xs
xsm
sm
md
lg

ไม่เลิกประกาศคสช.97,103 กร้าวใครล้ำเส้นทหารเคลียร์หมด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“ประยุทธ์” ปัดรู้เห็นถอดผู้ดำเนินรายการไทยพีบีเอส เตือนทหารเข้าเคลียร์ได้หมด หากใครทำผิด เผยนัดบิ๊กสื่อฯคุยที่ทำเนียบเร็วๆนี้ ส่วน “บิ๊กป้อม” ไม่สนสื่อฯขอยกเลิกประกาศ คสช. 97,103 กร้าวนายกฯรู้ดีว่าควรทำอะไร เมินพรรคการเมืองขอประชุมพรรคเพื่อเสนอแนวทางยกร่าง รธน. “ญาติวีรชน 35” ซัด รบ.เหลิงอำนาจ ระวังซ้ำรอยพฤษภา 35เตือนสติรัฐบาล-กองทัพพัง เพราะปิดปากสื่อ

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีที่มีนายทหารยศพันเอกเดินทางไปยังสถานีไทยพีบีเอส และสั่งให้ปลดผู้ดำเนินรายการเสียงประชาชนต้องฟังก่อนปฏิรูปว่า ตนไม่ได้สั่งอย่าเอามาพันกัน เท่าที่ทราบทาง คสช.ได้ไปพบผู้จัดรายการและพูดคุยหารือไม่ได้ไปข่มขู่ และปรากฏว่าทางสถานีก็มีการปรับภายในของเขาเอง ยังไม่รู้จักเลยพิธีกรเป็นใคร จะไปไล่คนโน้นคนนี้ออกได้อย่างไร

“ไม่เอาๆ อย่าเลยอันนี้ทุกคนต้องเคารพกติกากันบ้าง ถ้าคุณไปประชุมกับคนเยอะๆ แล้วคุณถามให้มาด่าผม ด่ารัฐบาล หรือด่า คสช. มันถูกไหม ท่านจะปฏิรูปกันอย่างไรก็คุยกันมา ผมก็จะอำนวยความสะดวกการปฏิรูปให้ท่านไปสู่กฎหมายไปสู่รัฐธรรมนูญ ไปสู่อะไรของท่าน แต่อยู่ดีๆท่านมาด่าผมในสิ่งที่มันเกิดก่อนหน้านี้ ผมรับไม่ได้” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

นายกฯบอกสื่อทำงานได้ตามปกติ

ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าสื่อมวลชนยังสามารถทำหน้าที่ได้ตามปกติใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ปกติ แต่ต้องขอความเห็นใจ วันนี้ตนเข้ามาก็ทำงานเยอะ แต่ไม่ใช่จะมาทวงบุญคุณ ที่ผ่านมาหลายรัฐบาลก็มีแผนที่จะปฏิรูปก็ทำไม่ได้ ตนก็อยากให้มันทำได้ และมันก็เริ่มทำได้แล้ว และแทนที่จะไปแก้สิ่งที่เป็นปัญหา ดันมาด่าตน ด่า คสช. ด่ารัฐบาล มันไม่ใช่ ตนทำให้ประชาชนทั้งนั้น อยากให้ช่วยกัน

เมื่อถามว่า แสดงว่า คสช.ไม่ได้สั่งให้นายทหารยศพันเอกไปทำเช่นนั้นใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่มี ตนตรวจสอบแล้ว ตนบอกไว้เลยว่าถ้าใครทำผิดกติกา เขามีทหารไปคุยหมดทุกที่ ส่วนการเชิญผู้บริหารสื่อเข้ามาพูดคุยนั้น กำหนดไว้แล้วที่ทำเนียบรับบาล แต่จำวันไม่ได้ ซึ่งตนเห็นเรื่องเมื่อเช้า

เมื่อถามย้ำว่า นายกฯจะพบผู้บริหารสื่อด้วยตัวเองหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ดูก่อนๆ”

“ป้อม” เมินสื่อขอยกเลิกประกาศ คสช.

ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง และรมว.กลาโหม ในฐานะรองหัวหน้า คสช.กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลและ คสช.กำลังดำเนินการเพื่อให้ประเทศเกิดความปรองดอง สิ่งใดที่ทำให้เกิดความไม่ปรองดองหรือเกิดความแตกแยก เราก็ไม่อยากให้ทำ อยากขอให้พักและรอไว้ก่อน ขณะนี้เรามีสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในการดำเนินการเรื่องนี้ ซึ่งทาง พล.อ.ประยุทธ์เคยบอกไว้แล้วว่า ขอให้รอ 1 ปี ซึ่งเป็นไปตามโรดแมปของ คสช. รัฐบาลชี้แจงมาโดยตลอดว่า ขณะนี้กำลังทำอะไรและ คสช.กำลังทำอะไร ตนไม่เห็นว่าจะมีอะไรตรงไหนที่ทำให้เกิดความไม่พอใจและเกิดความแตกแยกขึ้น ดังนั้นอะไรที่จะทำให้ประชาชนเกิดความไขว้เขวและสับสน จะต้องไม่ทำทั้งสื่อและทุกหน่วยงาน

“ขณะนี้กำลังแก้ปัญหาทุกอย่างที่ผ่านมา กำลังทำให้เกิดความปรองดองไม่ให้เกิดความแตกแยก เพราะฉะนั้นต้องเห็นใจ การที่จะทำให้ประชาชนหรือหน่วยงานไขว้เขวต้องไม่ทำ ผมไม่ต้องบอกว่า สิ่งใดล่อแหลม หรือไม่ล่อแหลม ไม่ต้องอธิบาย เพราะทุกคนต้องเข้าใจ รัฐบาลและคสช.ไม่ได้ดำเนินการนอกเหนือจากกฎหมายและรัฐธรรมนูญ” พล.อ.ประวิตร กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่องค์กรสื่อเรียกร้องให้ยกเลิกประกาศ คสช. ฉบับที่ 97 และ 103 พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลและ คสช.กำลังทำงานอยู่ จะให้ไปยกเลิกอะไร สิ่งใดที่เห็นว่าสามารถผ่อนปรนได้ ก็จะดำเนินการเอง คสช.มีคณะกรรมการและเจ้าหน้าที่ดูแลสถานการณ์ตลอด ไม่จำเป็นต้องมาบอก นายกฯ รู้ดีว่าช่วงเวลาไหนควรดำเนินการอย่างไร

ปิดทางพรรคการเมืองเรียกประชุม

เมื่อถามว่าทางพรรคการเมืองต้องการให้ลดระดับกฎอัยการศึกลง เพื่อให้พรรคการเมืองสามารถประชุมกันได้ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า พรรคการเมืองก็เช่นกัน เราเปิดโอกาสให้มี สปช. และทำไมไม่ไปสมัคร เราเปิดดำเนินการให้ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับกับการปฏิรูป ยอมให้ทุกเรื่องแล้วทำไมต้องไปทำอะไรที่ขัดต่อกฎหมาย ตนไม่เข้าใจ ส่วนข้อมูลที่จะเสนอต่อคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญนั้น ข้อมูลเขียนเมื่อใดก็ได้และก็ส่งไป ไม่จำเป็นต้องรวมตัวกัน 200-300 คน ตนเชื่อว่าหัวหน้าพรรคมีศักยภาพพอ ถ้ามีความสามารถในการเขียนหนังสือได้ ก็ทำได้หมด

ผู้สื่อข่าวถามว่า สภาพความมั่นคงภายในประเทศขณะนี้อย่างไร หลังจาก คสช.เข้ามาบริหารประเทศเกือบ 6 เดือน พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตนเห็นว่าบ้านเมืองก็มีความสงบ ทุกอย่างถ้าทำไปตามกฎหมายและทำตามที่ คสช.และรัฐบาลแนะนำ มันก็ไม่มีอะไร การทำงานนี่เพิ่งผ่านมา 4-5 เดือน ขอเวลาอีกไม่นาน พอรัฐธรรมนูญเสร็จ ก็ว่ากันไปเลย

