xs
xsm
sm
md
lg

สูตรสำเร็จ สร้างชุมชนเข้มแข็ง เกิดศูนย์เรียนรู้ที่อีสาน-เหนือ /ดร.สุวัฒน์ ทองธนากุล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ประธานในพิธี สั่นระฆังเปิด “สถานีปลูกคิดปันสุข” โดยมี ดร.ธาริษา  วัฒนเกส กรรมการ เอสซีจี พร้อมด้วย วีนัส อัศวสิทธิถาวร ผู้อำนวยการสำนักงานสื่อสารองค์กร ร่วมในพิธี ท่ามกลางผู้ร่วมงานที่เป็นเครือข่ายเกี่ยวข้องกับชุมชน
เมื่อเร็วๆ นี้ ผมได้มีโอกาสไปร่วมงานเครือซิเมนต์ไทย หรือ SCG เปิดตัว “สถานีปลูกคิดปันสุข ฮอมผะหญา สาสบหก” ที่ อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง
เป็นการส่งเสริมชุมชนถอดบทเรียนและต่อยอดโครงการ “เอสซีจี รักษ์น้ำเพื่ออนาคต” ที่มีผลสำเร็จจากการสร้างฝายชะลอน้ำ โดยเปลี่ยนวิธีคิด เน้นการพึ่งพาตนเอง จนเกิดเป็นต้นแบบชุมชนเข้มแข็ง พร้อมแบ่งปันให้ชุมชนอื่นๆ ขยายผลเครือข่ายชุมชนเข้มแข็งอย่างยั่งยืนต่อไป
ประธานในพิธี เยี่ยมชมซุ้มแสดงผลิตภัณฑ์ชุมชนที่ร่วมในงาน
ที่เรียกชื่อชุมชน “สาสบหก” เพราะตั้งอยู่บริเวณปากลำห้วยหก ซึ่งเป็นบริเวณที่มีป่าไผ่หกมาก จึงเรียกว่า “สบหก” ส่วนคำว่า “สา” นั้นตั้งให้สอดคล้องกับชื่อขึ้นต้นของหมู่บ้านข้างเคียงในตำบลบ้านสา ปัจจุบันชุมชนนี้มีประชากร 445 คน หรือ 126 ครัวเรือน ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม
ในอดีตผืนป่าห้วยหกถูกทำลายอย่างหนัก จากการตัดไม้เพื่อนำไปทำเชื้อเพลิง เผาป่าเพื่อล่าสัตว์และเก็บของป่า โดยไม่มีการดูแลรักษาและฟื้นฟูผืนป่า ทำให้ห้วยหกมีปริมาณน้ำน้อยไม่เพียงพอต่อการเพาะปลูกในฤดูแล้ง แถมซ้ำเติมด้วยปัญหาน้ำท่วมหมู่บ้านทุกครั้งหลังจากฝนตกใหญ่
พอปี 2550 บ้านสาสบหกเข้าร่วมโครงการ “เอสซีจี รักษ์น้ำเพื่ออนาคต” ที่สร้างฝายชะลอน้ำและป้องกันไฟ ดูแลป่าไม้ในพื้นที่ป่าของหมู่บ้านจนสามารถฟื้นป่าให้ระบบนิเวศกลับมาสมดุล และน้ำในห้วยก็มีปริมาณเพิ่มขึ้น จนนำน้ำจากฝายไปใช้ประโยชน์ด้านการเกษตรภายในชุมชนแล้วยังทำเป็นประปาภูเขาได้อีกด้วย
ตลอดระยะเวลาการดูแลผืนน้ำและผืนป่าที่ผ่านมา ทำให้ชุมชนมีความเข้มแข็งและมีองค์ความรู้เรื่องการบริหารจัดการน้ำ จึงอยากจะแบ่งปันความรู้ให้แก่ชุมชนอื่นๆ ดังนั้น ในปี 2557 ชุมชนสาสบหก และ เอสซีจี ได้ร่วมกันจัดตั้ง “สถานีปลูกคิดปันสุข ฮอมผะหญา สาสบหก” เพื่อถอดบทเรียนการทำงานร่วมกับเกษตรกรและชุมชน และรวบรวมองค์ความรู้ พร้อมตัวอย่างผลสำเร็จจากการสร้างฝายชะลอน้ำ เพื่อเป็นต้นแบบให้แก่ชุมชนอื่นๆ ได้นำไปเป็นแนวปฏิบัติซึ่งจะก่อให้เกิดเครือข่ายชุมชนเข้มแข็งอย่างยั่งยืนต่อไป
มาดูชื่อ “สถานีปลูกคิด” มีคำที่ผมไม่คุ้นก็ได้รับการอธิบายว่า “ผะหญา” แปลว่า ปัญญา ส่วนคำว่า “ฮอม” แปลว่า เอามารวมกัน จึงแปลรวมกันว่า “ชุมชนได้นำปัญญามาร่วมกัน เพื่อแก้ปัญหาและสร้างประโยชน์เพื่อความสุขส่วนร่วมกันของชุมชน”
ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ในฐานะกรรมการอิสระของเอสซีจี เล่าให้ฟังว่า “การสร้างฝายชะลอน้ำนอกจากจะเป็นวิธีการแก้ปัญหาเรื่องน้ำและทำให้ธรรมชาติมีความสมดุลแล้ว ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างความสามัคคีในชุมชน จากการรวมตัวกันคิดวิเคราะห์อย่างเป็นเหตุเป็นผลบนความถูกต้องอย่างมีศีลธรรม เพื่อตัดสินใจแก้ไขปัญหาของชุมชนร่วมกัน”
