วิทยาลัยบริหารธุรกิจ IESE ของมหาวิทยาลัย Navarra ในสเปน ทำการสำรวจ Smart City โดยรวบรวมข้อมูลของเมืองใหญ่ทั่วโลกในหลายๆ มิติ เช่น เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม สาธารณูปโภค ผังเมือง เทคโนโลยี รัฐบาล ฯลฯ แล้วนำมาจัดอันดับหาเมืองที่ Smart ที่สุดในโลก
โดยใช้เกณฑ์ 5 ประการ นำไปประเมินเมืองต่างๆในโลกเป็น Smart City ได้แก่ การประเมินด้วยวิสัยทัศน์ 3 ประการ คือ ประสิทธิภาพ+ความมีชีวิตชีวา+ความยั่งยืน เป็นการผสมผสานระหว่างฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์โซลูชั่น พร้อมกับนำแนวคิดแบบบูรณาการมาใช้ปรับปรุงเมืองโดยรวม มีการหานวัตกรรมใหม่ๆ มาเติมเต็มและการสร้างความร่วมมือร่วมใจระหว่างผู้ประกอบการระดับโลกกับผู้ประกอบการท้องถิ่นเอง
ทีมสำรวจใช้ข้อมูลจากเมืองหลวงและเมืองใหญ่จำนวน 135 เมืองจาก 55 ประเทศ ผลออกมาว่า "โตเกียว" เป็นแชมป์อันดับหนึ่ง ตามด้วยลอนดอน นิวยอร์ก ซูริค ปารีส เจนีวา บาเซิล โอซาก้า โซล และออสโล
ส่วน "กรุงเทพ" ติดอันดับ 66 และถูกจัดอยู่ในกลุ่ม High Potential เมืองอื่นในเอเชียที่อันดับไล่เลี่ยกันคือ กัวลาลัมเปอร์ (56) ปักกิ่ง (62) ปูซาน (72) เซี่ยงไฮ้ (73) ไทเป (81)
สำหรับ 15 เมืองที่ได้รับการยกย่อง ได้แก่ 3 เมืองใหญ่ของจีน ปักกิ่ง เทียนจิน และกุ้ยหยาง, 2 เมืองใหญ่ในมลรัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา คือ เมืองดัลลาส และอุสตัน, 2 เมืองสำคัญของฝรั่งเศส คือ ปารีส และลีออง, 2 เมืองใหญ่ของสเปน คือ มาดริด และบาร์เซโลนา, 2 เมืองใหญ่ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ คือ เมืองอาบูดาบี และดูไบ, 2 เมืองในบราซิล คือ เมืองริโอเดอจาเนโรและ เซา เปาโล รวมถึง เมืองคิวโต ที่ประเทศเอกวาดอร์ และเมืองมุมไบ ที่ประเทศอินเดีย
‘Smart City’ เป็นคำเรียกเมืองที่มีระบบสื่อสาร ด้วยเทคโนโลยี ที่ทำให้คุณภาพในการใช้ชีวิตในเมืองๆนั้นดีขึ้น ลดผลกระทบที่มีต่อสิ่งแวดล้อม และลดการใช้พลังงานของเมืองลง การได้รับคัดเลือกเป็น ‘Smart City’ จำเป็นต้องมีองค์ประกอบเหล่านี้มาพิจารณา รวมถึง ‘smart’ plans แผนฉลาดๆในการพัฒนาเมืองต่อไปในอนาคตด้วย
ผู้สนใจอยากดูอันดับทั้งหมดสามารถอ่านได้จากงานวิจัยต้นฉบับที่เป็นภาษาสเปน (ดาวน์โหลด PDF)
ที่มา - IESE Insight, IESE, Business Insider