ระยะนี้มีความเคลื่อนของกิจกรรมส่งเสริมให้เกิดและกระตุ้นการพัฒนาธุรกิจประเภทใหม่ที่เรียกว่า “กิจการเพื่อสังคม” หรือ SE (Social Enterprise) อย่างคึกคัก รวมทั้งที่คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จัดการประกวดแผนธุรกิจ SE ในระดับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งได้ตัวแทนจากประเทศไทย และอินโดนีเซียไปชิงแชมป์โลกในเร็วๆ นี้
การที่กระแสโลกและสังคมไทยเริ่มตระหนักในการดำเนินกิจการธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือ CSR ณ ปัจจุบันได้ก้าวพ้นระดับที่ทำกิจกรรมเพื่อสังคมเพื่อให้ “ดูดี” กลายเป็นกติกาโลกที่จะเลือกคบ เลือกซื้อกับกิจการที่เก่งและดี

ในอดีตองค์กรที่ทันสมัยมักเน้น “ความเป็นเลิศ” ที่ตั้งเป้าหมาย “สูงสุด” ทั้งยอดขาย ส่วนแบ่งตลาด กำไร และราคาหุ้น เมื่อทุกอย่างที่ต้องการตัวเลขสูงสุดก็ต้องทำทุกวิธีแม้จะสามานย์ก็ตาม นี่จึงนำมาซึ่งความล้มเหลวของ “ทุนนิยม” ที่ก่อให้เกิดผลกระทบเป็นวิกฤติทางดิน น้ำ และอากาศ
แนวคิด “กิจการเพื่อสังคม” ในระดับโลกมีวิวัฒนาการมากว่า 30 ปีแล้ว ด้วยรูปแบบองค์กรที่มีกลยุทธ์การทำงานแบบธุรกิจ แต่มีเป้าหมายเพื่อสังคม คล้ายเป็นองค์กรลูกผสม (Hibrid Organization) ซึ่งได้ดำเนินในหลายประเทศ โดยเฉพาะที่โดดเด่น คือ ประเทศอังกฤษ ทำมาเกือบ 10 ปี มี SE ประมาณ 7 หมื่นกิจการ เพราะรัฐบาลส่งเสริมได้ดี มีกฎหมายเฉพาะและมีกระทรวงด้านประชาสังคมดูแล รวมทั้งมีองค์กรอิสระกิจการเพื่อสังคม
กิจการเพื่อสังคม คือ ธุรกิจ หรือ องค์กรที่ตั้งขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหาสังคม/สิ่งแวดล้อม โดยมีรายได้หลักมาจากการค้าหรือการให้บริการ (มากกว่าการรับบริจาค) เพื่อสร้างการพึ่งพาตนเองได้ทางการเงิน และนำผลกำไรที่เกิดขึ้นไปลงทุนซ้ำเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ทางสังคมที่ตั้งไว้ จึงเป็นการเชื่อมโยงจุดแข็งของสองภาคส่วน คือ การจัดการที่มีประสิทธิภาพของภาคธุรกิจเอกชนมาร่วมกับการมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหาของภาคสังคม เพื่อทำให้เกิดทางแก้ไขปัญหาที่มีนวัตกรรมและมีความยั่งยืน
สำหรับในเมืองไทยมีการจัดตั้ง สำนักงานสร้างเสริมกิจการเพื่อสังคม (สกส.) เป็นหน่วยงานรัฐเชิงยุทธศาสตร์ขนาดเล็ก ภายใต้ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี มีหน้าที่หลักในการสร้างเสริมให้เกิดกิจการเพื่อสังคมที่ยั่งยืนและนำสู่การสร้างผลกระทบทางสังคมขนาดใหญ่ผ่านการสร้างสภาพแวดล้อมสนับสนุน ทั้งในส่วนของระบบบ่มเพาะ นโยบายสาธารณะ และการเข้าถึงเงินทุนสนับสนุนที่เหมาะสม
เมื่อวันที่ 1-9 มีนาคม 2557 ที่ผ่านมานี้ สำนักงานสร้างเสริมกิจการเพื่อสังคมแห่งชาติ (สกส.) ร่วมกับภาคีขับเคลื่อนเรื่องกิจการเพื่อสังคมหลากหลาย ได้สร้างการขับเคลื่อนครั้งใหญ่ของกลุ่มคนทำงานในแวดวงกิจการเพื่อสังคมครั้งแรกในประเทศไทย สัปดาห์กิจการเพื่อสังคม หรือ Social Enterprise Week Thailand 2014
ตลอดทั้งสัปดาห์ มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมที่จัดในสถานที่ต่างๆ กว่า 1,000 คนในกว่า 20 กิจกรรม ซึ่งมีทั้งกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่อยากแก้ปัญหาสังคม กลุ่มนักวิชาการในมหาวิทยาลัยที่ต้องการสร้างหลักสูตรการเรียนการสอนเรื่องผู้ประกอบการทางสังคม กลุ่มองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร กลุ่ม CSR ในบริษัทชั้นนำขนาดใหญ่ กลุ่มนักลงทุนทางสังคม รวมไปถึง กลุ่มกิจการเพื่อสังคม ทั้งที่เพิ่งเริ่มต้น และต้องการขยายกิจการเพื่อขยายวงในการแก้ปัญหามากขึ้น กลุ่มบริโภคที่ต้องการสนับสนุนสินค้าคุณภาพที่ไม่ส่งผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมในทางลบ และช่วยแก้ปัญหาสังคมในขณะเดียวกัน
การเสวนาส่วนหนึ่ง คือ Thai Social Enterprise Forum เป็นเวทีระดับชาติที่รวบรวมนักลงทุนทางสังคม องค์กรที่ทำงานสนับสนุนกิจการเพื่อสังคม บริษัทชั้นนำขนาดใหญ่ที่หันมาทำ CSR สนับสนุนกิจการเพื่อสังคม และผู้ประกอบการทางสังคมทั่วโลก มาพูดคุยเรื่องการขับเคลื่อนของผู้ประกอบการทางสังคมในประเทศตนเองและแนวโน้มการขับเคลื่อนสร้างการเปลี่ยนแปลงของการลงทุนเพื่อสังคม และกิจการเพื่อสังคมทั่วโลก
