บ๊อชในฐานะผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเทคโนโลยีและบริการชั้นนำของโลก สร้างสรรค์นวัตกรรมที่ตอบโจทย์คุณภาพชีวิตตามแนวคิด “เทคโนโลยีเพื่อชีวิต” นวัตกรรมต่างๆ จึงต้องพัฒนาไปพร้อมกับความใส่ใจทั้งผู้คน สังคม และสิ่งแวดล้อม
ในภาวะที่การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศได้ส่งผลให้เกิดความท้าทายในหลายรูปแบบ บ๊อช จึงมุ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยดูแลโลกใบนี้ โดยได้ตั้งเป้าหมายที่ท้าทายสำหรับองค์กร กล่าวคือบ๊อชมุ่งมั่นที่จะให้ในทุกกิจกรรมที่บริษัทสามารถควบคุมหรือดูแลได้โดยตรงทั่วโลก มีความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปีค.ศ. 2020 หรือ พ.ศ.2563
แท้จริงแล้ว กลุ่มบ๊อชได้เริ่มลดคาร์บอนฟุตพรินต์มานานแล้ว และเห็นผลประจักษ์จนแน่ใจได้ว่า ตั้งแต่ปีค.ศ. 2020 บริษัทจะไม่ก่อคาร์บอนฟุตพรินต์จากกิจกรรมการดำเนินงาน และพร้อมประกาศก้าวสำคัญในการรับมือกับปัญหาสภาพภูมิอากาศที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน การประกาศแนวทางที่ชัดเจนของบ๊อช จึงน่าจะช่วยผลักดันให้องค์กรอื่นๆ เข้ามาร่วมด้วยช่วยกัน
การปราศจากคาร์บอนฟุตพรินต์หมายความว่า บ๊อชจะไม่ก่อเกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในระดับที่จะส่งผลต่อสภาพอากาศ สำหรับกิจการที่ดำเนินงานด้านอุตสาหกรรม แม้การดำเนินงานบางส่วนหรือบางพื้นที่จะไม่สามารถเลี่ยงได้ และยังอาจมีการก่อก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อยู่ แต่ภายในปีค.ศ. 2020 นี้ บ๊อชจะทำให้เกิดความเป็นกลางทางคาร์บอนโดยชดเชยส่วนที่ปล่อยออกไป นอกจากนี้ยังตั้งเป้าว่าภายในอีก 10 ปี หรือปีค.ศ. 2030 สถานการณ์การปกป้องสภาพภูมิอากาศจะต้องดีขึ้นเมื่อดูจากตัวชี้วัดคุณภาพในด้านต่างๆ
“ประเด็นปัญหาด้านสภาพภูมิอากาศนั้น แค่พูดคงไม่พอ บริษัทมุ่งมั่นทำให้เกิดความเป็นกลางทางคาร์บอน ณ จุดนี้ ตอนนี้เลย” ดร.โฟล์คมาร์ เดนเนอร์ ประธานคณะกรรมการบริหาร กล่าวแสดงพันธกิจที่มุ่งมั่นของกลุ่มบ๊อช
ความเป็นกลางทางคาร์บอนในที่นี้ ครอบคลุมถึงกระบวนการผลิต การจัดการ และวิจัยต่างๆ บริษัทตระหนักถึงก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล เช่น ก๊าซโซลีน น้ำมันดีเซล น้ำมันให้ความร้อน ก๊าซธรรมชาติ และถ่านหิน รวมไปถึงก๊าซอุตสาหกรรมทุกประเภทที่ใช้ในกระบวนการต่างๆ อย่างการกลึง นอกจากนี้ยังรวมถึงก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทางอ้อมที่เกิดจากการใช้พลังงานไฟฟ้า การทำความร้อนแบบรวมศูนย์เพื่อกระจายไปยังชุมชน และระบบไอน้ำ
แนวทางของบ๊อชในการสร้างความเป็นกลางทางคาร์บอนนั้น จะเน้นในเรื่องประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และการผลิตพลังงานจากทรัพยากรหมุนเวียนต่างๆ สองกลไกนี้จะเป็นหลักในการช่วยให้บริษัทเดินไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ คือ การประหยัดพลังงานรวม 1.7 เทระวัตต์ และผลิตพลังงานใช้เองจากทรัพยากรหมุนเวียน 400 กิกะวัตต์ ภายในปีค.ศ. 2030 จากงบประมาณสนับสนุน 100 ล้านยูโรที่ฝ่ายบริหารได้อนุมัติสำหรับโครงการระหว่างปีค.ศ. 2018-2030
บ๊อชจะเน้นใช้พลังงานสะอาดตั้งแต่ต้นทาง แหล่งผลิตพลังงานที่ได้จากทรัพยากรหมุนเวียนจึงต้องเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ต้องใช้ทรัพยากรที่มั่นใจได้ถึงแหล่งที่มา พร้อมกับมีมาตรการที่ดีด้วย ดังนั้นภายในปี 2030 กลุ่มบ๊อชจึงให้ความสำคัญกับพลังงานรูปแบบใหม่ๆ รวมถึงรูปแบบการทำสัญญาซื้อขายระยะยาวกับนักลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน เช่น กังหันลม หรือโซล่าฟาร์ม เพื่อให้สอดคล้องกับพันธกิจ
นอกจากนี้ ยังมีอีกปัจจัยที่จะทำให้บ๊อชก้าวไปสู่จุดหมายที่วางไว้ได้ คือ การชดเชยด้วยการลดปริมาณคาร์บอน (คาร์บอนเครดิต) ที่เกิดจากกระบวนการเผาไหม้ เช่น การให้ความร้อน หรือการทำความร้อน ทั้งนี้เนื่องจากบางประเทศยังไม่มีกลไกรองรับความเป็นกลางทางคาร์บอน เช่น การจัดซื้อพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมทำได้ในปริมาณจำกัด จึงต้องมีการชดเชยปริมาณคาร์บอนเข้ามาแทน
“บ๊อชจะเป็นองค์กรอุตสาหกรรมระดับโลกรายแรกที่จะสามารถบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนได้ภายในปี 2020 ซึ่งเป็นผลจากการให้ความสำคัญด้านการอนุรักษ์พลังงาน ทั้งในโรงงานและสำนักงาน ช่วยให้บ๊อชลดการใช้ทรัพยากรและช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมได้ในระยะยาว นอกจากนี้ บ๊อชยังรุกลงทุนในพลังงานหมุนเวียนและพลังงานสะอาดใหม่ๆ เพื่อให้บริษัทเปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้พลังงานอย่างยั่งยืนได้ในที่สุด” ดร.เดนเนอร์ สรุป