xs
xsm
sm
md
lg

มูลนิธิเอสซีจี ทำหนังสือภาพ ปลุกสังคมสร้างเด็กดีปฐมวัย / ดร.สุวัฒน์ ทองธนากุล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ธุรกิจชั้นนำในประเทศไทยหลายแห่งจัดตั้งมูลนิธิเพื่อดำเนินกิจกรรมเพื่อส่งเสริมสังคมมาตั้งแต่กระแสความรับผิดชอบต่อสังคมของธุรกิจหรือ CSR ยังไม่ฮิตติดปากอย่างทุกวันนี้
มูลนิธิเอสซีจี นับเป็นองค์กรสาธารณะที่ก่อตั้งโดยบริษัทเอกชนระดับต้นๆ ที่เอาจริงเอาจังด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์โดยเน้นที่เด็กและเยาวชนเป็นสำคัญ
ในวันเปิดตัวหนังสือภาพในโครงการ ‘นำหนังสือดีสู่เด็กไทย’ ปีที่ 7
การเปิดตัวหนังสือภาพในโครงการ ‘นำหนังสือดีสู่เด็กไทย’ ปีที่ 7 มีการนำหนังสือภาพชั้นดีระดับโลก 3 เรื่องมาจัดพิมพ์เป็นภาษาไทย เพื่อให้คนไทยสามารถเข้าถึงหนังสือภาพคุณภาพสูงและเป็นที่นิยมของผู้คนทั่วโลกได้ง่ายขึ้น
ขณะเดียวกันยังได้จัดพิมพ์หนังสือภาพฝีมือคนไทย และหนังสือภาพที่เหมาะกับการเรียนรู้ของเด็กผู้บกพร่องทางการมองเห็น เพื่อจุดประกายครอบครัวไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้ร่วมกันสร้างวัฒนธรรมการเลี้ยงลูกด้วยหนังสือ และปลูกฝังนิสัยรักการอ่านให้กับลูกน้อย
มูลนิธิฯ เน้นย้ำว่า "การเล่านิทาน อ่านหนังสือ" เพียงวันละ10-15 นาที ก็สามารถสร้างช่วงเวลาที่มีคุณภาพของครอบครัวช่วยส่งเสริมพัฒนาการและวางรากฐานของเด็กปฐมวัยให้โตเป็นผู้ใหญ่ที่ทั้งเก่งและดีได้ในอนาคต
ขจรเดช แสงสุพรรณ กรรมการบริหารมูลนิธิเอสซีจี กล่าวว่า "เด็กและเยาวชนคือทรัพยากรที่มีค่าที่สุด เพราะเขาเหล่านั้นคือกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศในอนาคต ฉะนั้นการส่งเสริมและวางรากฐานที่ดีให้แก่เยาวชนถือเป็นเรื่องที่หน่วยงานต่างๆ ควรให้ความสำคัญ
มูลนิธิเอสซีจีจึงรณรงค์ส่งเสริมวัฒนธรรมการเลี้ยงลูกด้วยหนังสือในสังคมไทย มากว่า 10 ปี นับตั้งแต่ปี 2547 เพื่อจุดประกายให้พ่อแม่ และผู้ปกครองหันมาเล่านิทาน อ่านหนังสือให้ลูกน้อยฟัง”
ปีนี้ เราภูมิใจที่ได้เปิดตัวหนังสือภาพชุดใหม่ซึ่งประกอบด้วยหนังสือภาพจากต่างประเทศจำนวน 3 เล่ม ได้แก่ ‘คุณช้างไปเดินเล่น’ ‘แอ๊บเปิ้ลกับผีเสื้อ’ ‘ลูกกระต่ายคืนรัง’ และเล่มที่ 4 เป็นหนังสือภาพสำหรับเด็กโดยนักประพันธ์ไทยเรื่อง ‘ลูกแมวซื้อมันแกว’ เล่มที่ 5 เรื่อง ‘ลูกเต่าสองตัวไม่กลัวไดโนเสาร์’ เป็นหนังสือสื่อภาพนูนอักษรเบรลล์สำหรับเด็กปฐมวัยผู้บกพร่องทางการมองเห็นและสายตาเลือนราง จัดทำเพื่อมอบให้กับโรงเรียนสอนคนตาบอด 12 แห่ง และศูนย์การศึกษาพิเศษมากกว่า 70 แห่งทั่วประเทศ ผ่านศูนย์เทคโนโลยีการศึกษาเพื่อคนตาบอด ด้วยมุ่งหวังให้เด็กที่บกพร่องทางการมองเห็นได้มีโอกาสสัมผัสความสุนทรีย์ เรียนรู้หนังสือภาพชั้นดีเท่าเทียมกับเด็กปกติ อันสะท้อนถึงเจตนารมณ์ที่มุ่งมั่นมูลนิธิเอสซีจีในการถือมั่นในความรับผิดชอบต่อสังคม และเชื่อมั่นในคุณค่าของคน มาโดยตลอด”
โดยเฉพาะปีนี้เป็นปีแรกที่มีการจัดพิมพ์หนังสือภาพสำหรับเด็กของผู้ประพันธ์ภาพคนไทย พร้อมกับหนังสือต่างประเทศที่นำมาแปล เพื่อส่งเสริมการสร้างสรรค์หนังสือสำหรับเด็กไทยโดยคนไทยชื่อเรื่อง ลูกแมวซื้อมันแกว โดย ครูชีวัน วิสาสะ ได้กล่าวถึงหนังสือภาพเล่มนี้ว่า “ปกติหนังสือภาพที่มูลนิธิฯ จัดพิมพ์เป็นชุดหนังสือภาพระดับโลก ดังนั้นการที่จะทำหนังสือภาพของฝีมือคนไทยให้เข้าอยู่ในชุดนี้ได้จึงจำเป็นต้องใช้เวลาในการขัดเกลา กลั่นกรองเนื้อหา เทคนิคภาพ โดยผมได้ดึงเอกลักษณ์ที่เป็นเสน่ห์ในงานที่ผมถนัด คือการเล่นคำคล้องจ้อง เช่น แมว กับ มันแกว และข้อมูลที่สะท้อนวิถีชีวิตของบ้านเรา อ่านสนุก อ่านได้ซ้ำๆ หลายๆ ครั้ง รสชาติคงเหมือนเราทำต้มยำที่เป็นแบบไทยแต่ถูกใจคนทั่วโลก ซึ่งในปีนี้ทางมูลนิธิฯ ได้เริ่มทำหนังสือภาพภาษาไทยโดยคนไทย เชื่อว่าในอนาคตคงจะมีแผนพัฒนาสร้างนักเขียนหนังสือภาพเด็กเพื่อพัฒนาวงการหนังสือภาพสำหรับเด็กในเมืองไทยต่อไปแน่นอน”
หนังสือภาพ ลูกเต่าสองตัวไม่กลัวไดโนเสาร์ เป็นสื่อภาพนูนอักษรเบรลล์สำหรับเด็กปฐมวัยผู้บกพร่องทางการมองเห็น
ส่วนหนังสือภาพเล่มที่ 5 เรื่อง "ลูกเต่าสองตัวไม่กลัวไดโนเสาร์" เป็นสื่อภาพนูนอักษรเบรลล์สำหรับเด็กปฐมวัยผู้บกพร่องทางการมองเห็น ซึ่งนอกจากจะมีหนังสือภาพเทคนิคกระดาษเบรลล์ล่อนสำหรับเด็กตาบอดเหมือนปีที่ผ่านมาแล้ว ยังได้ใช้เทคนิคซิลค์สกรีนยางนูน สำหรับเด็กสายตาเลือนราง ถือเป็นการคิดค้นวิธีการใหม่ ๆ ในการสร้างสรรค์หนังสือภาพสำหรับเด็กบกพร่องทางการมองเห็น
ทั้งนี้ ในปัจจุบันหนังสือภาพที่เหมาะกับเด็กกลุ่มนี้มีอยู่น้อยมาก หากมีสื่อที่ช่วยกระตุ้นการมองเห็นของเด็กในช่วงปฐมวัย จะเป็นส่วนช่วยให้เด็กกลับมามองเห็นได้ตามปกติ หรือ ช่วยชะลอและลดความร้ายแรงของอาการที่อาจลุกลามจนกลายเป็นตาบอดในอนาคตได้

ข้อคิด...
ทิศทางการดำเนินกิจกรรมของมูลนิธิเอสซีจีในการทำประโยชน์ต่อสังคม นับว่าสอดคล้องกับอุดมการณ์ 4 ในการดำเนินธุรกิจของเอสซีจีอยู่ 2 ข้อ ที่ว่าด้วยการ “เชื่อมั่นในคุณค่าของคน” และ “ถือมั่นในความรับผิดชอบต่อสังคม”
การเลือกประเภทกิจกรรมที่มุ่งพัฒนาเด็กและเยาวชนโดยผ่านโครงการ “นำหนังสือดีสู่เด็กไทย” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 นับว่าได้นำเอาปัญหาสำคัญของสังคมไทยมาเป็นประเด็นในการรณรงค์เชิงสร้างสรรค์
เพราะช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการวางรางฐานทุกๆ ด้านของมนุษย์ ได้แก่ ปฐมวัย หรือ วัยแรกเกิด- 6 ปี โดย‘การเล่านิทาน อ่านหนังสือ’ ให้เด็กปฐมวัยฟังเป็นประจำ เป็นวิธีการที่ง่าย ประหยัด และทรงพลังที่สุดในการพัฒนาเด็กทั้งทางร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ และสังคม รวมถึงการปลูกฝังนิสัยรักการอ่าน
อย่างไรก็ตามโครงการพัฒนาเด็กปฐมวัยด้วยหนังสือจึงช่วยเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจ กับพ่อแม่ ผู้ปกครอง และผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับเด็กในทุกมิติ เพื่อผลักดันให้ทุกภาคส่วนของสังคมรับรู้ เข้ามาเป็นสื่อกลางระหว่างเด็กกับหนังสือ โดยนำเอากระบวนการเล่านิทาน อ่านหนังสือไปใช้อย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ จนเกิดเป็นวัฒนธรรมการเลี้ยงลูกด้วยหนังสือและวัฒนธรรมการอ่านในสังคมไทย
แต่เนื่องจากประเทศไทยยังมีหนังสือภาพที่เหมาะสมกับพัฒนาการของเด็กในช่วงวัยต่างๆ ไม่เพียงพอ หนังสือภาพสำหรับเด็กที่ดียังมีราคาค่อนข้างสูง โครงการนำหนังสือดีสู่เด็กไทย จึงเกิดขึ้น เพื่อให้พ่อแม่ ผู้ปกครอง ทุกคน ทุกครอบครัว เข้าถึงหนังสือภาพที่ดีได้ง่ายขึ้น
หวังว่าหนังสือชุดนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดการสร้างสรรรค์หนังสือภาพเด็ก โดยคนไทยที่ทัดเทียมในระดับสากล และเป็นการสร้างกระแสสังคมให้คนเห็นว่าการพิมพ์หนังสือภาพคุณภาพดี ราคาไม่แพงมากสามารถทำได้
suwatmgr@gmail.com
กำลังโหลดความคิดเห็น