xs
xsm
sm
md
lg

ถ้าเป็น “ลุงตู่” ผมจะแก้ฝุ่นพิษอย่างนี้ / ผศ.ดร.ปิติ ศรีแสงนาม

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ท่ามกลางสถานการณ์ ฝุ่น PM2.5 ที่เกินมาตรฐานจนเกิดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด
“ผศ.ดร.ปิติ ศรีแสงนาม” ผู้อำนวยการศูนย์เศรษฐกิจระหว่างประเทศ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญทางด้าน International Economics and Integration และ ASEAN Economics ได้โพสต์ผ่านเพจของตัวเอง
Piti Srisangnam (เมื่อ 21 ม.ค.63) โดยคาดหวังให้หลายๆ ฝ่ายที่เกี่ยวข้องรวมหัวช่วยกันคิด ช่วยกันเสนอ #อย่าเอาแต่ด่า ดังต่อไปนี้

1. ผมจะไปตั้งวอร์รูม #Warroom แล้วดึงคนจากทุกกรม ทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับเรื่องมลพิษทางอากาศ ไปนั่งทำงานด้วยกัน

2. War room ของผมจะตั้งอยู่ที่ #กรมควบคุมมลพิษ และผมจะไปนั่งทำงานอยู่ที่นั่นทุกวัน ให้มันรู้กันไปว่า ผู้ใหญ่ไปนั่งอยู่ตรงนั้น แล้วผู้น้อยจะไม่กล้าทำงานเต็มที่
(เพิ่มเติม) #คาดโทษ อธิบดีกรมที่เกี่ยวข้อง เพราะปีที่แล้วก็เจอเหตุการณ์นี้ และทุกภาคส่วนได้เสนอแนะ ให้คำแนะนำ ให้งบประมาณไปดำเนินการแล้ว แต่ปีนี้ฝุ่นพิษกับยิ่งเลวร้าย แปลว่า หนึ่งปีที่ผ่านมา ทำงานไม่มีประสิทธิภาพ จากนั้นต้อง #มอบอำนาจ ให้อธิบดีกรมที่เกี่ยวข้อง สามารถสั่งงานข้ามกระทรวง ข้ามกรม และบังคับใช้กฎหมายได้เต็มที่ เพื่อให้เขาสามารถแก้ปัญหาได้แบบบูรณาการ ต่อมาคือ #ชี้แจงบทลงโทษ ว่าถ้าปีนี้ผมให้อำนาจคุณสั้งการได้แบบ CEO แต่ถ้าปีหน้า สถานการณ์ยังไม่ขึ้น (ไม่ต้องถึงขนาดไม่มีฝุ้นพิษก็ได้) ผมมีบทลงโทษ ออกจากราชการ และในทางตรงกันข้าม ถ้าสถานการณ์ดีขึ้น ผมจะ #โปรโมท จากอธิบดีเป็นปลัดกระทรวง ต้องมีประสิทธิภาพ มีผลงาน วัดผลได้ และมีรางวัล มีบทลงโทษชัดเจน เราต้องการ #ผู้บริหารภาครัฐมืออาชีพ

3. ผมขอให้ #กองทัพ ส่งกำลังพลลงพื้นที่ไปช่วยชาวบ้านตัดอ้อย
(เพิ่มเติม) ให้กำลังพลมาช่วยตัดอ้อยคือมาตรการระยะสั้น ระยะกลางต้องคิดถึง #รถตัดอ้อย รถตัดอ้อยราคาคันละประมาณ 10-12 ล้านบาท เกษตรกรรายย่อยไม่มีเงินพอครับ เราต้องสร้างรถตัดอ้อยให้ได้เองภายในประเทศ เข้าใจว่าเทคโนโลยีไม่น่าจะซับซ้อน เราน่าจะให้อาจารย์ทางด้านวิศวะช่วยกันออกแบบ แล้วส่งมอบแบบให้อาขีวะทั่วประเทศ ทุกจังหวัด เอาไปทดลองสร้าง ทดลองใช้ อาจใช้เงินทุนของ อบต. อบจฝ แล้วให้รถตัดอ้อยประจำอำเภอ ใช้งานร่วมกัน

4. ผมจะสั่งให้ #ตำรวจ อาสา และ #หน่วยงานปกครองท้องถิ่น จับกุมและดำเนินคดีกับคนที่เผาในพื้นที่เปิด โดยผมจะ print out พิกัดละติจูด และลองติจูดของจุด hot spot จาก website http://www.asmc.asean.org แล้วผมจะทาบเลยว่าเป็นพื้นที่ของใคร

5. ผมจะ #ไม่พูด อะไรๆ ที่เป็นการเติมเชื้อไฟ เช่น ทนเอา ปัญหาเกิดจากประชาชน หรือ ห้ามใช้รถดีเซล เพราะมันปฏิบัติจริงไม่ได้