![คุณสมศักดิ์ บุญคำ จาก Local Alike เล่าประสบการณ์การประกวดโครงการกิจการเพื่อสังคมจนได้ผันตัวเองมาทำกิจการเพื่อสังคมเต็มตัว ในงานเปิดตัว โครงการรางวัลเพื่อสนับสนุนและส่งเสริมกิจการเพื่อสังคมไทย [Thai SE awards 2014] โดย สำนักงานสร้างเสริมกิจการเพื่อสังคมแห่งชาติ (สกส.) ที่โรงภาพยนตร์สกาล่า](https://mpics.mgronline.com/pics/Images/557000003473702.JPEG)
•Asian Social Investment Forum มีนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศมาพูดคุยกันเรื่องการลงทุนทางสังคมที่สร้างสังคมที่ยั่งยืน พร้อมเรียนรู้จากตัวอย่างการทำงานขององค์กรที่ขับเคลื่อนเรื่องนี้มาเป็นเวลานานทั้งโลก ทั้งเการเริ่มต้นของการลงทุนทางสังคมกับผู้ประกอบการเพื่อสังคมในประเทศอังกฤษของ Big Society และการแพร่ขยายของแนวคิดดังกล่าวไปทั่วโลก โดย Sir Ronald Cohen ประธาน Big Society UK เป็นตัวอย่างการขยายผลกระทบทางสังคมได้มากยิ่งขึ้นของกิจการเพื่อสังคมจากการลงทุนทางสังคม โดย Royston Barganza ผู้บริหาร Grameen Capital องค์กรที่ให้ทั้งคำปรึกษาและเงินกู้ตั้งต้นที่เพียงพอกับผู้ประกอบการทางสังคมที่จะเริ่มต้นของกิจการของตนเอง ซึ่งส่งผลให้เกิดผู้ประกอบการเพื่อสังคมขนาดเล็กจำนวนมากในประเทศแถบเอเชียใต้
นอกจากนี้ ยังมีบทเรียนการลงทุนทางสังคมในประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และ การเปลี่ยนแปลงจากการเป็นนักบริจาคช่วยสังคม (Social Philantroprist) มาเป็นนักลงทุนเพื่อสังคม (Social Investor) ขององค์กรต่างๆ เช่น LGT Philantrophy, Oxfam GB, Insitor Fund และ บริษัทในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
เราได้เห็นความสำเร็จของกิจการเพื่อสังคมจำนวนมากในประเทศอังกฤษ เกาหลีใต้ และ สิงคโปร์ จาก UnLtd UK องค์กรที่ให้ทั้งคำปรึกษา หลักสูตรบ่มเพาะ และ เงินตั้งต้นสำหรับผู้ประกอบการในประเทศอังกฤษ Crevisse Partners องค์กรด้านการลงทุนทางสังคม ที่ลงทุนในกิจการเพื่อสังคมที่มีนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ ในประเทศเกาหลีใต้ และ เอเชีย
ตัวอย่าง เช่น การลงทุนในกิจการเพื่อสังคม Tree Planet กิจการที่สร้างจิตสำนึกเรื่องสิ่งแวดล้อม ด้วยการผลิตเกมปลูกต้นไม้ที่เมื่อผู้เล่นปลูกต้นไม้ในเกมจนเติบโตแข็งแรงแล้ว เกมจะนำต้นไม้จริงๆ ไปให้กลุ่ม NGO ปลูกต้นไม้จริงในพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลกด้วย การสร้างเครือข่ายนักลงทุนทางสังคมของ Asian Venture Philantropist Network รวมไปถึงกิจการเพื่อสังคม OYORI ร้านอาหารสัญชาติเกาหลีที่จ้างงานเยาวชนที่มีปัญหา ซึ่งเปิดสาขาของร้านไปแล้ว 3 สาขา ทั้งในประเทศบ้านเกิดเกาหลีใต้ ประเทศไทย และ เนปาล ผ่านการลงทุนทางสังคมกับองค์กรด้านการลงทุนในประเทศนั้นๆ
มีการยกตัวอย่างการทำงานร่วมกันระหว่างกิจการเพื่อสังคมและบริษัทชั้นนำขนาดใหญ่ในการขยายผลกระทบทางสังคมในรูปแบบการลงทุนเพื่อสังคม จาก Air Asia Foundation, Ashoka Foundation, Asian Philantropist Network Japan และ บริษัทพรีเมียร์ กรุ๊ป ประเทศไทย
รายการเสวนา Social Investment Forum มีกลุ่มนักลงทุน องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรนานาชาติ และ ธนาคารต่างๆ ให้ความสนใจเข้าฟังกว่า 200 คน จึงน่าเชื่อว่าจะเป็นการจุดประกายการขับเคลื่อนเรื่องการสร้างตลาดการลงทุนทางสังคมในประเทศไทย การเปลี่ยนแปลงเงินลงทุนใน CSR จำนวนมากของบริษัทขนาดใหญ่ มาให้กับกิจการเพื่อสังคม เพื่อสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงได้อย่างยั่งยืน และ สร้างความร่วมมือระหว่างองค์กรในอนาคต
•Asian Social Impact Forum
เป็นการสัมมนาเรื่องการสร้างความเปลี่ยนแปลงของผู้ประกอบการทางสังคมที่รวบรวมองค์กรที่ผลักดันเรื่องผู้ประกอบการทางสังคม และ กิจการเพื่อสังคมที่ประสบความสำเร็จอย่างมากทั่วโลก ได้แก่ UnLtd UK, การประสานความร่วมมือระหว่างภาคธุรกิจกับผู้ประกอบการทางสังคมด้วยโมเดลของ Hybrid Value Chain จาก Ashoka India การสร้างผลกระทบทางสังคมจากกิจการเพื่อสังคม อย่าง Rubbies and the rubble และ Hill Holt Wood จากประเทศอังกฤษ Hppinoy จากประเทศฟิลิปปินส์ OYORI และ Beautiful Store จากเกาหลีใต้ และ กิจการเพื่อสังคมจากประเทศไทย อย่างเดลี่ โฮม, ดอยตุง และ Cabbages & Condoms
Forum เวทีนี้มีผู้เข้าร่วมซึ่งเป็นทั้งกิจการเพื่อสังคม และ ผู้ที่อยากเริ่มต้นทำกิจการเพื่อสังคม กว่า 150 คน ซึ่งได้รับทั้งบทเรียนจากกิจการเพื่อสังคม และ การสร้างเครือข่ายของการทำงานจริงในอนาคต
•Socially Enterprising Univerisity Workshop with UnLtd UK
เวิร์คช็อป 3 วันสำหรับคณาจารย์มหาวิทยาลัยชั้นนำ ได้แก่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทวิโรฒน์ มหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าธนบุรี และ มหาวิทยาลัยสุรนารี ที่พร้อมขับเคลื่อนเรื่องการเริ่มต้นหลักสูตรผู้ประกอบการทางสังคมในระดับมหาวิทยาลัย โดยตัวอย่าง และ วิธีการทำงานของ UnLtd UK ผู้ริเริ่มหลักสูตรผู้ประกอบการทางสังคมในอังกฤษที่ประสบความสำเร็จในการสร้างผู้ประกอบการกว่า 10,000 ราย

•Education for Young Change Leaders
การเปิดตัวหลักสูตรผู้ประกอบการทางสังคมสำหรับนักศึกษาปริญญาตรีแห่งแรกในประเทศไทย และ ภูมิภาคอาเซียน หลักสูตร Global studies and Social entrepreneurship (GSSE) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่เน้นการเข้าใจปัญหาสังคม และ แก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนด้วยโมเดลทางธุรกิจ ซึ่งจะเปิดรับนักศึกษาปีแรกในวันที่ 8 มีนาคม 2557 นี้ มีคนรุ่นใหม่ที่สนใจสมัครเข้าร่วมหลักสูตรกว่า 100 คน
•Social Enterprise Beginning Course
หลักสูตรสำหรับผู้ที่เริ่มต้นอยากเป็นผู้ประกอบการทางสังคม เพื่อเสริมสร้างแรงบันดาลใจ และ ทักษะที่จำเป็น โดยมีคนรุ่นใหม่ที่อยากเริ่มต้นกิจการเพื่อสังคมของตัวเองเข้าร่วมจากภูมิภาคต่างๆ กว่า 100 คน
•Social Entrepreneurship trainning course
หลักสูตรเสริมสร้างทักษะในการขับเคลื่อนงานของผู้ประกอบการทางสังคม ซึ่งแบ่งออกเป็น หลักสูตรการตลาดเพื่อสังคม (Social Marketing ) หลักสูตร IT for social change และ วิธีการคิดวิธีการแก้ไขปัญหาสังคมที่ได้รับความนิยมอย่าง Human Centered Design โดยหลักสูตรทั้ง 3 หลักสูตรนี้ มีผู้ประกอบการทางสังคมเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อพัฒนการทำงานของตนเองกว่า 80 คน
เทศกาลหนังเปลี่ยนสังคม จัดขึ้นเพื่อตอบสนองทั้งคนรุ่นใหม่และกลุ่มคนทั่วไปที่อยากสร้างการเปลี่ยนแปลงในสังคมโดยไม่จำกัดรูปแบบ โดยหนังสารคดี 5 เรื่องที่ได้รับการคัดเลือกนี้ ล้วนตัวอย่างการสร้างการเปลี่ยนแปลงทางสังคมโดยคนตัวเล็กๆ ที่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีในสังคมที่ตัวเองอยู่ทั่วโลก ตั้งแต่การออกแบบเมืองโดยคำนึงถึงคนที่อยู่ในเมืองเป็นศูนย์กลางอย่าง Urbanized, การตั้งคำถามเรื่องเงินที่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตที่เน้นเรื่องมูลค่ามากกว่าคุณค่าของชีวิต อย่าง Money & Life, การทดลองใช้ชีวิตโดยไม่สร้างผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมของครอบครัวอเมริกันในนครนิวยอร์ก อย่าง Money & Life, การพัฒนาของเทคโนโลยีในการสร้างห้องสมุดออนไลน์ขนาดใหญ่ของ Google ที่ลืมเลือนความสำคัญของคนสร้างงานเขียน อย่าง Google & The World Brain และ วิธีการใช้กระบวนการการออกแบบในการแก้ปัญหาสังคมอย่าง Design & Thinking
เทศกาลหนังเปลี่ยนสังคม ได้รับการพูดถึงเป็นจำนวนมาก และ มีผู้เข้าร่วมดูหนังจำนวน 3,000 คน เชื่อว่าจะสามารถสร้างแรงบันดาลใจในการเปลี่ยนแปลงสังคมในคนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ยังได้รับการตอบรับจำนวนมากจากกลุ่มขับเคลื่อนเรื่องสังคม ทั้งในจังหวัดเชียงใหม่ และ ปัตตานี ที่สนใจนำหนังทั้ง 5 เรื่องไปฉายซ้ำ เพื่อเป็นประเด็นในการพูดคุยเพื่อแก้ปัญหาในพื้นที่ต่อไป
•Book For Change Festival และ Green Shop Festival
เทศกาลหนังสือเพื่อการเปลี่ยนแปลง (Book for change festival) และ Green shop festival (เทศกาลร้านกรีน) จัดขึ้นเพื่อตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภค ที่พร้อมร่วมสร้างการเปลี่ยนแปลงด้วยการร่วมสนับสนุนซื้อสินค้า จากผู้ประกอบการทางสังคม โดยตลอดทั้งสัปดาห์ มีการจัดเสวนาหนังสือจากสำนักพิมพ์คุณภาพ และ เวิร์คช้อปการผลิตเครื่องใช้และวิถึการพึ่งพาตนเองในร้านกรีนทั่วกรุงเทพ โดยทั้ง 2 เทศกาลนี้ มีผู้บริโภคคุณภาพเข้าร่วมกิจกรรมกว่า 200 คน
สำหรับ Book For Change Festival นี้ จะมีการขยายผลด้วยการสร้างระบบสมาชิกหนังสือ ที่เรียกว่า Community Supported Publishing ซึ่งเป็นระบบที่คนอ่าน สามารถสนับสนุนคนทำหนังสือ ทั้งคนเขียน คนแปล และ สำนักพิมพ์คุณภาพได้โดยตรง ด้วยการสมัครสมาชิกสั่งซื้อหนังสือล่วงหน้าจากสำนักพิมพ์เหล่านี้ด้วยระบบการพิมพ์แบบ Double Printing
ถ้าแนวคิดนี้เดินเครื่องได้สำนักพิมพ์คุณภาพจะสามารถสร้างงานสร้างสรรค์ได้อย่างต่อเนื่อง คนเขียน และ คนแปล สามารถได้รับค่าตอบแทนได้เพิ่มมากขึ้น และ คนอ่าน สามารถเข้าถึงหนังสือได้มากขึ้นด้วยราคาต่อปกที่ถูกลง
•SE AWARDS & 80 Days around the world Initiatives
สัปดาห์กิจการเพื่อสังคมในปีแรกนี้ จบลงด้วยการประกาศผลผู้ผ่านการคัดเลือกไปเดินทางดูนวัตกรรมทางสังคม และ กิจการเพื่อสังคม ทั่วโลกกับ รายการ 80 วันรอบโลก ซึ่ง สกส. จัดขึ้นร่วมกันกับ A day magazine และ British Council เพื่อสร้างการตระหนักรู้ถึงการสร้างการเปลี่ยนแปลงในคนรุ่นใหม่ โดยแม้จะมีผู้ผ่านการคัดเลือกไปร่วมเดินทางเพียง 1 คน แต่เนื่องจากการสร้างการเปลี่ยนแปลงนั้น ทุกคนสามารถเริ่มต้นทำได้ด้วยตนเอง
SE WEEK จึงนำเสนอ รางวัลกิจการเพื่อสังคม หรือ SE AWARDS ที่สนับสนุนเงินก้อนแรกสำหรับคนทุกระดับในการเริ่มต้นสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ตัวเองอยากเห็น โดยให้เงินสำหรับการตั้งต้นรวมกว่า 20 ล้านบาท สำหรับทั้งผู้ที่มีแค่ไอเดีย (IDEA AWARDS) ผู้ที่อยากเริ่มต้นสร้างการเปลี่ยนแปลงด้วยการเริ่มทำจริง (Do it awards) และ ผู้ประกอบการทางสังคมที่ต้องการขยายผลการสร้างผลกระทบทางสังคมของกิจการตนเอง (Change Awards)
คาดว่า จะมีผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมใน SE WEEK สมัครเข้าร่วมเพิ่อเริมสร้างการเปลี่ยนแปลงจริงกว่า 100 คน และเริ่มสร้างการเปลี่ยนแปลงได้เลยในปีนี้
ข้อคิด...
ในยุคปัจจุบันระดับองค์กร ไม่ว่าจะเป็นหน่วยราชการ หรือ ธุรกิจเอกชนก็ตาม กระแสโลกและสังคมระดับต่างๆ คาดหวังและต้องการคบค้าติดต่อสัมพันธ์กับองค์กรที่เก่งและดี นั่นคือต้องมีคุณภาพ ประสิทธิภาพ และคุณธรรม
ดังนั้น จากการใช้แนวคิดเรื่องความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กร หรือ CSR (Corporate Social Responsibility) ทั้งในมิติของกลยุทธ์การดำเนินงาน (CSR-in-process) ซึ่งเป็นแก่นของการกระบวนการทำธุรกิจที่คำนึงถึงการสร้างคุณค่าต่อผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้อง โดยไม่ก่อผลเสียหายต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกันก็มีโครงการกิจกรรมส่งเสริมช่วยเหลือสังคมโดยไม่เกี่ยวกับผลประโยชน์ทางธุรกิจ (CSR-after-process)
แต่ก็ยังมีกิจการจำนวนมากที่เพียงแต่ทำโครงการช่วยเหลือสังคมในเชิงสังคมสงเคราะห์ หรือการบริจาค รวมทั้งมีหลายกิจการที่ทำกิจการมฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมแบบฉาบฉวย เพื่อหวังสร้างภาพลักษณ์ว่าห่วงใยสิ่งแวดล้อม
ทั้งๆ ที่พลังจากการสร้างสรรค์ หรือทำร้ายชุมชน และสิ่งแวดล้อมจะมากมายย่อมมาจากบทบาทของการดำเนินกระบวนการผลิตและการดำเนินธุรกิจมากกว่า
ผมจึงอยากสรุปว่า ถ้ากิจการมี CSR หรือมีความรับผิดชอบต่อสังคมก็คล้ายกับเป็นกิจการธุรกิจที่มี “ใจพระ” แต่การดำเนินกิจการเพื่อสังคม หรือ SE ก็คล้ายกับทั้งตัวกิจการ “เป็นพระ” คือมีกรอบแนวทางเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมเป็น “วินัย” นับตั้งแต่วันก่อตั้งกิจการ Social Enterprise ตลอดมาและตลอดไป
กิจการเพื่อสังคม (SE) ที่มียุทธศาสตร์และยุทธวิธีดำเนินงานที่ดีมีคุณภาพและประสิทธิผลย่อมจะส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่มีคุณภาพเต็มที่ ในราคาที่เหมาะสม ผู้บริโภคย่อม “ถูกใจ” ในสินค้าและบริการ และ “อิ่มใจ” ที่ได้สนับสนุนกิจการที่ส่งผลลัพธ์การดำเนินงานไปสู่การช่วยเหลือและแก้ปัญหาสังคม
ทั้งนี้ เพราะกิจการเพื่อสังคมมิได้มุ่งกำไรสูงสุด ดังนั้นจึงแข่งขันได้ดี ขณะที่ผลกำไรไม่ต้องสนองความต้องการของผู้ถือหุ้น หรือเจ้าของเหมือนดั่งธุรกิจทั่วไป การนำผลกำไรกลับมาส่งเสริมคุณภาพชีวิตพนักงานและการซ้ำที่เหมาะสม จึงสร้างความรักผูกพันแก่พนักงานได้ดี ขณะที่ผู้เกี่ยวข้องย่อมพอใจด้วย
