xs
xsm
sm
md
lg

เรียนรู้ DNA ดร.ป๋วย ชู SME น้ำดี ยกระดับวงการ / ดร.สุวัฒน์ ทองธนากุล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ในโอกาสครบ 100 ปีชาตกาลของอาจารย์ป๋วย อึ๊งภากรณ์ เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2559 บรรดาลูกศิษย์และผู้ที่เคารพศรัทธา ที่สังกัดในสถาบันหลายแห่ง เช่น มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และธนาคารแห่งประเทศไทย ได้จัดกิจกรรมทางวิชาการและจัดพิมพ์หนังสือประมวลแนวคิดรวมทั้งผลงานเพื่อการเรียนรู้ เป็นการรำลึกถึงเกียรติคุณของท่านอย่างคึกคัก
ภายในงานเปิดอนุสาวรีย์ อาจารย์ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ณ ชั้นล่าง อาคารคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดย ศ.(พิเศษ) นรนิติ เศรษฐบุตร นายกสภามหาวิทยาลัย และบุคคลจากหลายวงการซึ่งเคยเป็นศิษย์และผู้ร่วมงานกับอาจารย์ป๋วย มาร่วมงานมากมาย
บนเวทีสัมมนา ณ หอประชุมศรีบูรพา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (จากซ้ายไปขวา) ดร.สกนธ์ วรัญญวัฒน คณบดี คณะเศรษฐศาสตร์ มธ. ดร.วิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ดร.ณรงค์ชัย อัครเศรณี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี นพ.ธีระเกียรต์ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ดร.สมคิด เลิดไพฑูรย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ประธานสถาบันป๋วย อึ๊งภากรณ์ ดร.ยงยุทธ ยุทธวงศ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี
ครั้นเมื่อองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือUNESCOประกาศยกย่องให้ศาสตราจารย์ ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ เป็น “บุคคลสำคัญของโลก” ด้านการศึกษาและด้านสังคมและมนุษยศาสตร์
คณะกรรมการบริหารของ UNESCOได้มีคำสดุดีสรุปเสนอต่อที่ประชุมใหญ่ ดังนี้
“ดร.ป๋วย ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นบิดาแห่งการพัฒนาเศรษฐกิจไทย ยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 อีกทั้งเป็นนักการศึกษาและข้าราชการที่โดดเด่นและมีจริยธรรมดีอย่างหาที่ติมิได้ จนเป็นที่ยอมรับว่ามีอิทธิพลอย่างมากในการพัฒนาประเทศชาติ ท่านเป็นแกนกลางในการวางรูปแบบการพัฒนาเศรษฐกิจของไทย และในการปรับปรุงระบบการศึกษาขั้นสูงของประเทศ โดยใช้ความรู้ ความสามารถของท่านในการทำงานทุกชิ้นให้เสร็จได้อย่างถูกทำนองคลองธรรม เป็นความสำเร็จที่น่าชื่นชมเป็นพิเศษ
ลักษณะการทำงานเช่นนี้ ส่งผลต่อพฤติกรรมของอนุชนรุ่นหลังให้เลิกยึดถือแบบอย่างของผู้ที่ได้ความสำเร็จมาจากการโกงกิน ที่ทำทุกอย่างเพื่อประโยชน์ของตนเองและให้กล้ายึดถือความถูกต้องโดยไม่ยอมจำนนต่ออำนาจ
วัตรปฏิบัติของดร.ป๋วย เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางออกไปในระดับภูมิภาคด้วย เห็นได้จากการที่ท่านได้รับรางวัลแมกไซไซ สาขาการบริหารภาครัฐ รางวัลที่เป็นเสมือนรางวัลโนเบลของเอเชีย
ความมุ่งมั่นในการปฏิบัติงานของดร.ป๋วย เป็นเครื่องยืนยันว่า บุคคลเพียงผู้เดียวเท่านั้น ก็สามารถนำความเจริญก้าวหน้ามาสู่ประเทศของตนได้อย่างใหญ่หลวง”
“ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ประธานสถาบันป๋วย อึ๊งภากรณ์ เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลธรรมาภิบาลดีเด่นแห่งปี 2559 ให้ บริษัท ดีไซน์ ออลเทอร์เนทีฟ จำกัด, รางวัลธรรมาภิบาล ด้านการปฏิบัติต่อผู้บริโภคดีเด่น ให้ บริษัท เดลแมกซ์ แมชินเนอรี่ จำกัด,  รางวัลธรรมาภิบาล ด้านการปฏิบัติต่อพนักงานดีเด่น ให้บริษัท สยามสกรู โบลท แอนด์ นัท จำกัด, รางวัลธรรมาภิบาล ด้านการปฏิบัติต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมดีเด่น ให้บริษัท โกลด์มิลค์ จำกัด  โดยดร.วิรไท  สันติประภพ  ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย  ดร.ธวัชชัย ยงกิตติกุล ที่ปรึกษาสมาคมธนาคารไทยและ สุวรรณชัย โลหะวัฒนกุล ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อย ร่วมแสดงความยินดี
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ประธานสถาบันป๋วย อึ๊งภากรณ์ ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการดำเนินงานเรื่องนี้อย่างแข็งขันตั้งแต่ต้นจนสำเร็จได้ขอให้ศ.ดร.อัมมารสยามวาลาเรียบเรียงประวัติและผลงาน จากนั้นเสนอเรื่องโดยกระทรวงศึกษาธิการไปยังองค์กรของสหประชาชาติ
ในปีนี้ที่ประชุมใหญ่ของ UNESCO อนุมัติการยกย่องแก่บุคคลที่มีผลงานดีเด่น จำนวน 41 คน จากการเสนอของประเทศต่างๆ ทั่วโลกมากกว่า 30 ประเทศ ม.ร.ว.ปรีดิยาธรเล่าว่า ได้อ่านบทสรุปผลงานและคุณความดีของผู้ที่ได้รับการยกย่องเกือบทั้งหมด ก็พบว่า บทสรุปสำหรับท่านอาจารย์ป๋วย มีความลึกซึ้งและกินใจมากเป็นพิเศษ
“บทสรุปนี้มิได้เกินเลยจากความเป็นจริงไปเลย ข้อความมีความหมายดีทุกตอน และที่ผมชอบมากที่สุดคือ วลีที่เขียนว่า “a prominent educator and civil servant of impeccable ethics” ซึ่งผมขอแปลว่า “นักการศึกษาและข้าราชการที่มีผลงานโดดเด่นและจริยธรรมดีอย่างไม่มีที่ติ” เพราะจริยธรรมในการทำงานของท่านอาจารย์ป๋วยดีอย่างหาที่ติไม่ได้จริงๆ
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวย้ำถึงประโยคสุดท้ายของคำสดุดีที่ขมวดว่า “The career of Dr. Puey Ungphakorn confirms that a single individual can make significant contributions to the progress of his country” นั่น ก็เป็นข้อเท็จจริงซึ่งทุกคนที่มีใจเป็นธรรมยอมรับว่าเป็นความจริงที่สุด
คุณลักษณะของแนวคิดและวิถีปฏิบัติซึ่งกล่าวได้ว่าเป็น DNA ของอาจารย์ป๋วยก็คือ “หลักธรรมาภิบาล” หรือ Good Governance ซึ่งผมเห็นว่าเป็นจุดยืนสำคัญในการดำเนินชีวิต และการทำงานของท่าน คือ ความซื่อสัตย์ สุจริต ยึดมั่นความถูกต้อง เป็นธรรม โปร่งใสและตรวจสอบได้ รวมทั้งต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันอีกด้วย