6. ผมจะเร่งทบทวนให้ #น้ำมันดีเซล ที่ขายในไทยต้องได้มาตรฐาน #Euro6 ส่วนใครที่ยังใช้เครื่องยนต์ที่รับ Euro-6 ไม่ได้ โดยเฉพาะรถยนต์ของรัฐ ต้องมีการปรับปรุงยกเครื่อง หรือเปลี่ยนเครื่องใหม่

7. ผมจะเร่งเปิดห้อง #CleanRoom ในหน่วยงานรัฐทุกแห่ง และขอให้เอกชนจัดทำในอาคารของตนเอง เพื่อให้เด็ก คนป่วย และคนชรา เข้าไปทำงาน ไปใช้ชีวิต

8. ผมจะสร้าง #DreamTeam ที่มาจากทุกภาคส่วน ทั้งรัฐ เอกชน NGOs และนักวิชาการ มาวางแผนรับมือปรากฏการณ์ #ฝุ่นพิษ ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว (ระยะยาวอาจต้องพิจารณาเรื่อง ผังเมือง หรือแม้กระทั้งการย้ายเมืองหลวง)

9. ผมจะ #งดเว้นการจัดเก็บภาษี การนำเข้าหน้ากากป้องกันพิษ เครื่องฟอกอากาศ และอุปกรณ์กำจัดฝุ่นทุกประเภท รวมทั้งให้เงินสนับสนุนกับผู้ผลิตอุปกรณ์เครื่องมือเหล่านี้ภายในประเทศ

10. ผมจะสั่งให้ทุกท้องที่รัดกุม #ควบคุมดูแลโรงงาน และ #เขตก่อสร้าง ให้ต้องควบคุมการฟุ้งละอองของฝุ่น

11. ผมจะสั่งให้กระทรวงสาธารณสุข สั่งโรงพยาบาลทุกแห่งให้เปิดบริการคลินิกดูแลระบบทางเดินหายใจ รวมทั้งออกหน่วยแพทย์และอาสาไปในทุกโรงเรียนและทุกชุมชนเพื่อให้ความรู้ ตรวจสุขภาพ แจกหน้ากากอนามัย เพื่อทำให้ทุกคนรู้ว่าประเทศนี้เราดูแลคนของเรา

12. ผมจะออกสำรวจ ดูข้อมูล และให้เงินทุนสนับสนุน ว่าช่วงนี้เรามีโอกาสสร้างฝนเทียมได้มากหรือน้อยแค่ไหนในพื้นที่ใด

13. ผมจะโชว์บทบาทการเป็นผู้นำอาเซียนและเป็นมหาอำนาจระดับกลาง โดยการทำมาตรการหลายๆอย่างเพื่อช่วยเหลือดูแลไม่ใช่เฉพาะคนไทย แต่เผื่อแผ่ไปถึงประเทศเพื่อนบ้านด้วย เพราะฝุ่นพิษฝุ่นละอองหมอกควันเป็นเรื่องข้ามพรมแดน

14. ผมจะให้ผู้บริหารทุกกรมกระทรวงสำรวจดูว่า งานส่วนไหนบ้างที่สามารถทำจากที่บ้านได้ น่าจะเป็นโอกาสที่ดีที่จะเริ่มต้นทดลองโครงการ work from home แล้วทำจริงๆเลยดูซิว่าเราจะสามารถใช้เทคโนโลยีได้ไหม ในการทำงานของระบบราชการ

15. ผมจะสั่งให้ข้าราชการทุกคน ปลูกต้นไม้อย่างน้อยคนละ 1 ต้นทุกเดือน เป็น KPI ของหน่วยงานนั้นด้วย

16. ผมจะเริ่มต้นศึกษาเพื่อจัดตั้งระบบและตลาดซื้อขาย Emission Quotas and Emission Credit เพื่อจูงใจให้ภาคเอกชนลดมลพิษ โดยใช้กลไกตลาด ซึ่งน่าจะได้ผลมากกว่าระบบคำสั่ง ควบคุมและการจัดเก็บภาษี/ค่าปรับ

17. ผมจะจัดระบบรถเมล์ใหม่ก่อนครับ ให้รถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน และเรือเป็นแกนหลักของระบบ ทำหน้าที่วิ่งข้ามเมือง จากนั้นรถเมล์ค่อยมาวิ่งจากแต่ละสถานี/ท่า เข้าไปในชุมชนใกล้ๆ ไม่ใช่รถเมล์วิ่งข้ามเมือง ซึ่งรถติด และทำให้คาดการณ์เวลาเดินทางไม่ได้ รวมทั้ง ตั๋วโดยสารทุกระบบต้องใข้เชื่อมร่วมกัน จ่ายครั้งเดียว ใช้ได้ทุกระบบ




กำลังโหลดความคิดเห็น