xs
xsm
sm
md
lg

มิติใหม่ในตลาดหุ้น กองทุนรวม คนไทยใจดี / ดร.สุวัฒน์ ทองธนากุล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บลจ. บัวหลวง เปิดตัวขาย “กองทุนรวม คนไทยใจดี” ไปเรียบร้อยแล้ว นับเป็นการริเริ่มที่เป็นนวัตกรรมของการลงทุนในตลาดทุนไทยที่น่าชื่นชมครับ

ธนาคารกรุงเทพ ซึ่งเป็นผู้นำค่ายบัวหลวง โดย ดร.ทวีลาภ ฤทธาภิรมย์ กรรมการผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ได้ประกาศใช้สาขาทั่วประเทศและกลไกอิเลคทรอนิกส์ของธนาคารสนับสนุนเต็มที่ ผู้ลงทุนสามารถซื้อหน่วยลงทุน หรือขายคืนได้ตั้งแต่ 1,000 บาทขึ้นไป ทุกวันทำการ
ลักษณะเด่นของกองทุนนี้ก็คือการระดมเงินจากนักลงทุนไปลงทุนในหุ้นของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ที่เน้นลงทุนในกิจการที่มีปัจจัยพื้นฐานดีและจะต้องเป็นกิจการที่ให้ความสำคัญและมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อสังคม 4 ด้าน ได้แก่ สิ่งแวดล้อม (Environmental) สังคม (Social) บรรษัทภิบาล (Good Governance) และ ต่อต้านคอร์รัปชัน (Anti-Corruption) ตามเกณฑ์การคัดกรอง E S G C ของ บลจ.บัวหลวง
วรวรรณ ธาราภูมิ ผู้บริหารสูงสุด (CEO) ของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง บอกกับผมว่าแนวคิดที่อยากเห็นกองทุนที่ทำประโยชน์ให้กับสังคม เบื้องต้นมาจากคุณวิเชียร พงศธร ประธานมูลนิธิเพื่อคนไทย
ใช้เวลาหารือกันเป็นปีในที่สุดได้ข้อสรุปจัดตั้งเป็นกองทุนรวมอย่างที่เกิดขึ้นตอนนี้โดยไม่ไปยุ่งกับเงินปันผลของผู้ลงทุนในกองทุนรวมนี้ แต่จะมี 40% จากค่าจัดการกองทุนที่ บลจ.บัวหลวงได้ 2% ต่อปีของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิใช้มอบให้กับมูลนิธิ หรือโครงการที่ทำเพื่อสังคม ผู้ลงทุนก็จะได้ทั้งผลตอนแทนและได้มีส่วนสนับสนุนโครงการเพื่อสังคมด้วย
การบริหารกองทุนจะเลือกหุ้นที่ดี โดยใช้เกณฑ์ ESGC ก็พบว่าได้หุ้นที่มีคุณสมบัติที่ดี 34 ตัว เพื่อใช้เลือก และใช้ดูผลประกอบการที่ดีด้วย และมีการทดสอบกับ Set index 3 ปี และ 10 ปีย้อนหลัง ผลก็คือ ถ้าเมื่อ 10 ปีที่แล้วลงทุนในหุ้นทุกตัวในตลาดหลักทรัพย์ ผลตอบแทนจะได้ 9.42%
แต่ถ้าลงทุนแค่ในหุ้น 34 ตัวนี้ จะได้ 21.66% ซึ่งถือว่าให้ผลตอบแทนที่ดีกว่ากองทุนรวมที่เด่นๆทั้งหมดของ บลจ.บัวหลวง ด้วยซ้ำ
“บริษัทที่มีพื้นฐานดี มีคุณสมบัติ ESGC ครบคล้ายเรือใหญ่แม้เจอมรสุม ก็ยังผ่านมาได้ด้วยดีเพราะเป็นบริษัทที่แข็งแรงมีผู้บริหารที่ดี มีนโยบาย รักษ์สิ่งแวดล้อม และไม่เกี่ยวข้องกับการคอร์รัปชั่น อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าผลตอบแทนในอดีตไม่ได้บ่งชี้ถึงอนาคตแต่มันก็เป็นตัวชี้ได้อย่างหนึ่งว่าในอดีตกิจการนั้นเป็นอย่างนี้” วรวรรณ กล่าว
ปรากฏการณ์นี้ วรวรรณ เชื่อว่าจะก่อให้เกิดมิติใหม่ในตลาดทุน แต่ยังต้องการให้ช่วยกันกระจายข้อมูลกันไปปากต่อปาก อย่าง 2 ปีก่อนที่ออกกองทุนสิริผลบรรษัทภิบาล ในช่วง IPO ขายได้กว่า 400ล้านบาท ผ่านไป 2ปีขายได้กว่า 4,000ล้านบาท เพราะคนมีความเชื่อมั่นในกิจการที่ดี และคนเรียกร้องกิจการที่มีธรรมาภิบาลมากขึ้น ถ้าอุตสาหกรรมต่างๆ ไม่คิดถึงสิ่งเหล่านี้กิจการจะแย่ แนวโน้มสมัยใหม่ต้องเป็นกิจการที่ดูแลโลกด้วยจึงจะเป็นที่ยอมรับ บัวหลวงทำแบบเปิดเผยและอยากให้ที่อื่นทำกองทุนรวมแบบนี้บ้าง เพื่อสังคมที่ดีขึ้น โดยเจาะกลุ่มนักลงทุนที่มุ่งเน้นเรื่องความยั่งยืน