นี่จึงเป็นนวัตกรรมทางสังคมที่เป็นกลไกในการแก้ปัญหาสังคมตามโครงการอย่างมีเป้าหมายและกลยุทธ์ด้วยการสร้างกิจการที่ดี สร้างงานที่มีคุณค่าให้กับคนด้อยโอกาสได้ยกระดับและพัฒนาทักษะจนมีคุณค่าเพื่มอย่างน่าภูมิใจ
suwatmgr@gmail.com
การที่กระแสโลกและสังคมไทยเริ่มตระหนักในการดำเนินกิจการธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือ CSR ณ ปัจจุบันได้ก้าวพ้นระดับที่ทำกิจกรรมเพื่อสังคมเพื่อให้ “ดูดี” กลายเป็นกติกาโลกที่จะเลือกคบ เลือกซื้อกับกิจการที่เก่งและดี
ในอดีตองค์กรที่ทันสมัยมักเน้น “ความเป็นเลิศ” ที่ตั้งเป้าหมาย “สูงสุด” ทั้งยอดขาย ส่วนแบ่งตลาด กำไร และราคาหุ้น เมื่อทุกอย่างที่ต้องการตัวเลขสูงสุดก็ต้องทำทุกวิธีแม้จะสามานย์ก็ตาม นี่จึงนำมาซึ่งความล้มเหลวของ “ทุนนิยม” ที่ก่อให้เกิดผลกระทบเป็นวิกฤติทางดิน น้ำ และอากาศ
แนวคิด “กิจการเพื่อสังคม” ในระดับโลกมีวิวัฒนาการมากว่า 30 ปีแล้ว ด้วยรูปแบบองค์กรที่มีกลยุทธ์การทำงานแบบธุรกิจ แต่มีเป้าหมายเพื่อสังคม คล้ายเป็นองค์กรลูกผสม (Hibrid Organization) ซึ่งได้ดำเนินในหลายประเทศ โดยเฉพาะที่โดดเด่น คือ ประเทศอังกฤษ ทำมาเกือบ 10 ปี มี SE ประมาณ 7 หมื่นกิจการ เพราะรัฐบาลส่งเสริมได้ดี มีกฎหมายเฉพาะและมีกระทรวงด้านประชาสังคมดูแล รวมทั้งมีองค์กรอิสระกิจการเพื่อสังคม
กิจการเพื่อสังคม คือ ธุรกิจ หรือ องค์กรที่ตั้งขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหาสังคม/สิ่งแวดล้อม โดยมีรายได้หลักมาจากการค้าหรือการให้บริการ (มากกว่าการรับบริจาค) เพื่อสร้างการพึ่งพาตนเองได้ทางการเงิน และนำผลกำไรที่เกิดขึ้นไปลงทุนซ้ำเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ทางสังคมที่ตั้งไว้ จึงเป็นการเชื่อมโยงจุดแข็งของสองภาคส่วน คือ การจัดการที่มีประสิทธิภาพของภาคธุรกิจเอกชนมาร่วมกับการมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหาของภาคสังคม เพื่อทำให้เกิดทางแก้ไขปัญหาที่มีนวัตกรรมและมีความยั่งยืน
สำหรับในเมืองไทยมีการจัดตั้ง สำนักงานสร้างเสริมกิจการเพื่อสังคม (สกส.) เป็นหน่วยงานรัฐเชิงยุทธศาสตร์ขนาดเล็ก ภายใต้ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี มีหน้าที่หลักในการสร้างเสริมให้เกิดกิจการเพื่อสังคมที่ยั่งยืนและนำสู่การสร้างผลกระทบทางสังคมขนาดใหญ่ผ่านการสร้างสภาพแวดล้อมสนับสนุน ทั้งในส่วนของระบบบ่มเพาะ นโยบายสาธารณะ และการเข้าถึงเงินทุนสนับสนุนที่เหมาะสม
เมื่อวันที่ 1-9 มีนาคม 2557 ที่ผ่านมานี้ สำนักงานสร้างเสริมกิจการเพื่อสังคมแห่งชาติ (สกส.) ร่วมกับภาคีขับเคลื่อนเรื่องกิจการเพื่อสังคมหลากหลาย ได้สร้างการขับเคลื่อนครั้งใหญ่ของกลุ่มคนทำงานในแวดวงกิจการเพื่อสังคมครั้งแรกในประเทศไทย สัปดาห์กิจการเพื่อสังคม หรือ Social Enterprise Week Thailand 2014
ตลอดทั้งสัปดาห์ มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมที่จัดในสถานที่ต่างๆ กว่า 1,000 คนในกว่า 20 กิจกรรม ซึ่งมีทั้งกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่อยากแก้ปัญหาสังคม กลุ่มนักวิชาการในมหาวิทยาลัยที่ต้องการสร้างหลักสูตรการเรียนการสอนเรื่องผู้ประกอบการทางสังคม กลุ่มองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร กลุ่ม CSR ในบริษัทชั้นนำขนาดใหญ่ กลุ่มนักลงทุนทางสังคม รวมไปถึง กลุ่มกิจการเพื่อสังคม ทั้งที่เพิ่งเริ่มต้น และต้องการขยายกิจการเพื่อขยายวงในการแก้ปัญหามากขึ้น กลุ่มบริโภคที่ต้องการสนับสนุนสินค้าคุณภาพที่ไม่ส่งผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมในทางลบ และช่วยแก้ปัญหาสังคมในขณะเดียวกัน
การเสวนาส่วนหนึ่ง คือ Thai Social Enterprise Forum เป็นเวทีระดับชาติที่รวบรวมนักลงทุนทางสังคม องค์กรที่ทำงานสนับสนุนกิจการเพื่อสังคม บริษัทชั้นนำขนาดใหญ่ที่หันมาทำ CSR สนับสนุนกิจการเพื่อสังคม และผู้ประกอบการทางสังคมทั่วโลก มาพูดคุยเรื่องการขับเคลื่อนของผู้ประกอบการทางสังคมในประเทศตนเองและแนวโน้มการขับเคลื่อนสร้างการเปลี่ยนแปลงของการลงทุนเพื่อสังคม และกิจการเพื่อสังคมทั่วโลก
•Asian Social Investment Forum มีนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศมาพูดคุยกันเรื่องการลงทุนทางสังคมที่สร้างสังคมที่ยั่งยืน พร้อมเรียนรู้จากตัวอย่างการทำงานขององค์กรที่ขับเคลื่อนเรื่องนี้มาเป็นเวลานานทั้งโลก ทั้งเการเริ่มต้นของการลงทุนทางสังคมกับผู้ประกอบการเพื่อสังคมในประเทศอังกฤษของ Big Society และการแพร่ขยายของแนวคิดดังกล่าวไปทั่วโลก โดย Sir Ronald Cohen ประธาน Big Society UK เป็นตัวอย่างการขยายผลกระทบทางสังคมได้มากยิ่งขึ้นของกิจการเพื่อสังคมจากการลงทุนทางสังคม โดย Royston Barganza ผู้บริหาร Grameen Capital องค์กรที่ให้ทั้งคำปรึกษาและเงินกู้ตั้งต้นที่เพียงพอกับผู้ประกอบการทางสังคมที่จะเริ่มต้นของกิจการของตนเอง ซึ่งส่งผลให้เกิดผู้ประกอบการเพื่อสังคมขนาดเล็กจำนวนมากในประเทศแถบเอเชียใต้
นอกจากนี้ ยังมีบทเรียนการลงทุนทางสังคมในประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และ การเปลี่ยนแปลงจากการเป็นนักบริจาคช่วยสังคม (Social Philantroprist) มาเป็นนักลงทุนเพื่อสังคม (Social Investor) ขององค์กรต่างๆ เช่น LGT Philantrophy, Oxfam GB, Insitor Fund และ บริษัทในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
เราได้เห็นความสำเร็จของกิจการเพื่อสังคมจำนวนมากในประเทศอังกฤษ เกาหลีใต้ และ สิงคโปร์ จาก UnLtd UK องค์กรที่ให้ทั้งคำปรึกษา หลักสูตรบ่มเพาะ และ เงินตั้งต้นสำหรับผู้ประกอบการในประเทศอังกฤษ Crevisse Partners องค์กรด้านการลงทุนทางสังคม ที่ลงทุนในกิจการเพื่อสังคมที่มีนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ ในประเทศเกาหลีใต้ และ เอเชีย
ตัวอย่าง เช่น การลงทุนในกิจการเพื่อสังคม Tree Planet กิจการที่สร้างจิตสำนึกเรื่องสิ่งแวดล้อม ด้วยการผลิตเกมปลูกต้นไม้ที่เมื่อผู้เล่นปลูกต้นไม้ในเกมจนเติบโตแข็งแรงแล้ว เกมจะนำต้นไม้จริงๆ ไปให้กลุ่ม NGO ปลูกต้นไม้จริงในพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลกด้วย การสร้างเครือข่ายนักลงทุนทางสังคมของ Asian Venture Philantropist Network รวมไปถึงกิจการเพื่อสังคม OYORI ร้านอาหารสัญชาติเกาหลีที่จ้างงานเยาวชนที่มีปัญหา ซึ่งเปิดสาขาของร้านไปแล้ว 3 สาขา ทั้งในประเทศบ้านเกิดเกาหลีใต้ ประเทศไทย และ เนปาล ผ่านการลงทุนทางสังคมกับองค์กรด้านการลงทุนในประเทศนั้นๆ
มีการยกตัวอย่างการทำงานร่วมกันระหว่างกิจการเพื่อสังคมและบริษัทชั้นนำขนาดใหญ่ในการขยายผลกระทบทางสังคมในรูปแบบการลงทุนเพื่อสังคม จาก Air Asia Foundation, Ashoka Foundation, Asian Philantropist Network Japan และ บริษัทพรีเมียร์ กรุ๊ป ประเทศไทย
รายการเสวนา Social Investment Forum มีกลุ่มนักลงทุน องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรนานาชาติ และ ธนาคารต่างๆ ให้ความสนใจเข้าฟังกว่า 200 คน จึงน่าเชื่อว่าจะเป็นการจุดประกายการขับเคลื่อนเรื่องการสร้างตลาดการลงทุนทางสังคมในประเทศไทย การเปลี่ยนแปลงเงินลงทุนใน CSR จำนวนมากของบริษัทขนาดใหญ่ มาให้กับกิจการเพื่อสังคม เพื่อสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงได้อย่างยั่งยืน และ สร้างความร่วมมือระหว่างองค์กรในอนาคต
•Asian Social Impact Forum
เป็นการสัมมนาเรื่องการสร้างความเปลี่ยนแปลงของผู้ประกอบการทางสังคมที่รวบรวมองค์กรที่ผลักดันเรื่องผู้ประกอบการทางสังคม และ กิจการเพื่อสังคมที่ประสบความสำเร็จอย่างมากทั่วโลก ได้แก่ UnLtd UK, การประสานความร่วมมือระหว่างภาคธุรกิจกับผู้ประกอบการทางสังคมด้วยโมเดลของ Hybrid Value Chain จาก Ashoka India การสร้างผลกระทบทางสังคมจากกิจการเพื่อสังคม อย่าง Rubbies and the rubble และ Hill Holt Wood จากประเทศอังกฤษ Hppinoy จากประเทศฟิลิปปินส์ OYORI และ Beautiful Store จากเกาหลีใต้ และ กิจการเพื่อสังคมจากประเทศไทย อย่างเดลี่ โฮม, ดอยตุง และ Cabbages & Condoms
Forum เวทีนี้มีผู้เข้าร่วมซึ่งเป็นทั้งกิจการเพื่อสังคม และ ผู้ที่อยากเริ่มต้นทำกิจการเพื่อสังคม กว่า 150 คน ซึ่งได้รับทั้งบทเรียนจากกิจการเพื่อสังคม และ การสร้างเครือข่ายของการทำงานจริงในอนาคต
•Socially Enterprising Univerisity Workshop with UnLtd UK
