xs
xsm
sm
md
lg

เผย 6 เทรนด์ผู้บริโภค 2020 ยอมจ่ายแพง หากเป็นแบรนด์ “รักษ์โลก”

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์





ทุกวันนี้ คงต้องบอกว่าปัญหา “ขยะล้นโลก” เป็นเรื่องที่ทุกประเทศทั่วโลก ตระหนักและกำลังเร่งแก้ไข หลายประเทศรวมประเทศไทยอยู่ในขั้นวิกฤติที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ผลวิจัยเต็ดตรา แพ้ค อินเด็กซ์ (Tetra Pak Index) ฉบับล่าสุด สะท้อนความต้องการของผู้บริโภคว่าให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพมากขึ้นอย่างชัดเจน
เทรนด์ดูแล “สิ่งแวดล้อมและสุขภาพ” มาแรง
ผลวิจัย เต็ดตรา แพ้ค อินเด็กซ์ (Tetra Pak Index) ที่ดำเนินการมา 12 ปีต่อเนื่อง รายงานฉบับล่าสุดประจำปี 2019 ที่จัดทำร่วมกับบริษัท อิปซอสส์ (Ipsos) ชี้เทรนด์ความต้องการผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญ 2 ประเด็น ได้แก่ สิ่งแวดล้อมและสุขภาพ หาก “แบรนด์” ต่างๆ หยิบยก 2 เรื่องนี้มาใช้ จะช่วยสร้างโอกาสให้กับธุรกิจ โดยเฉพาะกลุ่ม “อาหารและเครื่องดื่ม” ในการวางแผนการตลาดสินค้าในปี 2020
จากผลสำรวจผู้บริโภคเชื่อว่าตนเองเป็น “ผู้รับผิดชอบอันดับแรก” ทั้งต่อสุขภาพตัวเองและสิ่งแวดล้อม และรู้สึกว่าต้องลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่างเพื่อร่วมกันแก้ปัญหาโดยเฉพาะ “ขยะ” เพื่ออนาคตของกลุ่ม New Gen
82% ของผู้บริโภคคิดว่าการดำเนินชีวิตแบบใส่ใจสุขภาพนั้นมีความสำคัญเพื่อให้มีสุขภาพที่ดี
47% เชื่อว่าการเลือกซื้อสินค้าเพื่อสุขภาพของตัวเองมีผลต่อสิ่งแวดล้อม โดยคิดว่าการผลิตอาหารและขยะบรรจุภัณฑ์ เป็นส่วนหนึ่งที่สร้างผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม
59% เชื่อว่าปัญหาสิ่งแวดล้อมส่งผลกระทบต่อสุขภาพในอนาคต
จึงเป็นที่มาของเทรนด์ผู้บริโภคปี 2020 ที่จะให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมและการดูแลสุขภาพไปพร้อมกัน สำหรับประเทศไทยเองแม้ยังไม่มีกฎหมายบังคับใช้เรื่องการใช้ขยะพลาสติก ณ วันนี้ แต่ในช่วงเวลา 1 ปีที่ผ่านมา ได้เห็นความตื่นตัวของผู้บริโภคในการลดใช้ถุงพลาสติก ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีในการดูแลสิ่งแวดล้อมในปี 2020

สุภนัฐ รัตนทิพ
ผู้บริโภคยอมจ่ายแพง “แบรนด์” รักษ์โลก
ข้อมูลจากกรมควบคุมมลพิษระบุว่า ประเทศไทยสร้างขยะ 27.82 ล้านตันต่อปี หรือ 76,219 ตันต่อวัน เฉลี่ยคนไทยก่อขยะ 1.15 กิโลกรัมต่อคนต่อวัน อีกทั้งยังมีชื่อติด 6 อันดับของโลก กับตัวเลขปริมาณก่อ “ขยะทะเล” ถึงแม้สถานการณ์ล่าสุดหลุดลงมาเป็นอันดับ 10 แล้วก็ตาม
โดยเฉพาะการได้สัญญาณที่ดี เมื่อทุกภาคส่วนให้ความสำคัญกับการจัดการปัญหาขยะ เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 ภาคีร้านค้าปลีกจะ “เลิก” ใช้ถุงพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว (Single-Use Plastic) ที่เคยใส่ของให้กับลูกค้า ขณะที่กระบวนการ “รีไซเคิล” และระบบเศรษฐกิจแบบหมุนเวียน หรือ Circular Economy เพื่อลดปัญหาขยะ กลายเป็นวาระสำคัญที่ผู้ประกอบการ “แบรนด์” ต่างๆ หยิบยกมาใช้ในการดำเนินธุรกิจมากขึ้น
สุภนัฐ รัตนทิพ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เต็ดตรา แพ้ค (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงผลวิจัย Tetra Pak Index 2019 ว่า เป็นการสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคทุกภูมิภาครวมทั้งเอเชีย ผลลัพธ์แสดงให้เห็นพฤติกรรมของผู้บริโภค 2020 ที่ไม่ติดยึดกับแบรนด์ใหญ่ แต่มองหาแบรนด์ที่สร้างประโยชน์ให้สิ่งแวดล้อม
ขณะที่เทรนด์การดูแลสิ่งแวดล้อม ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับ แพ็กเกจจิ้ง หรือ “บรรจุภัณฑ์” มากที่สุด โดยเฉพาะความสามารถในการ “รีไซเคิล” มาเป็นอันดับแรก และพบว่าเกือบ 4 ใน 5 หรือ 80% ของผู้บริโภคทั่วโลกยอมจ่ายเงินมากขึ้น เพื่อแพ็กเกจจิงอาหารและเครื่องดื่มที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ขณะที่เกือบ 2 ใน 5 ยินดีจ่ายเงินสูงกว่าให้กับอาหารที่ดีต่อสุขภาพ
“ผู้บริโภค 2020 มีพฤติกรรมต่อต้านการใช้พลาสติกมากขึ้น เกือบ 2 ใน 3 ของผู้บริโภค เชื่อว่าคนที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมจะหลีกเลี่ยงการใช้พลาสติก และ 1 ใน 3 มีแผนจะใช้พลาสติกน้อยลง”
จากแนวโน้มผู้บริโภคที่มองหาแพ็กเกจจิงเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ดังนั้น หากแบรนด์ใดที่ทำให้ผู้บริโภคเห็นว่ามีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม จะเป็นแบรนด์ที่มี “คุณค่า” ที่เป็นตัวเลือกของผู้บริโภค
“วันนี้แบรนด์อยู่รอดและเติบโตได้ การทำกำไรอย่างเดียวไม่พอ แต่แบรนด์ต้องมีบทบาทที่ชัดเจนเรื่องการดูแลสิ่งแวดล้อม การคืนประโยชน์กลับสู่สังคม และจะกลายเป็นแบรนด์ที่มีคุณค่าและผู้บริโภคเลือก”




