าในแต่ละปีประเทศไทยมีการสร้างขยะอิเล็กทรอนิกส์มากกว่าสี่แสนตัน ซึ่งหากไม่มีการจำกัดอย่างถูกวิธีจะก่อให้เกิดปัญหาด้านมลพิษเช่นการปนเปื้อนของสารพิษในน้ำและน้ำใต้ดินตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นการที่เอไอเอสจัดทำจุดรับทิ้ง E-Waste จึงถือเป็นนิมิตหมายที่ดีของการเริ่มต้นสร้างจิตสำนึกให้คนไทยทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างถูกต้อง

ด้านนางวันเพ็ญ อรรชุนเดชะ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ดูแลสายงานกำกับและการเงิน ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) กล่าวว่า “ทาง EXIM BANK มีการรณรงค์การแยกขยะมานานแล้ว ยิ่งเมื่อเอไอเอสมีโครงการดังกล่าวขึ้นมายิ่งเป็นเรื่องน่ายินดีที่จะมีการรวมกลุ่มเป็นเครือข่ายชุมชนช่วยกันรณรงค์ให้ประชาชนมีความระมัดระวังและเห็นความสำคัญของการทิ้ง E-Waste ในจุดรับโดยเฉพาะเพื่อจะได้นำไปจัดการอย่างเหมาะสมต่อไป”

ส่วนกติกาการแข่งขันจะแบ่งองค์กรในกรีนพหลโยธินออกเป็น 2 ทีม ได้แก่ ทีม A และ B มาร่วมทิ้งขยะ E-Waste ที่จุดรับทิ้งของแต่ละองค์กร เริ่มนับคะแนนตั้งแต่เดือนกรกฎาคมถึงสิ้นเดือนธันวาคม 2563 โดยทีมที่ชนะและทีมที่แพ้จะได้รับเงินบริจาคเพื่อนำไปมอบให้แก่องค์กรหรือมูลนิธิที่เลือกไว้ ทั้งนี้หากปริมาณการทิ้ง
E-Waste บรรลุตามเป้าหมาย เอไอเอสจะร่วมสมทบทุนมูลนิธิชัยพัฒนาเพื่อใช้ในกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อม

และเพื่อให้การแข่งขันของสองทีมลุ้นผลกันได้แบบเรียลไทม์ ท็อป-พิพัฒน์ อภิรักษ์ธนากร และนุ่น-ศิรพันธ์ วัฒนจินดา คู่รักดาราสาย ECO ผู้ก่อตั้ง KID KID องค์กรเพื่อสังคมด้านสิ่งแวดล้อม ได้นำแอปพลิเคชัน ECOLIFE มาช่วยอำนวยความสะดวกให้ทุกคนสามารถติดตามปริมาณการทิ้งของแต่ละองค์กรได้ทันทีผ่านเว็บไซต์ http://www.ecolifeapp.com นอกจากนี้ยังสร้างสรรค์มิติใหม่ในการทิ้งขยะ E-Waste ที่นอกจากจะได้ช่วยโลก ได้ทำบุญแล้วยังได้ ECO POINT เป็นคะแนนสะสมให้สายกรีนนำไปแลกของพรีเมี่ยมผ่านแอปพลิเคชันได้อีกด้วย

มาร่วมลุ้นผลการแข่งขันรักษ์โลก และร่วมทิ้ง E-Waste ให้ถูกที่กับเอไอเอส เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมให้คงอยู่อย่างยั่งยืนตลอดไป