เวิร์คช็อป 3 วันสำหรับคณาจารย์มหาวิทยาลัยชั้นนำ ได้แก่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทวิโรฒน์ มหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าธนบุรี และ มหาวิทยาลัยสุรนารี ที่พร้อมขับเคลื่อนเรื่องการเริ่มต้นหลักสูตรผู้ประกอบการทางสังคมในระดับมหาวิทยาลัย โดยตัวอย่าง และ วิธีการทำงานของ UnLtd UK ผู้ริเริ่มหลักสูตรผู้ประกอบการทางสังคมในอังกฤษที่ประสบความสำเร็จในการสร้างผู้ประกอบการกว่า 10,000 ราย
•Education for Young Change Leaders
การเปิดตัวหลักสูตรผู้ประกอบการทางสังคมสำหรับนักศึกษาปริญญาตรีแห่งแรกในประเทศไทย และ ภูมิภาคอาเซียน หลักสูตร Global studies and Social entrepreneurship (GSSE) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่เน้นการเข้าใจปัญหาสังคม และ แก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนด้วยโมเดลทางธุรกิจ ซึ่งจะเปิดรับนักศึกษาปีแรกในวันที่ 8 มีนาคม 2557 นี้ มีคนรุ่นใหม่ที่สนใจสมัครเข้าร่วมหลักสูตรกว่า 100 คน
•Social Enterprise Beginning Course
หลักสูตรสำหรับผู้ที่เริ่มต้นอยากเป็นผู้ประกอบการทางสังคม เพื่อเสริมสร้างแรงบันดาลใจ และ ทักษะที่จำเป็น โดยมีคนรุ่นใหม่ที่อยากเริ่มต้นกิจการเพื่อสังคมของตัวเองเข้าร่วมจากภูมิภาคต่างๆ กว่า 100 คน
•Social Entrepreneurship trainning course
หลักสูตรเสริมสร้างทักษะในการขับเคลื่อนงานของผู้ประกอบการทางสังคม ซึ่งแบ่งออกเป็น หลักสูตรการตลาดเพื่อสังคม (Social Marketing ) หลักสูตร IT for social change และ วิธีการคิดวิธีการแก้ไขปัญหาสังคมที่ได้รับความนิยมอย่าง Human Centered Design โดยหลักสูตรทั้ง 3 หลักสูตรนี้ มีผู้ประกอบการทางสังคมเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อพัฒนการทำงานของตนเองกว่า 80 คน
- Social Change Film Festival
เทศกาลหนังเปลี่ยนสังคม จัดขึ้นเพื่อตอบสนองทั้งคนรุ่นใหม่และกลุ่มคนทั่วไปที่อยากสร้างการเปลี่ยนแปลงในสังคมโดยไม่จำกัดรูปแบบ โดยหนังสารคดี 5 เรื่องที่ได้รับการคัดเลือกนี้ ล้วนตัวอย่างการสร้างการเปลี่ยนแปลงทางสังคมโดยคนตัวเล็กๆ ที่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีในสังคมที่ตัวเองอยู่ทั่วโลก ตั้งแต่การออกแบบเมืองโดยคำนึงถึงคนที่อยู่ในเมืองเป็นศูนย์กลางอย่าง Urbanized, การตั้งคำถามเรื่องเงินที่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตที่เน้นเรื่องมูลค่ามากกว่าคุณค่าของชีวิต อย่าง Money & Life, การทดลองใช้ชีวิตโดยไม่สร้างผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมของครอบครัวอเมริกันในนครนิวยอร์ก อย่าง Money & Life, การพัฒนาของเทคโนโลยีในการสร้างห้องสมุดออนไลน์ขนาดใหญ่ของ Google ที่ลืมเลือนความสำคัญของคนสร้างงานเขียน อย่าง Google & The World Brain และ วิธีการใช้กระบวนการการออกแบบในการแก้ปัญหาสังคมอย่าง Design & Thinking
เทศกาลหนังเปลี่ยนสังคม ได้รับการพูดถึงเป็นจำนวนมาก และ มีผู้เข้าร่วมดูหนังจำนวน 3,000 คน เชื่อว่าจะสามารถสร้างแรงบันดาลใจในการเปลี่ยนแปลงสังคมในคนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ยังได้รับการตอบรับจำนวนมากจากกลุ่มขับเคลื่อนเรื่องสังคม ทั้งในจังหวัดเชียงใหม่ และ ปัตตานี ที่สนใจนำหนังทั้ง 5 เรื่องไปฉายซ้ำ เพื่อเป็นประเด็นในการพูดคุยเพื่อแก้ปัญหาในพื้นที่ต่อไป
•Book For Change Festival และ Green Shop Festival
เทศกาลหนังสือเพื่อการเปลี่ยนแปลง (Book for change festival) และ Green shop festival (เทศกาลร้านกรีน) จัดขึ้นเพื่อตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภค ที่พร้อมร่วมสร้างการเปลี่ยนแปลงด้วยการร่วมสนับสนุนซื้อสินค้า จากผู้ประกอบการทางสังคม โดยตลอดทั้งสัปดาห์ มีการจัดเสวนาหนังสือจากสำนักพิมพ์คุณภาพ และ เวิร์คช้อปการผลิตเครื่องใช้และวิถึการพึ่งพาตนเองในร้านกรีนทั่วกรุงเทพ โดยทั้ง 2 เทศกาลนี้ มีผู้บริโภคคุณภาพเข้าร่วมกิจกรรมกว่า 200 คน
สำหรับ Book For Change Festival นี้ จะมีการขยายผลด้วยการสร้างระบบสมาชิกหนังสือ ที่เรียกว่า Community Supported Publishing ซึ่งเป็นระบบที่คนอ่าน สามารถสนับสนุนคนทำหนังสือ ทั้งคนเขียน คนแปล และ สำนักพิมพ์คุณภาพได้โดยตรง ด้วยการสมัครสมาชิกสั่งซื้อหนังสือล่วงหน้าจากสำนักพิมพ์เหล่านี้ด้วยระบบการพิมพ์แบบ Double Printing
ถ้าแนวคิดนี้เดินเครื่องได้สำนักพิมพ์คุณภาพจะสามารถสร้างงานสร้างสรรค์ได้อย่างต่อเนื่อง คนเขียน และ คนแปล สามารถได้รับค่าตอบแทนได้เพิ่มมากขึ้น และ คนอ่าน สามารถเข้าถึงหนังสือได้มากขึ้นด้วยราคาต่อปกที่ถูกลง
•SE AWARDS & 80 Days around the world Initiatives
สัปดาห์กิจการเพื่อสังคมในปีแรกนี้ จบลงด้วยการประกาศผลผู้ผ่านการคัดเลือกไปเดินทางดูนวัตกรรมทางสังคม และ กิจการเพื่อสังคม ทั่วโลกกับ รายการ 80 วันรอบโลก ซึ่ง สกส. จัดขึ้นร่วมกันกับ A day magazine และ British Council เพื่อสร้างการตระหนักรู้ถึงการสร้างการเปลี่ยนแปลงในคนรุ่นใหม่ โดยแม้จะมีผู้ผ่านการคัดเลือกไปร่วมเดินทางเพียง 1 คน แต่เนื่องจากการสร้างการเปลี่ยนแปลงนั้น ทุกคนสามารถเริ่มต้นทำได้ด้วยตนเอง
SE WEEK จึงนำเสนอ รางวัลกิจการเพื่อสังคม หรือ SE AWARDS ที่สนับสนุนเงินก้อนแรกสำหรับคนทุกระดับในการเริ่มต้นสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ตัวเองอยากเห็น โดยให้เงินสำหรับการตั้งต้นรวมกว่า 20 ล้านบาท สำหรับทั้งผู้ที่มีแค่ไอเดีย (IDEA AWARDS) ผู้ที่อยากเริ่มต้นสร้างการเปลี่ยนแปลงด้วยการเริ่มทำจริง (Do it awards) และ ผู้ประกอบการทางสังคมที่ต้องการขยายผลการสร้างผลกระทบทางสังคมของกิจการตนเอง (Change Awards)
คาดว่า จะมีผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมใน SE WEEK สมัครเข้าร่วมเพิ่อเริมสร้างการเปลี่ยนแปลงจริงกว่า 100 คน และเริ่มสร้างการเปลี่ยนแปลงได้เลยในปีนี้
ข้อคิด...
ในยุคปัจจุบันระดับองค์กร ไม่ว่าจะเป็นหน่วยราชการ หรือ ธุรกิจเอกชนก็ตาม กระแสโลกและสังคมระดับต่างๆ คาดหวังและต้องการคบค้าติดต่อสัมพันธ์กับองค์กรที่เก่งและดี นั่นคือต้องมีคุณภาพ ประสิทธิภาพ และคุณธรรม
ดังนั้น จากการใช้แนวคิดเรื่องความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กร หรือ CSR (Corporate Social Responsibility) ทั้งในมิติของกลยุทธ์การดำเนินงาน (CSR-in-process) ซึ่งเป็นแก่นของการกระบวนการทำธุรกิจที่คำนึงถึงการสร้างคุณค่าต่อผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้อง โดยไม่ก่อผลเสียหายต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกันก็มีโครงการกิจกรรมส่งเสริมช่วยเหลือสังคมโดยไม่เกี่ยวกับผลประโยชน์ทางธุรกิจ (CSR-after-process)
แต่ก็ยังมีกิจการจำนวนมากที่เพียงแต่ทำโครงการช่วยเหลือสังคมในเชิงสังคมสงเคราะห์ หรือการบริจาค รวมทั้งมีหลายกิจการที่ทำกิจการมฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมแบบฉาบฉวย เพื่อหวังสร้างภาพลักษณ์ว่าห่วงใยสิ่งแวดล้อม
ทั้งๆ ที่พลังจากการสร้างสรรค์ หรือทำร้ายชุมชน และสิ่งแวดล้อมจะมากมายย่อมมาจากบทบาทของการดำเนินกระบวนการผลิตและการดำเนินธุรกิจมากกว่า
ผมจึงอยากสรุปว่า ถ้ากิจการมี CSR หรือมีความรับผิดชอบต่อสังคมก็คล้ายกับเป็นกิจการธุรกิจที่มี “ใจพระ” แต่การดำเนินกิจการเพื่อสังคม หรือ SE ก็คล้ายกับทั้งตัวกิจการ “เป็นพระ” คือมีกรอบแนวทางเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมเป็น “วินัย” นับตั้งแต่วันก่อตั้งกิจการ Social Enterprise ตลอดมาและตลอดไป
กิจการเพื่อสังคม (SE) ที่มียุทธศาสตร์และยุทธวิธีดำเนินงานที่ดีมีคุณภาพและประสิทธิผลย่อมจะส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่มีคุณภาพเต็มที่ ในราคาที่เหมาะสม ผู้บริโภคย่อม “ถูกใจ” ในสินค้าและบริการ และ “อิ่มใจ” ที่ได้สนับสนุนกิจการที่ส่งผลลัพธ์การดำเนินงานไปสู่การช่วยเหลือและแก้ปัญหาสังคม
ทั้งนี้ เพราะกิจการเพื่อสังคมมิได้มุ่งกำไรสูงสุด ดังนั้นจึงแข่งขันได้ดี ขณะที่ผลกำไรไม่ต้องสนองความต้องการของผู้ถือหุ้น หรือเจ้าของเหมือนดั่งธุรกิจทั่วไป การนำผลกำไรกลับมาส่งเสริมคุณภาพชีวิตพนักงานและการซ้ำที่เหมาะสม จึงสร้างความรักผูกพันแก่พนักงานได้ดี ขณะที่ผู้เกี่ยวข้องย่อมพอใจด้วย
นี่จึงเป็นนวัตกรรมทางสังคมที่เป็นกลไกในการแก้ปัญหาสังคมตามโครงการอย่างมีเป้าหมายและกลยุทธ์ด้วยการสร้างกิจการที่ดี สร้างงานที่มีคุณค่าให้กับคนด้อยโอกาสได้ยกระดับและพัฒนาทักษะจนมีคุณค่าเพื่มอย่างน่าภูมิใจ
suwatmgr@gmail.com