ด้วยเหตุนี้เองกลุ่มลูกศิษย์และผู้เคารพศรัทธาในตัวอาจารย์ป๋วยจึงร่วมกันก่อตั้ง “สถาบันป๋วย อึ๊งภากรณ์” เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว เพื่อส่งเสริมคุณภาพสังคมและการพัฒนาชนบท พัฒนาชุมชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แนวปฏิบัติตามหลักธรรมาภิบาล ซึ่งอาจารย์ป๋วยมีความมุ่งมั่นและเป็นตัวอย่างที่ดีมากในเรื่องนี้
เพื่อส่งเสริมให้ภาคธุรกิจนำหลักธรรมาภิบาลมาใช้ในการดำเนินกิจการด้วยความซื่อสัตย์สุจริต (Honesty) เปิดเผย โปร่งใส (Transparency) มีความเป็นธรรมและยุติธรรม (Fairness) มีคุณภาพและประสิทธิภาพ (Quality and Efficiency) สถาบันป๋วย อึ๊งภากรณ์ ซึ่งเห็นความสำคัญของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหรือ SMEs ที่มีจำนวนกว่า 90% ของธุรกิจโดยรวม จึงมีผลการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ จึงได้จัดโครงการมอบรางวัลให้แก่กิจการ SME ที่ดีเด่นด้านธรรมาภิบาลขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อ พ.ศ.2544 เพื่อเป็นกำลังใจและสร้างการรับรู้ตัวอย่างที่ดี
ผลการตัดสินรางวัลธรรมาภิบาลดีเด่นแห่งปี 2559 และดีเด่นแต่ละประเภท ได้แก่

1.บริษัท ดีไซน์ ออลเทอร์เนทีฟ จำกัด
2.บริษัท สยาม สกูร โบลท แอนด์ นัท จำกัด
3.บริษัท เดลแมกซ์แมชินเนอรี่ จำกัด
4.บริษัท โกลด์มิลด์ จำกัด

ข้อคิด....

กระบวนการพิจารณาคัดเลือกธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหรือ SME ที่มีคุณภาพและคุณธรรมขึ้นรับ “รางวัลธรรมาภิบาลดีเด่นแห่งปี 2559 จากสถาบันป๋วย อึ๊งภากรณ์ ร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย พร้อมกับการฉลองวาระ 100 ปีชาตกาลของดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ซึ่งได้รับยกย่อง UNESCO ให้เป็น “บุคคลสำคัญของโลก”
ผู้นำ 4 กิจการ SME ที่ขึ้นรับรางวัลในวันนั้นคงภูมิใจกับเกียรติและการรับรองว่าเป็นกิจการที่มีมาตรฐานความเก่งและดีที่จะก้าวหน้าอย่างยั่งยืนต่อไป
นี่เป็นตัวอย่างที่พิสูจน์ได้ว่ากิจการที่มีจิตสำนึกความรับผิดชอบต่อสังคม ใช้หลักธรรมาภิบาลบริหารกิจการด้วยความซื่อสัตย์และสร้างคุณค่าที่ดีต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องนั้น ไม่ใช่ทำได้เฉพาะองค์กรขนาดใหญ่นั้นไม่จริง
เพราะรางวัลธรรมาภิบาลหรือ CG เป็นเครื่องยืนยันว่ากิจการขนาด SME หรือตัวบุคคลก็สามารถใช้หลักธรรมาภิบาลในการบริหารจัดการได้ ขอเพียงมีความมุ่งมั่นตั้งใจจริง และนี่คือ สิ่งที่สังคมต้องการความยั่งยืนตามกติกาโลกยุคใหม่
suwatmgr@gmail.com
กำลังโหลดความคิดเห็น