ถ้าถามว่าโครงการ we grow..ปลูกเพื่อความยั่งยืน สำคัญอย่างไร? ขอเล่าสั้นๆ ถึงเบื้องหลังการประชุมที่ดาวอส (สวิตเซอร์แลนด์) ซึ่งเดิมทีเวที World Economic Forum เขาพูดคุยกันในเรื่องเศรษฐกิจ แต่การประชุมที่ไปร่วมครั้งนี้ 60-70% คุยกันแต่เรื่อง “ภาวะการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ”
ผู้นำระดับโลกต่างให้ความสำคัญ และมองเป็นวิกฤตทั้งโลก อย่างกรณีประเทศออสเตรเลีย อุณหภูมิเฉลี่ยขยับขึ้นมา 2 องศาเซลเซียส (ตามข้อตกลงปารีสที่ควบคุมอุณหภูมิโลก) ออสเตรเลียถึง 2 องศาเป็นประเทศแรก เราเห็นกันแล้วว่าสภาพภูมิประเทศเกิดความแห้งแล้งติดต่อกัน 3 ปี ต้นไม้กรอบและเกิดไฟไหม้ป่าครั้งใหญ่ที่สุด พอฝนตกลงมาต้นไม้ก็ล้มแทบหมดไปแล้ว จึงไม่มีอะไรหยุดน้ำ ทำให้เกิดน้ำท่วมตามมา
ตอนนี้ทั้งโลกอุณหภูมิเฉลี่ยสูงขึ้น 1.1 องศาแล้ว ทั่วโลกอุณหภูมิจะต้องไม่เกิน 1.5 องศา ดังนั้นจำเป็นต้องลดให้ได้ ทุกประเทศได้ตกลงกันว่าต้องเอาให้อยู่ เมื่อพูดถึง Climate Change ก็มีผลต่ออุตสาหกรรมประกันภัย หากอุตสาหกรรมนี้ทำให้เราประกันไม่ได้ เพราะทุกอย่างที่เราใช้บริการ จะไม่มีบริษัทประกันใดกล้าประกัน
ดังนั้นภายในเร็วๆนี้ ถ้าเราไม่เปลี่ยนการบริโภค หรือต่อเชื่อมวงจร ไนโตรเจน กับคาร์บอนไดออกไซด์ ในโลกมีต้นไม้ใหญ่ เล็ก จับก๊าซ เหล่านี้กลับเข้ามาสร้างลำต้นเป็นต้นไม้ เพื่อจับบรรยากาศให้มนุษย์ สิ่งมีชีวิตอยู่ได้ร่วมกัน มนุษย์ยังคงไปตัดวงจร ไนโตรเจน คาร์บอนไดออกไซด์ออกด้วยการพัฒนาการบริโภคของเราเอง เมื่อเรายังไม่เปลี่ยนแปลง อุณหภูมิโลกจะสูงขึ้นอีกถึง 4 องศา ทุก 0.5 องศา เราจะอยู่กันแทบไม่ได้ เรื่องนี้ไม่น่าตระหนกคงไม่ใช่แล้ว
เครือเจริญโภคภัณฑ์ทุกบริษัท จึงได้ตระหนักว่าในฐานะที่เป็นบริษัทไทย และในปีนี้มีอายุ 99 ปี พวกเราคิดว่าเป็นหน้าที่ เป็นความรับผิดชอบของเราที่จะต้องสร้างการเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่แค่ความตระหนัก (Awareness) แต่จะต้องทำให้ลูกค้า คู่ค้าของเรา มีวิถีการบริโภคทรัพยากรเปลี่ยนไป เพื่อให้ลูกหลานในอนาคตอยู่ได้ในสภาวะแวดล้อมที่ดีขึ้น การเปลี่ยนแปลงโดยไม่บริโภคทุกอย่าง แต่จะต้องเหลือให้ลูกหลานในอนาคต เราจึงสร้างโครงการ we grow..ปลูกเพื่อความยั่งยืน
นพปฎล เดชอุดม ประธานคณะผู้บริหาร ด้านความยั่งยืนองค์กร เครือเจริญโภคภัณฑ์ บอกว่าคุณศุภชัย เจียรวนนท์ ประกาศเจตนารมณ์มาแล้วว่าบริษัท การดำเนินธุรกิจของเราทั้งหมดต้องสร้าง carbon neutral ที่ปล่อยในบรรยากาศเป็นศูนย์ แม้ดูเป็นเรื่องยากยิ่งแต่ก็มีความสำคัญยิ่ง พอประกาศเสร็จพวกเราทุกบริษัทก็จะต้องมีการทำรายงานทุกปี สิ่งนี้เป็นความมุ่งมั่น (commitment) ที่สำคัญยิ่ง
โครงการ we grow เราจะนำไปเป็นกลยุทธ์สำคัญ เดินหน้าต่อยอดอยู่ในการทำธุรกิจของพวกเรา และทุกบริษัท ภายในของเราก็คงจะต้องแข่งขันกันว่ารายงานงานของบริษัทใดปล่อยก๊าซเรือนกระจกแบบไหน คาร์บอนฯแบบไหน ส่วนแนวทางของพวกเรา มุ่งมั่นที่จะปลูกต้นไม้ยืนต้นทั่วประเทศไทย เพราะเรามีโรงงาน สำนักงาน ที่ดิน การเกษตร ตรงไหนทำได้ เราก็จะลงไม้ยืนต้น
สิ่งสำคัญของการปลูกไม้ยืนต้น คืออยู่ได้นาน มีอายุยืนยาว ต้นไม้จะช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนฯในอากาศกลับไปสู่ดิน วงจรสำคัญที่เราเคยไปทำลายมันเอง ก็ต้องร่วมกันสร้างให้ได้
ตอนนี้เราประกาศไปแล้วว่าทั้งเครือบริษัทจะสร้างคาร์บอนเป็นศูนย์ใน 10 ปี ข้างหน้า จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะช่วยสร้างการตระหนักรู้ ไม่เพียงเฉพาะแต่เครือซีพี ที่มีพนักงานทุกคนกว่า 3 แสนคนทั่วโลก เมื่อนับรวมญาติพี่น้องใกล้ชิด ก็น่าจะได้ถึง 10 กว่าล้านคน ผมหวังว่าคนในสังคมที่เหลือจะได้รับรู้และมองเห็นถึงความสำคัญของโครงการ we grow ปลูกเพื่อความยั่งยืน
