xs
xsm
sm
md
lg

เปิดตัว SROI วัดผล CSR มาตรฐานโลก ดูคุณค่า-คุ้มค่า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เดินหน้า Social Value International เชื่อมเครือข่ายองค์กรสากลที่มุ่งส่งเสริมมาตรฐานการประเมินคุณค่าทางสังคม
จัดหลักสูตรอบรมผู้เชี่ยวชาญไทยตามกรอบ SROI สากลที่มุ่งส่งเสริมมาตรฐานการประเมินคุณค่าทางสังคม
ผู้บริหารกิจการชั้นนำและรัฐวิสาหกิจเข้าอบรมคึกคัก หวังได้เครื่องมือประเมินบทบาท CSR ตอบโจทย์เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน


SROI มาตรฐานโลก คืบหน้าในประเทศไทย
เมื่อเร็วๆ นี้ ในประเทศไทย Social Value International ซึ่งมีเครือข่ายองค์กรชั้นนำทั่วโลกกว่า 700 องค์กรร่วมกับกิจการเพื่อสังคมไนส์คอร์ป หรือ NISE จัดตั้ง Social Value Thailand เพื่อจะยกระดับมาตรฐานการประเมินและสะท้อนคุณค่าทางสังคมสู่ประเทศไทย ตลอดจนให้เกิดการพัฒนาเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญในสาขาหน่วยงานต่างๆ ล่าสุดเตรียมเปิดหลักสูตร Social Return on Investment (SROI) Accreditation Training เป็นครั้งแรกในภูมิภาคอาเซียน
หลายคนอาจจะยังไม่เข้าใจว่า SROI (Social Return on Investment) หรือแนวทางการประเมินผลตอบแทนทางสังคมนั้นเป็นทั้งหลักการและมาตรฐานกระบวนการในการวัดประสิทธิภาพของการดำเนินงานขององค์กร/โครงการ/กิจกรรมที่ครอบคลุมมิติ “คุณค่าทางสังคม” ซึ่งต่างจากรายงานผลประกอบการขององค์กร หรือโครงการส่วนใหญ่ที่สะท้อนเพียงมิติของผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ
ปัจจุบันนานาอารยประเทศเร่งขับเคลื่อนมาตรฐาน SROI ผ่านเครือข่าย Social Value International ตามวัตถุประสงค์ร่วมกำหนดมาตรฐาน และพัฒนาบุคลากรผู้เชี่ยวชาญในการประเมินคุณค่าทางสังคม (Social Value Practitioner) และพยายามขยายการดำเนินงานร่วมกับภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลกเพื่อรวบรวมฐานข้อมูล พัฒนามาตรฐานตลอดจนสร้างการยอมรับอย่างกว้างขวางทั้งในภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคสังคม
สกุลทิพย์ กีรติพันธวงศ์
เปิด 2 หลักสูตร SROI มิ.ย.นี้
สกุลทิพย์ กีรติพันธวงศ์ กรรมการผู้จัดการกิจการเพื่อสังคมไนส์คอร์ป หรือ NISE เปิดเผยว่า หลักสูตร Social Return on Investment (SROI) Accreditation Training เปิดอบรม 2 หลักสูตรๆ ละ 2 วัน คือ หลักสูตรภาษาอังกฤษ เปิดอบรมวันที่ 5-6 มิ.ย. และ 9-10 มิ.ย. หลักสูตรภาษาไทยเปิดอบรมวันที่ 19-20 มิ.ย. และ 23-24 มิ.ย. ทั้งสองหลักสูตรจะนำเสนอกรอบแนวคิดของทฤษฎีการเปลี่ยนแปลง (Theory of Change) ซึ่งเป็นหัวใจของการกำหนด วิธี/กลยุทธ์การดำเนินโครงการ นำเสนอหลักการ SROI Principle
ที่สำคัญในการดำเนินโครงการถึงแม้จะไม่มีการวัดผลรายงาน การนำหลักการไปเป็นกรอบในการบริหารโครงการด้านสังคมก็ช่วยให้เกิดความคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น ให้ความสำคัญของการดำเนินโครงการที่นำผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเป็นแกนกลางสำคัญในการทำงาน ตลอดจนการให้เทคนิคในการจัดทำ Impact Value Chain ตลอดห่วงโซ่ของผลกระทบ เพื่อให้การวัดผลไม่ซ้ำซ้อน (Double Counting) นอกจากนั้น ผู้เข้าอบรมยังลงลึกถึงการประเมินมูลค่าทางสังคมเทียบกับมูลค่าทางการเงิน (Value for Money) และการหาค่าตัวแทนทางการเงินที่เหมาะสม (Financial Proxy) การนำเสนอกรณีศึกษาของผู้เข้าร่วมหลักสูตรตัวต่อตัว และการแลกเปลี่ยนกรณีศึกษาของผู้ร่วมหลักสูตร ทำให้ผู้เรียนรู้ได้เพิ่มพูนทักษะ และนำแนวทางไปประยุกต์ใช้ได้จริง