องค์กรสื่อไม่สบายใจท่าทีทหาร

วันเดียวกัน ได้มีการประชุมคณะทำงานสื่อเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย หารือถึงกรณีสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ถูกนายทหารกลุ่มหนึ่งกดดันให้ยุติรายการ “เสียงประชาชนต้องฟังก่อนปฏิรูป” โดยมี นายเทพชัย หย่อง นายกสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย เป็นประธานในที่ประชุม ซึ่ง นายเทพชัยเปิดเผยว่า ที่ประชุมเห็นว่ากรณีดังกล่าวเป็นการเข้าข่ายคุกคามสื่อมวลชน แม้จะมีการส่งนายทหารเข้าพบสื่อมวลชนและใช้ภาษาสุภาพ แต่วิธีสื่อสารและเนื้อหาที่พูดคุยส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการปฏิรูป จึงอยากเห็นความชัดเจนจาก พล.อ.ประยุทธ์ ควรสื่อสารกับสังคมเพื่อส่งสัญญาณไปยังผู้ใต้บังคับบัญชาให้ชัดเจนถึงจุดยืนในการไม่ควรมีการปิดกั้นสื่อมวลชนและไม่ควรให้เกิดเหตุการณ์ที่มีนายทหารไปอ้างคำสั่งว่าผู้บังคับบัญชาสั่งการมาอีก

“การประชุมวันนี้เป็นการแสดงความห่วงใยเท่านั้น ยังไม่ถึงขั้นออกแถลงการณ์ แต่จะสื่อไปทางรัฐบาล คสช.ให้เห็นว่าสื่อมวลชนมีส่วนสร้างบรรยากาศการปฏิรูป นอกจากนี้ เสรีภาพของสังคมก็มีส่วนสำคัญที่จะต้องแสดงความคิดเห็นต่อการปฏิรูปได้” นายเทพชัย ระบุ

ส่วนจะมีการเรียกร้องให้สื่อมวลชนเคลื่อนไหวกดดันให้ยกเลิกประกาศ คสช.ฉบับที่ 97 และฉบับที่ 103 หรือไม่นั้น นายเทพชัย กล่าวว่า ขณะนี้สังคมยังมีความหวาดระแวงอยู่ ดังนั้น คสช.จะต้องพิจารณาประกาศฉบับดังกล่าวด้วย

เตือนรัฐบาลอย่าเหลิงอำนาจ

ทางด้าน นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 ได้เรียกร้องถึงประเด็นการใช้อำนาจรัฐแทรกแซงการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนว่า อยากให้ คสช.และรัฐบาลถอดบทเรียนจากเหตุการณ์พฤษภาคม 2535 ว่าเหตุที่ประชาชนลุกฮือขึ้นมา ก็เพราะไม่พอใจที่รัฐบาลขณะนั้นควบคุมปิดกั้นข้อมูลข่าวสาร จนนำไปสู่การชุมนุมประท้วง และเกิดเหตุการณ์รุนแรง จึงไม่อยากให้ คสช.และรัฐบาลเหลิงในอำนาจ เพราะอย่าลืมว่าประชาชนนับล้านๆที่ออกมาชุมนุมประท้วง เสียสละความสุขของตัวเองจนเกิดบาดเจ็บล้มตายสูญเสียเลือดเนื้อและชีวิตจำนวนมาก เมื่อได้อำนาจแล้ว ก็อย่าใช้อำนาจที่ไม่เหมาะสม หรือเกินขอบเขต

“คสช.และรัฐบาลต้องทบทวนบทบาทตัวเองว่า หากไม่ได้รับความร่วมมือจากสื่อสารมวลชน ในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารสู่ประชาชน การปฏิรูปจะสำเร็จหรือไม่ สิ่งที่ปรากฏในขณะนี้คือ สื่อมวลชนได้ให้ความร่วมมือในการนำเสนอความเห็น ความรู้สึก ความเข้าใจของ ประชาชนที่ห่วงใยบ้านเมือง อยากเห็นประเทศชาติได้รับการปฏิรูปอย่างถูกทิศทาง หาก คสช.และรัฐบาล คุกคามและปิดกั้นการทำหน้าที่ของสื่อ ก็เท่ากับจะทำลายความสมานฉันท์และความปรองดองเสียเอง” นายอดุลย์ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น