xs
xsm
sm
md
lg

เอสซีจี เปเปอร์ ตอกย้ำความเป็นผู้นำอาเซียน พลิกกลยุทธ์ขยายตลาด มุ่งนวัตกรรมเพิ่มมูลค่าสินค้า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เอสซีจี เปเปอร์ เดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนในภูมิภาคอาเซียน เผยกลยุทธ์และทิศทางการดำเนินธุรกิจปี 2557 มุ่งสร้างความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง เน้นพัฒนานวัตกรรมสินค้ามูลค่าเพิ่มตอบสนองผู้บริโภค รุกส่ง Dissolving Pulp มาตรฐานระดับโลกรายแรกของเมืองไทย บุกตลาดทั้งในไทยและต่างประเทศ
รุ่งโรจน์ รังสิโยภาส และ พันเทพ สุภาไชยกิจ
รุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เปเปอร์ กล่าวว่า เอสซีจี เปเปอร์ ได้กำหนดทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2557 ด้วยการมุ่งมั่นขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน จากการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ตอบสนองผู้บริโภคควบคู่กับการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจังและต่อเนื่อง โดยมุ่งสร้างความแข็งแกร่งให้กับ 2 สายธุรกิจหลัก ได้แก่ “สายธุรกิจกระดาษบรรจุภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์” และ ”สายธุรกิจเยื่อและกระดาษ”รวมทั้งการรุกขยายธุรกิจให้สอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจของอาเซียนที่คาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นการส่งออกเป็นหลัก ซึ่งจะเน้นคู่ค้าเดิม เช่น ออสเตรเลีย ฮ่องกง เกาหลี และเวียดนาม จากความต้องการที่เพิ่มขึ้นของตลาดน่าจะทำให้ปีนี้เอสซีจี เปเปอร์ โดยรวมสามารถส่งออกสินค้าได้เพิ่มขึ้นเป็น 22% ของกำลังการผลิต จาก 15% ในปีที่ผ่านมา
สำหรับสายธุรกิจกระดาษบรรจุภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ จะเน้นกลยุทธ์การขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศให้มากขึ้น เพื่อรองรับการเติบโตอย่างต่อเนื่องของตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม และผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภค ฯลฯ อย่างไรก็ตาม คาดว่าปริมาณความต้องการกระดาษบรรจุภัณฑ์ในภูมิภาคอาเซียนในปีนี้จะเติบโตร้อยละ 5 บริษัทฯ จึงได้เพิ่มกำลังการผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์ประมาณ 400,000 ตันต่อปี และปรับปรุงการผลิตส่วนต่างๆ ด้วยเงินลงทุนรวมประมาณ 8,000 ล้านบาทในปีผ่านมา เพื่อรองรับการขยายตลาดดังกล่าว ทำให้บริษัทฯ มีกำลังการผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์รวมทั้งหมด 2.3 ล้านตัน นอกจากนี้ หากรวมกำลังการผลิตบรรจุภัณฑ์ที่เพิ่มสูงขึ้นจากการควบรวม 3 บริษัทเมื่อปีที่แล้ว เป็น 1.03 ล้านตัน ทำให้เอสซีจี เปเปอร์ กลายเป็นผู้ผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์กระดาษลูกฟูกรายใหญ่ที่สุดในอาเซียน
จาก Woodchip สู่ Dissolving Pulp เป็นการใช้ประโยชน์จากยูคาลิปตัสให้เกิดคุณค่าสูงสุด
ไม่เพียงเท่านี้ บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับการปรับปรุงสายการผลิตให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น พร้อมทั้งการพัฒนาด้านการออกแบบ และการเพิ่มมูลค่าสินค้า ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีการพิมพ์ที่หลากหลาย เช่น การพิมพ์ก่อนขึ้นรูปกระดาษลูกฟูกเพื่อให้โครงสร้างของบรรจุภัณฑ์แข็งแรงมากขึ้น เป็นต้น
รวมทั้ง การมองหาโอกาสและการพัฒนาสินค้าด้วยการขยายทิศทางของบรรจุภัณฑ์ไปยังกลุ่มสินค้าบรรจุภัณฑ์ประเภทอื่นๆ นอกเหนือจากกระดาษ ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการศึกษาและวิเคราะห์ตลาด เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดได้อย่างครบวงจรมากขึ้น