ทั้งนี้ ผู้เข้าอบรมในหลักสูตรดังกล่าวจะได้รับประกาศนียบัตรจาก Social Value International (สำหรับหลักสูตรภาษาอังกฤษ) และจาก Social Value Thailand ร่วมกับ HK Social Impact Analyst : HKSIA (สำหรับหลักสูตรภาษาไทย) และยังได้รับสมาชิก 1 ปี ในการเข้าถึงเครือข่าย ฐานข้อมูล SROI จาก Practitioner ทั่วโลก
ผู้เข้าอบรมจะเข้าใจถึงเครื่องมือวัด SROI เหมาะกับองค์กรยุคใหม่อย่างไร สามารถนำไปเป็นเครื่องมือช่วยผู้บริหารตัดสินใจในการดำเนินงาน/กิจกรรม/โครงการ ที่สะท้อนถึงความคุ้มค่าของโครงการ จากมุมมองของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างครบถ้วน นอกจากมุมมองของผู้ทำโครงการซึ่งทำให้เกิดการบริหารงานในภาพรวมที่สร้างผลลัพธ์สูงสุด (Portfolio Management)
“มิใช่เพียงการคาดการณ์ผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น แต่ SROI ยังแทรกในกระบวนการบริหารงานในระดับปฏิบัติ ที่ทำหน้าที่ติดตามควบคุมผลลัพธ์เป้าหมายที่คาดหวัง ตลอดจนเป็นกระบวนการบริหารงานข้อมูลที่นำไปสู่การวางแผนเชิงกลยุทธ์ การปรับแผน/รูปแบบกิจกรรมให้สอดคล้องกับการสร้างผลลัพธ์ตลอดการดำเนินโครงการ (Monitoring & Managing) เราจึงคาดหวังจะช่วยเปลี่ยนแปลงมุมมองทางการเงินสู่การสะท้อนความคุ้มค่าและความยั่งยืนของการดำเนินงานองค์กรที่ครอบคลุมผลประกอบการในมิติทางสังคม (ESG Index)” สกุลทิพย์ กล่าว

ทั่วโลกขานรับมาตรฐาน SROI
สกุลทิพย์ กล่าวถึงนานาอารยประเทศได้ขับเคลื่อนมาตรฐาน SROI กันแล้ว ที่น่าสนใจ เช่น ประเทศอังกฤษออกกฏหมาย Social Value Act ในปี 2013 โดยมีสาระสำคัญในการส่งเสริมหน่วยงานภาครัฐที่กำกับบริการสาธารณะของประเทศในการขยายผลดีทั้งในมิติสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม ในกระบวนการจัดหาบริการสาธารณะ โดยครอบคลุม ทั้งในส่วนรัฐบาลกลางในการจัดซื้อวงเงินที่เกินกว่า 5.6 ล้านบาท และส่วนราชการ อื่นๆ รวมในวงเงินที่เกิน 8.6 ล้านบาท
ด้านรัฐบาลสก๊อตแลนด์ จัดโครงการระดับประเทศในการยกระดับมาตรฐานการทำงานขององค์กรในภาคสังคม (Third Sector) โดยพัฒนากรอบมาตรฐานและแนวทางปฏิบัติ สร้างความเข้าใจให้กับภาครัฐ ภาคเอกชน และสังคมในวงกว้าง ในการมีส่วนร่วมในการสนับสนุนการประเมินผลตอบแทนทางสังคม ตลอดจนส่งเสริมให้หน่วยงานกำกับ/กองทุนกำหนดแนวทางการการสนับสนุนงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพตลอดกระบวนการบริหารโครงการโดยกรอบแนวคิด SROI
โดยจัดทำแคมเปญ Public-Social Partnership (PSP) หรือคล้ายโมเดลประชารัฐของบ้านเรา ในการส่งเสริมการพัฒนาสังคมในพื้นที่โดยอาศัยความร่วมมือระหว่างหน่วยงานแกนนำในภาครัฐและและแกนนำในภาคสังคม และรวมถึงการเชื่อมโยงภาคีต่างๆในภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง 10 โมเดลนำร่องของประเทศ เพื่อนำเสนอแนวทางในการจัดสรรบริการสาธารณะที่จะเปลี่ยนแปลงสร้างผลกระทบที่ดีต่อสังคมมากขึ้นและตรงตามความต้องการของสังคมอย่างแท้จริง โดยเปิดโอกาสให้ความร่วมมือในการนำเสนอโมเดลนำร่องดังกล่าวนำสู่การเปลี่ยนแปลงระเบียบและรูปแบบการให้บริการของภาครัฐที่ดีขึ้นโดยตลอดระยะเวลาการดำเนินโครงการนำร่องนั้นจะต้องมีกรอบการวัดประเมินติดตามโดยใช้ SROI
นอกจากนั้น รัฐบาลยังได้ใช้กรอบ SROI ในการพิจารณาเลือกแนวทางการดำเนินโครงการจัดสรรที่อยู้อาศัยสำหรับผู้สูงอายุและ จัดสรรงบประมาณแผ่นดิน ที่ส่งผลความคุ้มค่า ถึง 5 เท่าของการลงทุน ขณะที่ในประเทศออสเตรเลีย ภาครัฐได้ใช้ SROI ในการพิจารณาคัดเลือกผู้ให้บริการปรับปรุงพื้นที่ชายฝั่ง Barangaroo กว่าหลายพันล้านดอลลาร์ ที่ได้พิจารณาจัดสรรโดยนำเกณฑ์ผลตอบแทนทางมิติสังคมมาพิจารณาด้วยเช่นกัน

เครื่องมือนี้ ตอบโจทย์ใคร
ภาครัฐ นำไปใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารงบประมาณและวางแผนกลยุทธ์การดำเนินงานที่ครอบคลุมมิติความคุ้มค่า และสะท้อนผลดีต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ตลอดจนช่วยวิเคราะห์และขยายผลสัมฤทธิ์ทางสังคมผ่านกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง
ภาคเอกชน เป็นเครื่องมือในการพัฒนากลยุทธ์ในการดำเนินงานทางสังคม บริหารติดตาม ปรับปรุงแนวทางดำเนินงานเพื่อสะท้อนกลยุทธ์เป้าหมายขององค์กร เสริมกระบวนการสื่อสารกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ตลอดจนสร้างความน่าเชื่อถือต่อองค์กร/กิจกรรมโครงการเพื่อสังคมที่เกิดประโยชน์และผลสัมฤทธิ์ที่ชี้วัดได้จริง
ภาคสังคม เสริมสร้างความน่าเชื่อถือขององค์กร พัฒนายกระดับมาตรฐานการดำเนินงานด้านสังคมขององค์กร เสริมสร้างความมั่นใจแก่ผู้ให้ทุน ความร่วมมือภาคีเครือข่าย
หน่วยงานกำกับ / กองทุน ช่วยในกระบวนการกำกับบริหารเป้าหมายและผลสัมฤทธิ์ของหน่วยงาน/โครงการ/กิจกรรม ของหน่วยงานในกำกับ/หน่วยงานรับทุน ช่วยการบริหารความเสี่ยงในภารวมของการบริหารงาน ตลอดจนส่งเสริมพัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินงานขององค์กร
นักลงทุน ช่วยกำหนดและบริหารแผนกลยุทธ์การลงทุน

จะเห็นว่ามาตรฐาน SROI ช่วยวางกรอบมาตรฐานกระบวนการติดตามสื่อสารอย่างเป็นระบบกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อให้ผลการประเมินได้การยอมรับ และเกิดประโยชน์ต่อการออกแบบโครงการและเกิดอิมแพคที่แท้จริง (Improve Communication & Transparency) ทำให้ผู้ปฏิบัติงาน มีเครื่องมือ/เป้าหมายร่วมกับหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องทั้งภายในและภายนอกองค์กร ในการรวบรวมข้อมูลผลลัพธ์/การเปลี่ยนแปลงทางสังคม ที่โครงการคาดหวัง
ดังนั้น SROI จะช่วยสร้างสัมพันธภาพและสร้างกระบวนการให้ผู้เกี่ยวข้องกำหนดเป้าหมายและมีความเป็นเจ้าของร่วมในการขับเคลื่อนโครงการ เสริมสร้างการทำงานร่วมกับชุมชน สังคมต่างๆขององค์กรได้อย่างมีประเสิทธิภาพมากขึ้น (Increase Stakeholder Engagement) ทำให้เกิดประเมินได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่เป็นอิสระที่รวมตัวจากเครือข่ายของผู้เชี่ยวชาญทั่วโลก สร้างความน่าเชื่อถือของการรายงานผลลัพธ์ทางสังคม (Credibility)
ส่วนกิจกรรม CSR/งานพัฒนาสังคม การกุศลต่างๆ ก็ได้เครื่องมือในการออกแบบรูปแบบกิจกรรมที่จะสร้างประสิทธิผลสูงสุด สร้างประโยชน์ Impact ต่อสังคมอย่างแท้จริง ตลอดจนมีการบริหารจัดการทรัพยากรอย่างคุ้มค่า
สุดท้ายทำให้เกิดเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญงานสังคมที่มีเครื่องมือและมุมมองทางเศรษฐกิจมากขึ้นในประเทศไทยเพื่อการสร้างความเข้มแข็งและขับเคลื่อนภาคส่วนสำคัญของประเทศสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน
ดร.พิพัฒน์ ยอดพฤติการ
ไทยพัฒน์-ซีพีเอฟ หนุนองค์กรใช้
ดร.พิพัฒน์ ยอดพฤติการ ผู้อำนวยการสถาบันไทยพัฒน์ กล่าวว่าการวัดผลสัมฤทธิ์ของการพัฒนาสังคมให้เป็นรูปธรรม ถือเป็นเรื่องดี และมีความท้าทายอยู่มาก เนื่องจากบรรทัดสุดท้าย (Bottom Line) ของการพัฒนาสังคม ไม่ได้เป็นเพียงตัวเลขที่แสดงถึงผลประกอบการว่ามีกำไร/ขาดทุน เหมือนบรรทัดสุดท้ายในทางธุรกิจ เช่น อัตราการเข้าถึงโภชนาการที่ดีของกลุ่มเป้าหมาย อัตราการละเมิดด้านแรงงาน หรือการคุกคามทางเพศที่ลดลง หรือการไม่เลือกปฏิบัติ หรือกรณีทุจริตและการติดสินบนที่ลดลง เป็นต้น
ด้วยเหตุที่ผลลัพธ์ทางสังคม ไม่ได้เป็นตัวเลขทางการเงินเสมอไป จึงมีความพยายามในการแปลงผลลัพธ์ดังกล่าวเป็นหน่วยเงิน หรือคำนวณผลได้นั้นให้เป็นตัวเลขทางการเงิน โดยเทียบกับทรัพยากรที่ใช้ไปในรูปของผลตอบแทนทางสังคม (Social Return) ต่อหน่วยของเงินลงทุน (Investment) และเป็นที่มาของเครื่องมือ Social Return on Investment (SROI)
ดังกล่าว ผู้ที่จะนำเครื่องมือนี้ไปใช้ จำเป็นที่จะต้องเข้าใจถึงความแตกต่างระหว่าง การประเมินค่า (Evaluation) กับการวัดผล (Measurement) ก่อนเป็นเบื้องต้น SROI จัดอยู่ในกลุ่มของเครื่องมือประเมินค่า ที่อาศัยตัวแทนค่า (Proxies) ทางการเงิน เพื่อแปลงผลลัพธ์จากโครงการเพื่อสังคม (ซึ่งเป็น CSR-after-process ในมุมขององค์กรธุรกิจ) ให้เป็นตัวเลข โดยตัวแทนค่าทางการเงินที่เลือกมาคำนวณ จะขึ้นอยู่กับดุลพินิจผู้ประเมิน ซึ่งอาจมีความแตกต่างกันในการประเมินโครงการเดียวกัน
วุฒิชัย สิทธิปรีดานันท์
ขณะที่ วุฒิชัย สิทธิปรีดานันท์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและการพัฒนาอย่างยั่งยืน บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ กล่าวเสริมว่า โดยเฉพาะบริษัทขนาดใหญ่ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ มุ่งมั่นที่จะสร้างความยั่งยืนให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย ดังนั้น ในการทำธุรกิจที่สอดคล้องกับการสนับสนุนสังคม พร้อมทั้งมีตัวชี้วัดที่ชัดเจนย่อมเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการประเมินผลกระทบทั้งเชิงบวกและเชิงลบ ทำให้สามารถรับรู้ถึงคุณค่าของโครงการที่บริษัทได้ลงทุนไป โดยเฉพาะการได้ใช้เครื่องมือวัดที่มีประสิทธิภาพ จะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นและเป็นแนวทางที่สามารถสร้างการยอมรับได้
อย่างไรก็ตาม การใช้เครื่องมือ SROI จะต้องเตรียมความรู้ ความเข้าใจให้กับผู้ที่ต้องพัฒนางานทางสังคม โดยคำนึงถึงบริบทแวดล้อมของแต่ละพื้นที่ ซึ่งมีปัจจัยที่แตกต่างกัน เพื่อให้เกิดผลต่อแนวทางการสร้างความยั่งยืนในที่สุด
กำลังโหลดความคิดเห็น