บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เป็นองค์กรหนึ่งที่ได้ดำเนินกิจกรรมช่วยเหลือสังคมตามหลักความรับผิดชอบต่อสังคม หรือ Corporate Social Responsibility : CSR มาอย่างต่อเนื่อง ยาวนาน ภายใต้โครงการ “หนึ่งคนให้...หลายคนรับ กับไทยประกันชีวิต” ซึ่งมีความโดดเด่นอยู่ในความทรงจำของผู้คน
ยิ่งกว่านั้นยังเป็นบริษัทประกันชีวิตแห่งแรกที่ได้จัดทำ แผนแม่บทความรับผิดชอบต่อสังคมเชิงกลยุทธ์ ในการทำCSR ที่แบ่งเป็น 3 ด้าน คือ ด้านการให้ (Giving) ด้านการดูแล (Caring) และด้านการสร้างแรงบันดาลใจ (Inspiring) และปลูกฝังให้พนักงานมีจิตสำนึกของความเป็นผู้ให้ ผ่านการเป็นพนักงานจิตอาสา
ตอนนี้มีการขยายบทบาทสู่ประชาชนในวงกว้าง พร้อมชักชวนให้บุคคลภายนอก ได้มีส่วนร่วมเป็นผู้ให้ด้วยมีจิตอาสา โดยได้จัดตั้งเป็น “มูลนิธิหนึ่งคนให้ หลายคนรับ” หรือ One for Lives Foundation ขึ้น เพื่อบำเพ็ญกิจการสาธารณประโยชน์ต่างๆ รวมถึงการบรรเทาทุกข์ สงเคราะห์ชุมชุน ตลอดจนส่งเสริมการศึกษา การวิจัยค้นคว้าของเยาวชน รวมถึงอนุเคราะห์และช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส
“ในเบื้องต้นมูลนิธิหนึ่งคนให้ หลายคนรับ ได้จัดตั้งกองทุนสำหรับผู้ด้อยโอกาส 3 กองทุน คือ กองทุนเพื่อผู้ป่วยโรคมะเร็งในเด็ก เพื่อรักษาผู้ป่วยเด็กที่เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว กองทุนเพื่อผู้ป่วยมะเร็งสตรี เพื่อป้องกันและรักษาโรคมะเร็งปากมดลูก และกองทุนเพื่อผู้ป่วยสูงวัย เพื่อผ่าตัดตาต้อกระจกให้แก่ผู้สูงอายุ” ไชย ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ไทยประกันชีวิต เล่าความคืบหน้าให้ฟัง
การดำเนินงานของมูลนิธิ ได้กำหนดแผนการดำเนินงานออกเป็น 3 ระยะ เริ่มแรก เป็นการเปิดตัวมูลนิธิฯ ภายในองค์กรเพื่อประชาสัมพันธ์และเชิญชวนให้บุคลากรของไทยประกันชีวิต ไม่ว่าจะเป็นพนักงานสำนักงานใหญ่ สาขา และฝ่ายขาย ร่วมบริจาคสมทบกองทุน ผ่านการใช้สื่อประชาสัมพันธ์ต่างๆ
ระยะที่ 2 จะขยายการดำเนินงานออกสู่ภายนอกมากขึ้น โดยยังคงเน้นการใช้สื่อประชาสัมพันธ์ยุคใหม่ เพื่อสร้างการรับรู้และเพิ่มการบริจาคเงินสมทบกองทุน และระยะที่ 3 คือการรณรงค์เพื่อต่อยอดการสื่อสาร ตอกย้ำให้เกิดการรับรู้ยิ่งขึ้น เพื่อให้มูลนิธิ เป็นที่ยอมรับและยืนยาวต่อไป
สำหรับแนวทางในการระดมทุนมูลนิธิฯจะผลิตสินค้า ภายใต้แบรนด์ “Life” เพื่อให้เป็นเอกลักษณ์ โดยเบื้องต้นได้จัดทำน้ำดื่ม Life เพื่อนำไปช่วยเหลือการผ่าตัดตาต้อกระจก ให้แก่ผู้ป่วยที่สูงอายุขาดแคลนทุนทรัพย์ จำนวน 72 คน ในวาระครบรอบ 72 ปี ซึ่งที่ผ่านมาได้เริ่มเปิดตัวร่วมกับกิจกรรมต่างๆ
นี่แสดงว่า “มูลนิธิหนึ่งคนให้ หลายคนรับ” นับจากนี้ไปจะมีบทบาทเป็นเอกเทศแยกออกจากการทำCSR ของบริษัท ไทยประกันชีวิต ซึ่งยังจะสนับสนุนภารกิจของสภากาชาดไทย ส่วนมูลนิธิฯ จะมีทั้งกิจกรรมช่วยสังคมและการระดมทุนเพื่อให้ยืนอยู่ได้อย่างยั่งยืน
ข้อคิด...
จากข้อมูลปัจจุบัน คนไทยป่วยเป็นโรคร้ายแรงเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะ “มะเร็ง” ได้กลายเป็นสาเหตุการตายสูงเป็นอันดับ 1 ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2543 เป็นต้นมา และจากข้อมูลล่าสุด จากกระทรวงสาธารณสุข พบว่ามีคนไทยเสียชีวิตจากโรคมะเร็งมากกว่า 60,000 คนต่อปี ขณะที่ผู้สูงอายุที่ป่วยด้วยโรคตาต้อกระจกมีสูงนับแสนราย และในกลุ่มผู้ป่วยเหล่านี้ มีผู้ด้อยโอกาสและต้องการความช่วยเหลือเป็นจำนวนมาก
เห็นข้อมูลแบบนี้ก็ต้องบอกว่าเป็นประเด็นปัญหาร้ายแรงต่อสุขภาพของสังคมไทยที่นับวันจะยิ่งหนักหนา
การที่บริษัท ไทยประกันชีวิต กำหนดพันธกิจที่จะ “เป็นมากกว่าการประกันชีวิต” โดยให้คำมั่นสัญญาว่า “ไม่เคยหยุดนิ่งในการเพิ่มคุณค่าแห่งการดำรงชีวิต ให้กับทุกคนในสังคมไทยตลอดไป” ในมิติทางธุรกิจมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่คุ้มค่าต่อผู้บริโภค ขณะที่บทบาททางสังคมก็ดำเนินการเชิงกลยุทธ์ตามแนวคิดที่ ศ.ไมเคิล อี.พอร์เตอร์ แนะให้เลือกประเด็นปัญหาทางสังคมโดยเฉพาะด้านสุขภาพ
นับเป็น CSR เชิงกลยุทธ์ เพราะมีการพิจารณาลำดับความสำคัญที่สังคมต้องการความช่วยเหลือ และระดมความเชี่ยวชาญในการวางแผนการรณรงค์และการผลิตสื่อและการใช้สื่อที่สร้างความตระหนักรู้จนได้รับความร่วมมือทั้งจากพลังคนภายในกิจการและสังคมภายนอก
กิจกรรมสังคมของไทยประกันชีวิตจึงมีความโดดเด่นและได้รับความชื่นชมจากสังคม เรียกว่ามีผลดีต่อการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันในทางธุรกิจด้วย
suwatmgr@gmail.com
ยิ่งกว่านั้นยังเป็นบริษัทประกันชีวิตแห่งแรกที่ได้จัดทำ แผนแม่บทความรับผิดชอบต่อสังคมเชิงกลยุทธ์ ในการทำCSR ที่แบ่งเป็น 3 ด้าน คือ ด้านการให้ (Giving) ด้านการดูแล (Caring) และด้านการสร้างแรงบันดาลใจ (Inspiring) และปลูกฝังให้พนักงานมีจิตสำนึกของความเป็นผู้ให้ ผ่านการเป็นพนักงานจิตอาสา
ตอนนี้มีการขยายบทบาทสู่ประชาชนในวงกว้าง พร้อมชักชวนให้บุคคลภายนอก ได้มีส่วนร่วมเป็นผู้ให้ด้วยมีจิตอาสา โดยได้จัดตั้งเป็น “มูลนิธิหนึ่งคนให้ หลายคนรับ” หรือ One for Lives Foundation ขึ้น เพื่อบำเพ็ญกิจการสาธารณประโยชน์ต่างๆ รวมถึงการบรรเทาทุกข์ สงเคราะห์ชุมชุน ตลอดจนส่งเสริมการศึกษา การวิจัยค้นคว้าของเยาวชน รวมถึงอนุเคราะห์และช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส
“ในเบื้องต้นมูลนิธิหนึ่งคนให้ หลายคนรับ ได้จัดตั้งกองทุนสำหรับผู้ด้อยโอกาส 3 กองทุน คือ กองทุนเพื่อผู้ป่วยโรคมะเร็งในเด็ก เพื่อรักษาผู้ป่วยเด็กที่เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว กองทุนเพื่อผู้ป่วยมะเร็งสตรี เพื่อป้องกันและรักษาโรคมะเร็งปากมดลูก และกองทุนเพื่อผู้ป่วยสูงวัย เพื่อผ่าตัดตาต้อกระจกให้แก่ผู้สูงอายุ” ไชย ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ไทยประกันชีวิต เล่าความคืบหน้าให้ฟัง
การดำเนินงานของมูลนิธิ ได้กำหนดแผนการดำเนินงานออกเป็น 3 ระยะ เริ่มแรก เป็นการเปิดตัวมูลนิธิฯ ภายในองค์กรเพื่อประชาสัมพันธ์และเชิญชวนให้บุคลากรของไทยประกันชีวิต ไม่ว่าจะเป็นพนักงานสำนักงานใหญ่ สาขา และฝ่ายขาย ร่วมบริจาคสมทบกองทุน ผ่านการใช้สื่อประชาสัมพันธ์ต่างๆ
ระยะที่ 2 จะขยายการดำเนินงานออกสู่ภายนอกมากขึ้น โดยยังคงเน้นการใช้สื่อประชาสัมพันธ์ยุคใหม่ เพื่อสร้างการรับรู้และเพิ่มการบริจาคเงินสมทบกองทุน และระยะที่ 3 คือการรณรงค์เพื่อต่อยอดการสื่อสาร ตอกย้ำให้เกิดการรับรู้ยิ่งขึ้น เพื่อให้มูลนิธิ เป็นที่ยอมรับและยืนยาวต่อไป
สำหรับแนวทางในการระดมทุนมูลนิธิฯจะผลิตสินค้า ภายใต้แบรนด์ “Life” เพื่อให้เป็นเอกลักษณ์ โดยเบื้องต้นได้จัดทำน้ำดื่ม Life เพื่อนำไปช่วยเหลือการผ่าตัดตาต้อกระจก ให้แก่ผู้ป่วยที่สูงอายุขาดแคลนทุนทรัพย์ จำนวน 72 คน ในวาระครบรอบ 72 ปี ซึ่งที่ผ่านมาได้เริ่มเปิดตัวร่วมกับกิจกรรมต่างๆ
นี่แสดงว่า “มูลนิธิหนึ่งคนให้ หลายคนรับ” นับจากนี้ไปจะมีบทบาทเป็นเอกเทศแยกออกจากการทำCSR ของบริษัท ไทยประกันชีวิต ซึ่งยังจะสนับสนุนภารกิจของสภากาชาดไทย ส่วนมูลนิธิฯ จะมีทั้งกิจกรรมช่วยสังคมและการระดมทุนเพื่อให้ยืนอยู่ได้อย่างยั่งยืน
ข้อคิด...
จากข้อมูลปัจจุบัน คนไทยป่วยเป็นโรคร้ายแรงเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะ “มะเร็ง” ได้กลายเป็นสาเหตุการตายสูงเป็นอันดับ 1 ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2543 เป็นต้นมา และจากข้อมูลล่าสุด จากกระทรวงสาธารณสุข พบว่ามีคนไทยเสียชีวิตจากโรคมะเร็งมากกว่า 60,000 คนต่อปี ขณะที่ผู้สูงอายุที่ป่วยด้วยโรคตาต้อกระจกมีสูงนับแสนราย และในกลุ่มผู้ป่วยเหล่านี้ มีผู้ด้อยโอกาสและต้องการความช่วยเหลือเป็นจำนวนมาก
เห็นข้อมูลแบบนี้ก็ต้องบอกว่าเป็นประเด็นปัญหาร้ายแรงต่อสุขภาพของสังคมไทยที่นับวันจะยิ่งหนักหนา
การที่บริษัท ไทยประกันชีวิต กำหนดพันธกิจที่จะ “เป็นมากกว่าการประกันชีวิต” โดยให้คำมั่นสัญญาว่า “ไม่เคยหยุดนิ่งในการเพิ่มคุณค่าแห่งการดำรงชีวิต ให้กับทุกคนในสังคมไทยตลอดไป” ในมิติทางธุรกิจมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่คุ้มค่าต่อผู้บริโภค ขณะที่บทบาททางสังคมก็ดำเนินการเชิงกลยุทธ์ตามแนวคิดที่ ศ.ไมเคิล อี.พอร์เตอร์ แนะให้เลือกประเด็นปัญหาทางสังคมโดยเฉพาะด้านสุขภาพ
นับเป็น CSR เชิงกลยุทธ์ เพราะมีการพิจารณาลำดับความสำคัญที่สังคมต้องการความช่วยเหลือ และระดมความเชี่ยวชาญในการวางแผนการรณรงค์และการผลิตสื่อและการใช้สื่อที่สร้างความตระหนักรู้จนได้รับความร่วมมือทั้งจากพลังคนภายในกิจการและสังคมภายนอก
กิจกรรมสังคมของไทยประกันชีวิตจึงมีความโดดเด่นและได้รับความชื่นชมจากสังคม เรียกว่ามีผลดีต่อการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันในทางธุรกิจด้วย
suwatmgr@gmail.com