“ชุมชนสาสบหกได้นำเครื่องมือที่เรียกว่า “กระบวนการงานวิจัยเพื่อท้องถิ่น” โดยมีพี่เลี้ยงจากเอสซีจี ลำปาง และฝ่ายวิจัยเพื่อท้องถิ่น สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) มาปรับใช้ในการทำงานในชุมชน เน้นกระบวนการมีส่วนร่วมของทุกคนในชุมชนเพื่อฝึกการคิดและวางแผนอย่างเป็นระบบ เกิดการต่อยอดไปสู่เรื่องอื่นๆ และสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืนในอนาคต” ดร.สุเมธ กล่าว
เห็นได้ชัดว่ากระบวนการเรียนรู้ของชุมชนสาสบหกเริ่มจากสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นในชุมชนควบคู่กับแรงศรัทธาที่ต้องการรักษาผืนป่าที่ชุมชนหวงแหน ผ่านงานวิจัย “การมีส่วนร่วมของชุมชนในการสืบสานตำนานม่อนก๋องข้าว” ซึ่งเป็นเรื่องเล่าตำนานบรรพบุรุษของชุมชนแห่งนี้ จึงเลือกเป็นหัวข้อของการวิจัย และทุกกิจกรรมที่เกิดขึ้นระหว่างการทำงานวิจัยล้วนสะท้อนให้เห็นถึงกระบวนการคิดอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่เวทีชี้แจงแผนการดำเนินงานและสร้างความเข้าใจ กิจกรรมศึกษาและรวบรวมตำนานม่อนก๋องข้าว การวิเคราะห์ข้อมูลจากการศึกษาเส้นทางประวัติศาสตร์ในพื้นที่จริง การประกวด ขับร้องเพลงซอสืบสานตำนานม่อนก๋องข้าว และการหาแนวทางการถ่ายทอดตำนานสู่สาธารณชน
การสานสุ่มไก่ ชนิดทนทาน ขนาดว่าคนทดลองขึ้นไปยืนได้ ชาวบ้านขายเป็นรายได้เสริม
อาชีพเลี้ยงกบเป็นรายได้เสริมจากเกษตรกรรม
ข้อคิด...
นี่คือตัวอย่างของโครงการ CSR ที่ส่งผลลัพธ์ที่ดีทั้งต่อการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามสไตล์แนวปฏิบัติของ SCG ที่เน้นเป้าหมายเพื่อความยั่งยืน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่เราน่าจะใช้ในการประเมิน คุณค่าผลการดำเนินงานทั้งเพื่อธุรกิจ หรือ เพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมนะครับ
กรณี “สถานีปลูกคิดปันสุข” ซึ่งเป็นเครื่องมือให้ชุมชนเปิดต้อนรับผู้สนใจที่สามารถแวะไปศึกษาเยี่ยมเยือน เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และเรียนรู้การพัฒนาชุมชนให้เข้มแข็ง พึ่งพาตนเองได้
ที่ใช้คำว่า “ปลูกคิด” คือ ให้มีกระบวนการคิดที่ทันสมัย เป็นเหตุเป็นผล คิดนอกกรอบ ใช้ปัญญาแก้ปัญหา เพื่อให้สามารถฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ รู้เท่าทันสังคมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นสิ่งที่พึงช่วยกันส่งเสริม
ส่วนการ “ปันสุข” เมื่อชุมชนพึ่งพาตนเองได้ ก็พร้อมที่จะแบ่งปันประสบการณ์ ทั้งที่เป็นปัญหาอุปสรรคและผลสำเร็จให้กับทุกคนได้นำไปปรับใช้อย่างเหมาะสมกับแต่ละท้องถิ่นชุมชน เพื่อเป้าหมายคือ ความสุขอย่างยั่งยืน
ที่ผ่านมา เอสซีจีได้ร่วมกับชุมชนเปิด “สถานีปลูกคิดปันสุข บ้านเตย” เป็นแห่งแรก ที่ชุมชนบ้านเตย อ.พิมาย จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2557 เพื่อส่งเสริมชุมชนถอดบทเรียนจากโครงการนวัตกรรมเพื่อการฟื้นฟูดินเค็ม
การมีแผนให้สถานีปลูกคิดปันสุข ขยายผลไปยังชุมชนอื่นในภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อสร้างเครือข่ายชุมชนเข้มแข็งและช่วยขับเคลื่อนชุมชนให้สามารถพัฒนาความคิดและพึ่งพาตนเองเพื่อความสุขที่ยั่งยืนต่อไป จึงเป็นเรื่องที่น่าอนุโมทนาด้วยครับ
suwatmgr@gmail.com
กำลังโหลดความคิดเห็น