ใครที่สวมใส่เสื้อผ้ามือสอง นอกจากซื้อเพราะราคาถูก สิ่งที่สำคัญกว่านั้นก็คือ คุณบอกถึงความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่าซื้อเสื้อผ้าใหม่
...เพราะกว่าจะเป็นเสื้อผ้าเครื่องนุ่งหุ่มสำเร็จรูปต้องผ่านหลายขั้นตอน ซึ่งมีการใช้ทรัพยากรและพลังงานทั้งสิ้น
ถ้าเป็นผ้าผลิตจากผ้าฝ้าย ต้นฝ้ายที่ปลูกก็ต้องใช้น้ำ ได้ปุ๋ย แสงแดดจนกว่าจะเติบโตและเก็บเกี่ยวเป็นวัตถุดิบเพื่อนำไปผลิต พอมาถึงขั้นตอนการผลิตเส้นใยก็ต้องผ่านกระบวนการแปรรูปจากฝ้ายเป็นเส้นด้าย แล้วทอออกมาเป็นผืนผ้า นำไปย้อมสี และตัดผ้าตามแบบที่ต้องการ จะเห็นว่าทุกขั้นตอนมีการใช้พลังงานและทรัพยากรอย่างมากมาย
ข้อมูลจากหนังสือ “To Die For” โดย Lucy Siegle นักเขียนชาวอังกฤษ กล่าวไว้น่าสนใจว่า โดยเฉลี่ยคนเราซื้อเสื้อในปริมาณมากกว่าเมื่อ 30 ปีที่ผ่านมาถึง 4 เท่า คิดเป็นน้ำหนักเสื้อผ้า 28 กิโลกรัมต่อคนต่อปี และเราอาจใช้เสื้อผ้าที่อยู่ในตู้เพียงร้อยละ 10
ดังนั้น เราควรถามตัวเองก่อนซื้อว่า “เราต้องการมัน และมันจำเป็นจริงหรือไม่” ถ้าคำตอบ “ใช่” ก็ลองดูต่อไปว่าเราจะตัดสินใจเลือกซื้อเสื้อผ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างไร ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์เนม หรือ เสื้อผ้าทั่วๆ ไปก็ตาม
•Buy Second-hand เลือกซื้อเสื้อผ้ามือสอง เพื่อยืดอายุและเพิ่มมูลค่าให้เสื้อผ้าก่อนที่จะกลายเป็นขยะที่ไร้ค้า ซึ่งปัจจุบันมีแหล่งเสื้อผ้ามือสองให้เลือกซื้อมากมาย ที่สำคัญราคาถูกกว่าของใหม่
•Buy Classics เลือกซื้อเสื้อผ้าสไตล์คลาสสิก เพื่อได้ใช้งานอย่างคุ้มค่าและยาวนาน ถึงแม้จะหลุดเทรนด์บางช่วง แต่ก็มักจะกลับมาเป็นที่นิยมใหม่อีก
•Buy Green เลือกซื้อผลิตภัณฑ์ “แฟชั่นสีเขียว” เพราะเป็นการผลิตจากวัสดุรีไซเคิล หรือใช้เส้นใยและสีย้อมธรรมชาติ
•Focus on Quality พิจารณาเลือกซื้อเสื้อผ้าที่มีคุณภาพ เพื่อให้การสวมใส่ได้ยาวนาน
•Fix Things Up เลือกซ่อมแซม ปะเย็บ ปรับเปลี่ยนใส่ไอเดียใหม่ๆ แทนการซื้อของใหม่
•Go Organic with Your Cotton เลือกใช้เสื้อผ้าที่ผลิตจากฝ้ายอินทรีย์แทนการใช้ฝ้ายทั่วไปในระบบอุตสาหกรรมซึ่งมักปลูกโดยการใช้ปุ๋ยเคมี และใช้ยาฆ่าแมลง รวมถึงการใช้น้ำอย่างมหาศาล
•Go Green รวมพลังผู้บริโภค เข้าร่วมรณรงค์ ไม่เลือกใช้ และจับตาองค์กรผู้ผลิตเสื้อผ้าที่ยังคงสร้างผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม