สนช.ถกร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 61 รวม 2.9 ล้านล้าน ร่วม 8 ชม. นายกฯ ยันยังไม่คิดขึ้นภาษี คาดปีหน้าเก็บได้ 2.56 ล้านล้าน ถามกระจายตำรวจไปท้องถิ่นเข้มแข็งดีแล้วหรือไม่ รบกันเองทำอย่างไร ลั่นพร้อมสอบหากหาคนจ่ายวิ่งเต้นได้ ยัน พ.ร.บ.สื่อไม่ได้จำกัดสิทธิ์ รับด้าน สธ. สิ่งแวดล้อม การศึกษา แย่แต่ไม่เลวร้าย แก้ราชการค้างค่าไฟใน 3 เดือน ไม่มีอะไรได้มากเปล่าๆ ถ้าไม่ลงทุน ก่อนที่ประชุมมีมติเอกฉันท์ 216 เสียงรับหลักการ
วันนี้ (8 มิ.ย.) ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้พิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2561 จำนวน 2.9 ล้านล้านบาท ที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า งบประมาณ 2.9 ล้านล้านบาท เป็นหนึ่งในความพยายามขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ นโยบายสำคัญเร่งด่วน เป็นประโยชน์ต่อประชาชน โดยเป็นการจัดทำงบประมาณแบบงบขาดดุลเพราะการใช้จ่ายภาครัฐยังมีความจำเป็น ต้องการทำให้เกิดการจ้างงานหมุนเวียนเศรษฐกิจ สนับสนุนประเทศฟื้นตัว เกิดการปฏิรูปโครงสร้างอย่างเป็นรูปธรรม พัฒนาขีดความสามารถธุรกิจ
“สำหรับการจัดเก็บรายได้ รัฐบาลยังไม่มีความคิดที่จะขึ้นภาษีเงินได้ หรือ VAT เพื่อเพิ่มรายได้ ให้รัฐในเวลานี้ แต่ก็พยายามปฏิรูประบบการจัดเก็บภาษีอื่นๆ ให้สอดคล้องกับสภาพสังคมเพื่อไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำ โดยคาดว่า ปี 2561 รัฐจะจัดเก็บรายได้ 2.56 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน ร้อยละ 3.4 หลังหักการจัดสรรภาษีมูลค่าเพิ่มให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแล้วเหลือ 2.45 ล้านล้านบาท และกู้เพิ่มเพื่อนำมาชดเชยการขาดดุล 4.5 แสนล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 2.8 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประทศ ซึ่งการขาดดุลดังกล่าวอยู่ในระดับเหมาะสมไม่กระทบต่อวินัยฐานการคลัง” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ปี 2561 เศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวร้อยละ 3.3-4.3 เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปี 2560 ทั้งจากปัจจัย การส่งออก การบริการ และเศรษฐกิจการค้าโลก รวมถึงอุปสงค์ในประเทศเพิ่มต่อเนื่อง และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐและการลงทุนเอกชนที่ขยายตัว การใช้จ่ายของภาคครัวเรือน โดยการจัดทำงบประมาณเป็นตามกรอบโดยน้อมนำเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ควบคู่กับแนวนโยบายที่เคยแถลงต่อรัฐสภาและแผนพัฒนาเศรษฐกิจ ฉบับที่ 12 ซึ่งจากงบประมาณ 2.9 ล้านล้านบาท เป็นงบประมาจำ 2.15 ล้านล้านบาท หรือร้อยละ 74 ของงบทั้งหมด งบลงทุน 6.59 แสนล้านบาท หรือร้อยละ 22.8 ของงบทั้งหมด และงบสำหรับชำระคืนต้นเงินกู้ 8.6 หมื่นล้านบาท หรือร้อยละ 3
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ที่ผ่านมามีการเร่งรัดการใช้งบประมาณที่ไม่สอดคล้องกับหลักการ เรื่องหนี้สาธารณะ งบค้างท่อ เพื่อนำงบไปทำภารกิจเร่งด่วน โดยต้องมีเหตุผลเพียงพอ ส่วนโครงการขนาดใหญ่ ที่ติดปัญหาประชาพิจารณ์ก็ให้ซอยโครงการขนาดเล็ก เพื่อให้เริ่มโครงการได้ ซึ่งรัฐบาลจำเป็นต้องจัดงบให้กรอบยุทธศาสตร์ชาติ โดยเฉพาะยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง ที่เราจำเป็นต้องมีอาวุธยุทโธปกรณ์เพื่อป้องปราบการคุกคามที่อาจเกิดขึ้น
มีรายงานว่า ในช่วงหนึ่งของการชี้แจง พล.อ.ประยุทธ์ได้กล่าวถึงการปฏิรูปตำรวจว่า วันนี้มีแนวคิดการปฏิรูปตำรวจกี่แนวคิด ถามว่าถ้าตำรวจแย่มากจะอยู่กันได้หรือไม่ ถ้าเสนอให้กระจายอำนาจไปยังท้องถิ่นขอถามว่าวันนี้ท้องถิ่นเข้มแข็งแล้วหรือไม่ หากอนาคตมีตำรวจท้องถิ่นแล้วเกิดรบกันเองจะทำอย่างไร เรื่องนี้ต้องเดินไปทีละขั้นหรือไม่ ไม่แน่ใจ รวมถึงข้อเสนอแยกงานสอบสวน ขอให้ทุกคนช่วยคิดด้วย นอกจากนี้กรณีปัญหาการแต่งตั้ง หากหาได้ว่าใครจ่ายเงินเพื่อโยกย้ายตำแหน่งตนจะสอบสวนให้ทั้งหมด
นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงการเสนอข่าวสารของสื่อมวลชนว่ามีอยู่วิชาชีพหนึ่งที่ไม่ยอมดูกันเอง ทั้งที่บอกว่าจะดูแลกันเอง แล้วดูแลกันได้หรือไม่ แต่ไม่ยอมให้ตั้งอะไรทั้งสิ้น แล้วเป็นอย่างไรข่าวไอ้เปรี้ยวลงมา 3 อาทิตย์แล้วเต็มไปหมด ทำให้กระเป๋าลายขายดีอีก เด็กๆ ซึมซับไม่รู้อะไรผิดถูก ตนเคยคุยกับสื่อแล้ว เขาบอกว่าไม่เสนอก็ตกข่าวเพราะฉบับอื่นเสนอหมด อย่างนี้สมาคมสื่อดูแลกันได้หรือไม่ ไปหารือกันให้ได้ เพราะสมาคมบอกว่าดูแลกันเองได้ พ.ร.บ.สื่อไม่ได้จำกัดสิทธิ ให้สื่อคุมกันเอง ถ้าคุมไม่ได้ สมาคมสื่อโดนด้วย
“การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2561 เป็นความตั้งใจ และความพยายามของรัฐบาลในการวางแผนและจัดทำงบประมาณอย่างรอบคอบโปร่งใส ไม่ใช่ไปบังคับให้ทำเพื่อสืบอำนาจ คสช. เราต้องชี้แจงให้ประชนเข้าใจว่า ต้องกระจายความเจริญให้เท่าเทียมกันหวังเป็นอย่างยิ่งว่า สมาชิก สนช.จะรับหลักการร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ เพื่อให้รัฐบาลยึดเป็นหลักในการใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินอย่างคุ้มค่าโปร่งใส เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติและประชาชนต่อไป” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยังชี้แจงถึงด้านสาธารณสุข สิ่งแวดล้อม และการศึกษาว่า หลายคนบอกว่าแย่ก็แย่จริง แต่ไม่เลวร้ายซึ่งตนรู้ทุกปัญหา วันนี้ต้องการให้ทุกคนดูในสิ่งที่ดี สิ่งที่ไม่ดีแก้ไขได้ ส่วนกระทรวงกลาโหม น่าจะพัฒนาการสร้างเรือดำน้ำเองจะได้ไม่ต้องไปซื้อเขา แต่ใครจะกล้าดำลงไปยังไม่รู้เลย ส่วนเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับ ธ.ก.ส.ตนพร้อมรับฟัง และจะแก้ปัญหาให้ รวมถึงปัญหาหน่วยงานราชการค้างค่าไฟต้องเร่งแก้ไข โดยให้ไปจ่ายภายใน 3 เดือน โดยไม่ต้องมาทวงอีก ทุกเรื่องที่สมาชิกเป็นห่วงตนรับทุกเรื่องไม่ได้โกรธใครเลย วันนี้รัฐบาลทำหลายอย่างมีคณะกรรมการขับเคลื่อน 6 คณะ ทุกคณะทำงานหมด ก่อนจะทำให้โลกสวยจะต้องทำให้อากาศปลอดโปร่งก็ท้องฟ้าแจ่มใสก่อน ดังนั้น ต้องรู้จักให้จึงจะเป็นผู้รับได้มากขึ้น ไม่มีอะไรได้มากเปล่าๆ ถ้าไม่ลงทุน ถ้าไม่คิดเปลี่ยนแปลงการปฏิรูปสิ่งใหม่ๆ ก็จะไม่เกิดขึ้น ตนหวังว่าสมาชิกจะให้การสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ เพื่อเป็นแนวทางให้รัฐบาลดำเนินการใช้จ่ายงบประมาณ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
จากนั้น เวลา 18.10 น. ที่ประชุมได้มีมติเอกฉันท์ 216 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง รับหลักการร่าง พ.ร.บ.รายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 พร้อมตั้ง กมธ.วิสามัญ จำนวน 50 คน เพื่อพิจารณาต่อไป รวมเวลาการปภิปรายทั้งสิ้น 8 ชม.