เปิด 6 เทรนด์ผู้บริโภครักษ์โลก-ดูแลสุขภาพ
รายงาน Tetra Pak Index 2019 ยังระบุถึงผู้บริโภค 6 กลุ่มที่ให้ความสำคัญเรื่องสุขภาพและสิ่งแวดล้อม แต่ละกลุ่มมีลักษณะแตกต่างกันทั้งความเชื่อและค่านิยม รวมทั้งแรงผลักดันและความมุ่งมั่นในการเปลี่ยนแปลง
1 Active Ambassadors นำเทรนด์ สัดส่วน 8% จัดเป็นกลุ่มผู้นำสังคมที่ลุกขึ้นมาจุดกระแสการทำกิจกรรมเรื่องดูแลสิ่งแวดล้อม เก็บขยะ แยกขยะ รีไซเคิล เรียกว่าเป็นกลุ่มรักษ์โลกตัวจริงเสียงจริง

2 Planet Friends รักษ์โลก สัดส่วน 14% เป็นกลุ่มที่พร้อมสนับสนุนการดูแลสิ่งแวดล้อม เพราะเชื่อว่าทำแล้วดีต่อโลกและสังคมที่อยู่อาศัย แต่กลุ่มนี้ยังไม่ถึงขั้นลุกขึ้นมาจุดกระแสนำเทรนด์แต่พร้อมทำตามเทรนด์รักษ์โลก

3 Health Conscious ใส่ใจสุขภาพ สัดส่วน 10% ให้ความสำคัญกับอาหารสุขภาพ โดยเฉพาะเทรนด์ “ออร์แกนิก” ที่จะเป็น Big Word ทำให้เกิด Brand Value ในกลุ่มผู้บริโภคสายเฮลท์ตี้

4 Followers ตามเทรนด์ สัดส่วน 31% เป็นกลุ่มที่รับรู้ (Awareness) ประเด็นการดูแลสิ่งแวดล้อม แต่ไม่แอกทีฟเท่ากับกลุ่มที่นำเทรนด์และกลุ่มรักษ์โลก แต่ก็พร้อมปฏิบัติตาม

5 Sceptics เฉพาะกลุ่ม สัดส่วน 18% มองเรื่องการดูแลสิ่งแวดล้อมเป็นแค่กระแส จึงไม่คิดที่จะทำตาม ใช้ชีวิตบริโภคเหมือนเดิม และมีความคิดเชิงลบต่อกระแสเรื่องสิ่งแวดล้อม

6 Laggards เปลี่ยนอย่างช้าๆ สัดส่วน 18% เป็นกลุ่มที่อยู่ในอาการมึน งง กับประเด็นการดูแลสิ่งแวดล้อม แม้จะรับรู้เรื่องนี้ แต่ก็ไม่ได้ทำตาม แต่หากต้องการให้กลุ่มนี้ทำตาม ต้องมาจากถูกกดดันทางสังคม หรือมีกฎหมายบังคับให้ปฏิบัติ
จากเทรนด์ผู้บริโภค 2020 “แบรนด์” ที่ประสบความสำเร็จในอนาคต จะต้องแสดงให้เห็นถึงเป้าหมายและการมีส่วนร่วมเชิงบวกต่อสังคมด้านสิ่งแวดล้อมและตอบโจทย์สุขภาพ นอกเหนือจากการนำเสนอสินค้าและบริการที่ดี


กำลังโหลดความคิดเห็น