ข้อคิด...
ใครที่มีส่วนร่วมซื้อหน่วยลงทุนของ “กองทุนรวม คนไทยใจดี” หรือ BKIND ผมขอชื่นชมด้วยครับ เพราะวัตถุประสงค์ของการดำเนินการจะให้ทั้ง “มูลค่า” ผลตอบแทนแก่ผู้ลงทุนและมี “คุณค่า” ต่อสังคมอีกด้วย
นี่จะเป็นการตอกย้ำความเข้าใจที่ถูกต้องแก่การลงทุนที่ดี คือ การลงทุนที่ยั่งยืน (Sustainable Investment) โดยผู้บริหารกองทุนรวมแบบมืออาชีพจะใช้เกณฑ์ในการพิจารณาเลือกตัวหุ้นที่จะลงทุนด้วยองค์ประกอบเช่นเดียวกับกระแสโลกที่ให้ความสำคัญกับหัวข้อ ESG
นั่นคือ Environmental การเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม Social ส่งเสริมสังคม ทั้งภายในองค์กรและชุมชนภายนอก Governance การมีธรรมาภิบาลในการบริหารตามสูตรของ บลจ.บัวหลวง ได้เพิ่มตัว C คือ Corruption ที่จะต้อง Anti หรือต่อต้าน และ “ไม่คบคนโกง” ซึ่งเหมาะกับสภาวะของเมืองไทยที่ปัญหานี้ลุกลามไปทั่วจนเข้าขั้นวิกฤต
ผลที่ปรากฎว่า เมื่อกองทุนรวมนี้ออกขายช่วง IPO มีลูกค้าใหม่เกือบ 40% ซึ่ง ซีอีโอของบลจ.บัวหลวงบอกว่าถือเป็นครั้งแรกของประเทศนี้และของโลกที่นักลงทุนไม่ได้เห็นแก่ผลตอบแทนเป็นสำคัญ แต่เพราะอยากเห็นสิ่งดีๆ เกิดขึ้น และที่คาดว่ายอดขายคงประมาณ 700 ล้านบาท แต่กลับมีคนซื้อหน่วยลงทุนถึง 1,800 ล้านบาทในตอนเปิดตัว ก็ขอเอาใจช่วยให้ไต่ระดับไปถึงเป้ามูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาทได้
นับเป็นการดีที่จุดยืนของผู้ลงทุนแบบนี้ที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม คือไม่ใช่ประเภทหวังกำไรเป็นสำคัญ ไม่เกี่ยงว่าจะเป็นหุ้นปั่น หรือประเภทหวังผลสั้นๆ แบบฉาบฉวย แต่จะมุ่งความมั่นคงในระยะยาวสัก 5 ปี
ดังนั้น ประโยคเตือนใจที่ว่า "การลงทุนย่อมมีความเสี่ยง" การหวังผลตอบแทนการลงทุนในตลาดหุ้นย่อมมีโอกาสทั้งกำไร หรือขาดทุน แต่ถ้าเลือกหุ้นอย่างมีหลักเพื่อความยั่่งยืนอย่าง "กองทุนรวม คนไทยใจดี" นอกจากได้ "มูลค่า" ผลตอบแทนที่เป็นตัวเงินยังเกิด "คุณค่า" การมีส่วนช่วยสังคมด้วย และการลงทุนที่มุ่งผลระยะยาวสัก 5 ปี ถึงอย่างไรก็ว่า "คุ้มค่า" อย่างข้อมูลจากการทดสอบพฤษฎีไง
suwatmgr@gmail.com
กำลังโหลดความคิดเห็น