ในส่วนของสายธุรกิจเยื่อและกระดาษ เอสซีจี เปเปอร์ ยังคงมุ่งเน้นการพัฒนาสินค้ามูลค่าเพิ่ม เพื่อตอบโจทย์ให้ผู้บริโภคมีความเป็นอยู่ที่ดีและมีความสุขมากขึ้น โดยส่งเสริมการปลูกยูคาลิปตัสเพื่อใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และขยายการร่วมมือกับ Nippon Paper Industries Company Limited หรือ NPI ประเทศญี่ปุ่น นอกจากนี้ ยังส่งเสริมการผลิตสินค้าอื่นๆ ที่ได้จากเยื่อ นอกเหนือจากกระดาษ และขยายธุรกิจไปสู่การผลิตพลังงานทดแทนจากเศษไม้อีกด้วย

ผลิตภัณฑ์จาก Dissolving Pulp
ด้าน พันเทพ สุภาไชยกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์กระดาษไทย จำกัด ภายใต้ “เอสซีจี เปเปอร์” กล่าวเสริมว่า ด้วยการมุ่งมั่นคิดค้นนวัตกรรมและพัฒนาความเป็นเลิศทางการผลิต เพื่อให้ได้สินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม และสามารถตอบสนองความต้องการสูงสุดของลูกค้า จึงได้พัฒนาสินค้าใหม่คือ “เยื่อเคมีละลายได้” หรือ Dissolving Pulp จากไม้ยูคาลิปตัสป่าปลูก เพื่อผลิตเส้นใยเรยอนสำหรับอุตสาหกรรมสิ่งทอ ซึ่งคุณสมบัติเด่นของเส้นใยเรยอนคือเบาสบาย ดูดซับความชื้น ระบายอากาศและความร้อนได้ดี และดูแลรักษาง่าย
ทั้งนี้ บริษัทฯ สามารถผลิต Dissolving Pulp ได้เป็นรายแรกในประเทศไทยโดยมีคุณภาพเทียบเท่ามาตรฐานระดับโลก ด้วยการใช้เทคโนโลยีอันทันสมัยในการผลิตและการมีห้องวิจัยที่สามารถศึกษาคุณสมบัติและวิเคราะห์คุณภาพสินค้าได้อย่างดี ประกอบกับบุคลากรที่มีศักยภาพและความเชี่ยวชาญ รวมถึงทีมงานศึกษาความต้องการของลูกค้าอย่างลึกซึ้ง
การผลิต Dissolving Pulp เป็นการใช้ประโยชน์จากยูคาลิปตัสให้เกิดคุณค่าสูงสุด ช่วยเพิ่มมูลค่าสินค้าประเภทเยื่อ สามารถทดแทนการนำเข้าจากต่างประเทศ และเพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจไปในภูมิภาค ซึ่งราคาของ Dissolving Pulp ในตลาดโลกสูงถึง 890-900 เหรียญสหรัฐต่อตัน เปรียบเทียบกับราคาเยื่อกระดาษธรรมดา 610 เหรียญสหรัฐต่อตัน
จากการใช้เงินลงทุนเบื้องต้น 400 ล้านบาท ทำให้บริษัทฯ มีกำลังการผลิต Dissolving Pulp 96,000 ตันต่อปี ซึ่งส่วนใหญ่ส่งออกไปที่ประเทศจีน ขณะที่ ปัจจุบันความต้องการ Dissolving Pulp ในตลาดโลกมีสูงถึง 4 ล้านตันต่อปี โดยคาดว่าในปี 2557 จะขยายเพิ่มขึ้นร้อยละ 6 และมีแนวโน้มการเติบโตของตลาดอย่างต่อเนื่อง เนื่องจาก Dissolving Pulp เป็นวัตถุดิบในการผลิตสินค้าได้หลากหลาย นอกจากเส้นใยเรยอนและวิสคอส ซึ่งใช้ในการผลิตเครื่องนุ่งห่ม ยังใช้ผลิตภาชนะเมลามีน เครื่องสำอาง ไบโอพลาสติก ไบโอฟิล์มเพื่อใช้ในการถนอมอาหาร สารเคลือบเลนส์ อุปกรณ์ทางการแพทย์ ฯลฯ
ทั้งนี้ เอสซีจี เปเปอร์ เป็นผู้นำอุตสาหกรรมผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์กระดาษและบรรจุภัณฑ์ครบวงจรรายใหญ่ในอาเซียน ผลิตสินค้าคุณภาพมาตรฐานโลก ประกอบด้วย เยื่อกระดาษ กระดาษพิมพ์เขียน กระดาษบรรจุภัณฑ์ และบรรจุภัณฑ์กระดาษลูกฟูก ที่ผ่านมามีการขยายธุรกิจในอาเซียนอย่างต่อเนื่อง อาทิ โรงงานผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์ในประเทศเวียดนาม และฟิลิปปินส์ และโรงงานผลิตกล่องบรรจุภัณฑ์กระดาษในประเทศเวียดนาม สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย ในปี 2556 เอสซีจี เปเปอร์ มียอดขายรวม 59,135 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 และมีกำไรสุทธิ 3,418 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 จากปี 2555
กำลังโหลดความคิดเห็น